วัฏจักรเศรษฐกิจสามารถแบ่งได้เป็น 4 ระยะดังนี้
1) ระยะฟื้นตัว ( Recovery ) เป็นภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหลังจากเศรษฐกิจตกต่ำถึงขีดสุด ในระยะนี้เศรษฐกิจโดยทั่วไปเริ่มจะดีขึ้น ราคาสินค้าเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น กำไรของผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการเป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น ผู้ผลิตจะหันมาลงทุนในกิจการมากขึ้น การผลิตผลผลิตเพิ่มขึ้น การจ้างงานก็จะสูงขึ้น ประชาชนเริ่มมีรายได้ดีขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ธนาคารรวมทั้งสถาบันการเงินอื่นๆจะเริ่มปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำลงเพื่อกระตุ้นการลงทุนของผู้ประกอบการ
Lead indicator => อัตราเงินเฟ้อต่ำ อัตราดอกเบี้ยต่ำ
=> ในช่วงระยะนี้เป็นช่วงนี้เหมาะแก่การลงทุนมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเนื่องจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องผลิตมากขึ้น กลุ่มพลังงานและกลุ่มขนส่ง การฟื้นตัวจะทำให้เกิดการเดินทางและการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง กลุ่มอุปโภคบริโภคเติบโตตามความต้องการสินค้า
2) ระยะเฟื่องฟู ( Peak ) ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบมีกำไรไปในทางที่ดีมาก นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ การลงทุนต่างๆจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นมาก ประชาชนมีรายได้สูงขึ้นมาก และสามารถจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการได้มากขึ้น เป็นระยะที่มีการซื้อง่ายขายคล่อง เศรษฐกิจจะมีการเจริญเติบโตในอัตราสูง ราคาของสินค้าและบริการมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจนอาจจะก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อขึ้นมาได้
Lead indicator => อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่ปรับสูงขึ้น
=> ในช่วงระยะนี้สินค้าฟุ่มเฟือยทางด้านเทคโนโลยีจะค่อนข้างขายดี เครื่องประดับจะขายดี ประชาชนมีกำลังที่จะจับจ่ายใช้สอย กลุ่มพลังงานยังคงเติบโตรวมถึงการขนส่ง ในระยะนี้นักลงทุนบางกลุ่มจะหันมาสนใจพวกกลุ่มที่เป็น Defensive stock เช่นกลุ่มโรงพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุน
3) ระยะถดถอย ( Recession ) เป็นระยะที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากการที่มีการผลิต การลงทุน และการบริโภครวมเกินกว่ากำลังการผลิตของประเทศ รวมทั้งการที่ต้นทุนการผลิตโดยรวมสูงขึ้นเพราะจะต้องแข่งขันกันในการแย่งทรัพยากรการผลิต สภาพการแข่งขันกันผลิตทำให้ราคาและผลตอบแทนลดต่ำลง ผู้ผลิตจึงลดการลงทุน ส่งผลให้การผลิตและการจ้างงานลดลง รายได้ของประชาชนน้อยลง สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปเริ่มมีแนวโน้มที่แย่ลง
Lead indicator => อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง
=> ช่วงระยะนี้จะกลับเป็นกลุ่มที่ไม่ว่ายังไงทุกคนก็จำเป็นต้องใช้เช่น กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีกอุปโภคบริโภค และกลุ่มธนาคารที่ได้ผลดีจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงคือกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยกลุ่มเทคโนโลยี
4) ระยะตกต่ำ ( Trough ) การลงทุนรวมจะลดลงมาก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น ธนาคารและสถาบันการเงินจะเร่งรัดให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการชำระเงินต้นและจ่ายคืน ผู้ผลิตและผู้ประกอบการจะไม่มีความมั่นใจในกำไรและอัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ สินค้าเหลือค้างจำนวนมาก ในที่สุดเศรษฐกิจจะเกิดการหดตัวลงถึงจุดต่ำสุด การจ้างงานและการบริโภคจะต่ำลง
Lead indicator => อัตราเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัวลง อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ แต่จะเริ่มเห็นมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลดอัตราดอกเบี้ย
=> ช่วงระยะนี้ยังคงเน้นเกี่ยวกับจำพวกกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันพวกอุปโภคและบริโภค