7 มิ.ย. 2021 เวลา 08:46 • การเมือง
Men are Trash ผู้ชายเป็นขยะ
เข้าไปถกเถียงอยู่ในห้องกรอบ Feminist ใน Club House วันก่อน เห็นพูดกันเรื่อง Men are trash ยืดยาว และเมื่อคืนนี้ก็มีการเปิดห้อง Men are trash แยกออกมาอีก ก็เลยเข้าไปฟังและแสดงความคิดเห็นช่วงท้าย จริง ๆ ตอนแรกกะจะเข้าไปฟังเฉย ๆ แต่พอฟัง ๆ ไปรู้สึก เอิ่ม... คัดค้านในใจขึ้นมาเรื่อย ๆ
ทำไมถึงค้านในใจน่ะหรอ
คือเรารู้สึกว่า Men are trash มันคือการเหมารวมเกินไป และไม่เคยเห็นผู้หญิง(ไทย)คนไหนเลยที่ประกาศตัวเป็น feminist และ อธิบายคำนี้ได้ดีจริง ๆ แต่พอเมื่อตันและอธิบายถึงความ Hate speech นี้ไม่ได้ ก็จะพูดไปในเชิงอารมณ์น้อยใจ ว่าคุณไม่ใช่เหยื่อหนิ คุณไม่รู้สึกรู้สากับการถูกกระทำจากเพศชาย คุณไม่ถูกคุกคามทางเพศบ้าง หรือ ผู้หญิงทั้งโลกเป็นเหยื่อ
เดี๋ยวก่อน .. ถ้าฉันเป็นผู้หญิง และฉันไม่รู้สึกเป็นเหยื่อล่ะ
คำถามกลับคือ ทำไมคุณต้องเหมารวมทุก ๆ อย่าง ผู้หญิงทั้งโลกเป็นเหยื่อ และ ทำไมผู้ชายถึงเป็นขยะ
ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ใช่เหยื่อ เราเท่าทันในร่องวัฒนธรรมนั้น โนสน โนแคร์ ที่จะถูกจั๊ส ในวัฒนธรรมปิตาธิปไตย และไม่ได้ให้ค่า และเราเจ๋งมากพอ(พูดแบบให้ค่าตัวเองมาก ๆ แหละ)ที่จะไม่เอา ไม่ง้อผู้ชายที่ทำตัวเป็นขยะ (แต่แน่นอนไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน คนรู้จัก คนรัก จะเป็นขยะด้วย)
แต่ถามว่าเราเข้าใจไหมที่ ถ้าผู้หญิงสักคนถูกแฟนฆ่า ถูกข่มขืน แล้ววลี Men are trash จะก้องอยู่ในใจของผู้ถูกกระทำเหล่านั้น เราเข้าใจแหละ แต่ผู้ชายทุกคนที่ไม่ได้สนใจประเด็นของ Feminism หรือ Patriarchy ไม่ได้เข้าใจ และมันจะกลายเป็น Toxic สุด ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ ก็รู้สึกถูกด่า (ลองเอาคำอื่น ๆ ที่เป็นการเหมารวมกลุ่มบุคคลเข้าไปแทน Men เช่น Gay are trash, Karen(กะเหรี่ยง) are trash หรือ Chinese(คนจีน) are trash แล้ว เกย์ กะเหรี่ยง กับคนจีนจะรู้สึกอย่างไร)
เราเลยไม่เชียร์ว่ากระบวนการด้านสิทธิสตรีจะต้องเอาคำว่า Men are trash มาใช้ในการขับเคลื่อนกระบวนการของผู้หญิง เรารู้สึกว่ามันเป็น Toxic ที่มันไม่ได้สร้างสรรค์ให้สังคมเข้าใจเรื่อง Toxic Masculinity หรือ ความเป็นชายที่มันเป็นพิษในสังคมปิตาธิปไตยได้เลย มิหนำซ้ำมันยังสร้างความเกลียดชังให้มีมากขึ้นด้วย
เราคิดว่าเฟมินิสต์หลาย ๆ คนต้องแยกความรู้สึกของเหยื่อออกจากกระบวนการหลัก แต่ไม่ได้หมายถึงการละทิ้งเหยื่อ แน่นอนว่าแต่ละเคสของการถูกกดทับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราต้องขับเคลื่อนสังคมโดยกระบวนการหรือแนวคิด Feminism จริง ๆ กระบวนการที่มันมีความก้าวหน้ามันควรจะมีวิธีการสื่อสารหรือเชื่อมประสานเพื่อสร้างความเข้าใจกับสังคมได้มากกว่าการสร้างความเป็นพิษในทางความรู้สึกของสังคมส่วนรวม
1
และเลิกเหมารวมว่าเหยื่อทุกคนที่ได้รับผลกระทบจาก Toxic Masculinity คือ Feminist เพราะพวกเขาหรือเธออาจจะไม่ได้อยากเป็นอะไรเลย นอกจากเป็นคนที่ได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับการชดเชย ชดใช้ สิ่งที่สูญเสีย แม้มันจะไม่ครบร้อยก็ตาม
ประเด็นต่อมา การเรียกร้องความเท่าเทียมของผู้หญิง ไม่ควรเป็นการกดขี่หรือด้อยค่าเพศอื่น เพราะผู้ชายเป็นพ่อของลูก เป็นลูกของพ่อของแม่ และผู้ชายหลาย ๆ คนในฐานะของสามี
และนี่คือเหตุผลว่าทำไม Men are trash มันถึงกลายเป็น Hate speech
และเหยื่อของ Patriarchy ไม่ได้มีแค่ผู้หญิง
ผู้ชาย เกย์ ทอม หรือเพศอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบจากปิตาธิปไตยกันทั้งนั้น
ความรู้สึกเหยียดผู้ที่มีเพศกำเนิดชายแต่มีพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดเป็นหญิง
เหยียดผู้มีเพศกำเนิดหญิงแต่มีพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิดเป็นชาย
และรวมถึงความคาดหวังความเข้มแข็งจากผู้ชาย คาดหวังความเป็นผู้นำ คาดหวังให้ผู้ชายอ่อนแอไม่ได้ คาดหวังความเป็นสุภาพบุรุษจากผู้ชาย ทั้งที่อัตลักษณ์เฉพาะบุคคลของมนุษย์เพศชายมันไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้เลยก็ได้ มันอาจจะป่วยเป็นโรคหัวใจเลยไม่เข้มแข็ง มันอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่จนและสู้ยังไงก็ไม่สามารถมุทะลุออกมาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มันกดขี่คนจนไว้มิดตีน มันเลยไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เลยเลี้ยงเมียเลี้ยงลูกไม่ได้
มันถูกสอนมาว่าผู้ชายที่เข้มแข็งต้องกร่าง ต้องมีอำนาจเหนือผู้หญิง มันผ่านกระบวนการศึกษาที่โง่และหยาบ มันผ่านกระบวนการขัดเกลาทางสังคมที่โดยวัฒนธรรมของการกดขี่ข่มเหง มันเลยเติบโตมาเป็นผู้ชายที่ข่มขืนผู้หญิง
สุดท้ายแล้วผู้ชายอาจจะไม่ใช่ขยะทั้งหมด Patriarchy ต่างหาก คือ ขยะ
1
โครงสร้างขยะที่กดทับคนทุกเพศทุกวัยให้เกรียนและไม่สามารถดันเพดานให้คนทั้งหมดในสังคมปิตาธิปไตยไปถึงคำว่า สิทธิมนุษยชน เสียที
โฆษณา