7 มิ.ย. 2021 เวลา 15:00 • หนังสือ
ผมก็เชื่อว่าผู้ติดตามของเพจผม มีไม่น้อยแน่ ๆ ที่เป็นนักอ่านหนังสือตัวยง
ผมเลยรีบเขียนรีวิวหนังสือ 9 เล่ม ที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์ และเปลี่ยนวิธีคิดให้กับผมไปอย่างมากมาย คุณลองอ่าน เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของแคมเปญ 6.6 แล้ว
หากคุณยังไม่เคยอ่านหนังสือเหล่านี้ ผมแนะนำให้ลองซื้อมาอ่านดูครับ
---
สวัสดีคุณผู้อ่านทุกคนครับ
แม้วันนี้จะหารด้วยเลข 3 ไม่ลงตัว แต่ผมก็ตั้งใจเขียนขึ้นมา เพื่อให้คุณได้เอาไปประกอบการตัดสินใจซื้อในช่วงมหกรรมลดราคาเช่นนี้ โดยหนังสือทั้ง 9 เล่ม เป็นเล่มที่ผมยกนิ้วให้ว่าดีมาก หากคุณได้อ่านแล้ว ผมรับรองว่าจะเป็นความรู้ประดับสมองให้คุณได้อย่างแน่นอน
ผมไม่ได้จัดอันดับหนังสือเรียงเลขนะครับ ผมรีวิวจากความกว้างของเล่ม (ตามรูปด้านบน)
1. The Examined Life https://bit.ly/3coyhVN
ขอสารภาพว่า ผมอ่านจบไปนานจนลืมเนื้อหาส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่น่าแนะนำอยู่
ผู้แต่งเป็นนักจิตบำบัด ที่รับให้คำปรึกษากับคนไข้ที่เกิดอาการทางจิตมากมาย โดยใช้วิธีรักษาแบบจิตวิเคราะห์ ก็จะมีคนไข้หลากหลายแบบเข้าไปรักษากับเขา
เคสที่ผมจำได้ เป็นเคสของเด็กคนหนึ่งที่ติดคุกติดตารางเพราะปัญหาร้ายแรงซักอย่าง (ผมจำไม่ได้) มีนักจิตวิทยามากมายเข้าไปทำการรักษา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ โดนเจ้าเด็กบ้านี่เล่นงานจนท้อทุกคน
แต่พอคุณหมอเจ้าของหนังสือเข้าไปรักษา เขาสามารถเปิดใจเด็กคนนี้ได้ ผมจำไม่ได้ว่าด้วยวิธีการอะไร ถ้าคุณอยากรู้ก็ลองซื้อมาอ่านดูนะครับ (อิอิ)
หนังสือเล่มนี้จะเล่าประสบการณ์การรักษาของคุณหมอตลอดทั้งเล่ม โดยผู้แต่งจะคอยแทรกความรู้ทางหลักจิตวิทยา ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจธรรมชาติของชีวิตมนุษย์มากยิ่งขึ้น
2. How to Raise your Self Esteem https://bit.ly/3uZ3xRC
ตอนที่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก ผมยกให้มันเป็นหนังสือเปลี่ยนชีวิตอันดับหนึ่ง (ขโมยที่หนึ่งจากหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด ไป)
หนังสือเล่มนี้ปลดล็อกความสามารถในการนับถือตัวเองของผม มันไม่ใช่หนังสือ Self Help ที่ให้กำลังใจเราเหมือนหนังสือตลาด แต่อธิบายด้วยหลักการทางจิตวิทยาที่ลึกซึ่ง กินใจ
ผมแนะนำให้คุณซื้อหนังสือเล่มนี้มาเลย หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง หรือมีความนับถือในตัวเองตัว
คุณจะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความนับถือของตัวเองอย่างหมดเปลือก ว่ามันไม่ใช่แค่แนวคิดที่ให้กำลังใจตัวเองเท่านั้น แต่มันเป็นรากของปัญหาในมนุษย์แทบจะทุกอย่าง
“นอกจากปัญหาที่มีสาเหตุทางชีวิภาพแล้ว ผมยังไม่เคยพบปัญหาทางจิตใจเรื่องใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการมีความนับถือตัวเองต่ำเลย” - ดร.นาธาเนียล แบรนดอน ผู้แต่งหนังสือ How to Raise your Self Esteem
3. ชีวิตดีขึ้นทุก ๆ ด้านด้ายการจัดบบ้านแค่ครั้งเดียว https://bit.ly/3fWRMHe
ก่อนที่ผมจะอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมมักรู้สึกผิดที่จะต้องทิ้งสิ่งของใด ๆ ไป เนื่องจากวัฒนธรรมของบ้านผม การทิ้งของเท่ากับการทิ้งเงิน ของทุกอย่างมีค่า ถ้าเก็บไว้เดี๋ยวซักวันก็ต้องได้ใช้ นั่นทำให้บ้านผมมีสิ่งของมากมายถูกจัดเรียงอย่างแน่นขนัด แม้จะเป็นระเบียบดี แต่พบว่าแทบไม่เคยหาของสำคัญในเวลาสำคัญเจอเลย
หากคุณก็มีปัญหาคล้ายกับผมละก็ ผมแนะนำให้คุณอ่านหนังสือเล่มนี้ครับ
หนังสือเล่มนี้ แต่งโดย คนโดะ มาริเอะ อาจารย์สอนจัดบ้านอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ดีกรีของเธอคือ นักเรียนของเธอไม่เคยกลับมาเรียนเรื่องการจัดบ้านกับเธอไม่อีกครั้ง นอกจากนี้ เธอยังเขียนหนังสือติดชาร์ตอันดับหนึ่งในเว็บไซต์แอมะซอนมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
1
แนวคิดหลักของหนังสือเล่มนี้คือ ทิ้ง กับ เก็บ
2 สิ่งนี้แยกขาดกันอย่างชัดเจน คุณไม่สามารถทิ้งอย่างเดียว หรือเก็บอย่างเดียว แล้วจะทำให้บ้านกลับมาเป็นระเบียบได้
คุณต้อง “ทิ้ง” สิ่งของที่ไม่ได้มอบความสุขกับคุณอีกแล้ว (Spark Joy) และ “เก็บ” ของที่ Spark Joy กับคุณ
หากคุณมีข้อโต้แย้งประมาณว่า
“เป็นแนวคิดที่ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งของเลย”
“ถ้าเผลอทิ้งของสำคัญไปจะทำไง”
“คิดถึงคนไม่มีอันจะกิน ที่เค้าไม่มีเหมือนเราบ้าง”
ลองซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูก่อนครับ เพราะคุณคนโดะ อธิบายด้วยหลักการที่เป็นมิตรกับธรรมชาติไว้หมดแล้ว
4. อยู่แต่ใน “กล่อง” คุณจะไปเห็นอะไร https://bit.ly/3cmaMN0
ผมแนะนำหนังสือเล่มนี้มาหลายรอบแล้ว ครั้งนี้ผมก็ขอแนะนำอีกซักครั้งละกัน
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอน How To แต่เล่าเรื่องด้วยแบบแผนของนิยาย โดยกลุ่มคนแต่ง ได้สมมติตัวละคร และเซ็ตติ้งต่าง ๆ ขึ้นมาเอง
หนังสือจะพาคุณอินกับตัวละครในเรื่อง ปมปัญหาต่าง ๆ และพาคุณร่วมคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งของคนเหล่านี้
ซึ่งแนวคิดหลักของหนังสือเล่มนี้คือ “ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด”
ทฤษฎีนี้บอกว่า คนเรามักอยากให้อีกฝั่งทำตัวดีกับเรา แต่คนผู้นั้นกลับปฎิบัติกับอีกฝ่ายเหมือนกับว่าเป็นศัตรูกับผู้นั้น อีกทั้งอีกฝ่ายก็ปฏิบัติในสิ่งเดียวกัน กลายเป็นวงจรอุบาทที่ทั้ง 2 คนนั้น “สมรู้ร่วมคิด” กันเอง
โดยแนวทางแก้ไข จะเป็นการทำความเข้าใจก่อนว่า คนเรามักอยู่ใน “กล่อง” ที่มีหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกล่องแห่งความเหนือกว่า กล่องแห่งความคู่ควร หรือ กล่องแห่งภาพลักษณ์ เป็นต้น
เมื่อเราทำความเข้าใจ และสำรวจได้ว่าเราอยู่ในกล่องไหน ที่นี้ พอเกิดสถานการณ์ขัดแย้งที่คล้าย ๆ เดิมเกิดขึ้น ก็ให้เข้าใจถึงกระบวนการของความสมรู้ร่วมคิด และมองอีกฝ่ายให้เป็น “คน” ไม่ใช่ “สิ่งของ” เราก็จะกระทำด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันไป
เอาไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า พอเป็นน้ำจิ้ม ๆ ที่เหลือลองไปหาอ่านดูนะ XD
5. ทำน้อยให้ได้มาก https://bit.ly/2S8TlJa
หนังสือแนวพัฒนาตัวเองอันดับหนึ่งของผม และเป็นแนวคิดที่ผมเชื่อมั่นอย่างหมดใจ ว่ามันจะทำให้ชีวิตของทุกคนเป็นไปในทางที่พอใจ
หลักการทำน้อยให้ได้มาก คือการเลือกทำสิ่งสำคัญ และเลือกตัดสิ่งไม่สำคัญทิ้ง
1
ผู้แต่งกล่าวในต้นหนังสือว่า หลักการมันมีแค่นี้จริง ๆ บทที่เหลือเป็นแค่สิ่งเพิ่มเติม ที่จะอธิบายด้วยหลักการ 2 ข้อที่ว่า และเป็นแนวทางที่คุณสามารถเอาไปใช้ได้จริง
ซึ่งการอธิบายเพียงแค่ที่ ก็เพียงพอแล้วสำหรับหนังสือเล่มนี้ หากคุณไม่เคยอ่าน ผมขอแนะนำให้คุณได้อ่านจริง ๆ ครับ
“น้อย แต่ มาก”
ผมยังอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่จบ แต่แค่ที่อ่านมาก็เพียงพอแล้วที่ผมจะยกหนังสือเล่มนี้ขึ้นหิ้ง
คำนิยมของหนังสือเล่มนี้คือ “หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในบรรดาหนังสือที่ดีที่สุด ซึ่งเขียนขึ้นในทศวรรษนี้ ที่นักการตลาดต้องอ่าน” - Journal of Marketing Research
หลาย ๆ อย่างในหนังสือเล่มนี้ ผมรู้สึกได้รับความรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากการตลาดสกปรกได้ดีมาก คล้ายการ “แฉ” ความระยำตำบอนของการชักจูง ขณะเดียวกันก็ให้เราเอาไปปรับใช้ในชีวิต
หนึ่งในแนวคิดที่ผมจำได้ดีคือ หลักของการให้ก่อน แล้วเราจะเรียกร้องกลับมาเท่าไหร่ก็ได้ คนที่เราให้ก็มีแนวโน้มที่จะทำตามข้อเรียกร้องนั้น เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สมควรตอบแทน
หรือการขอร้องใคร ให้ขอร้องในเรื่องที่เล็กน้อยก่อน แล้วพอเขายอมช่วยแล้ว เราก็ขอเพิ่มขึ้นอีกนิด เขาก็มีแนวโน้มว่าจะช่วยต่อ เพราะคิดว่าก็แค่เพิ่มขึ้นจากเดิมนิดเดียว ด้วยหลักการนี้คุณสามารถขอไปได้อีกเรื่อย ๆ คล้ายสุภาษิต ได้คืบจะเอาศอก
หรืออย่างคำว่า “เพราะ” คำ ๆ นี้จะทำให้เรื่องที่คุณเล่าดูมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาทันที แม้หลังคำนั้นจะมีแต่อะไรก็ไม่รู้ก็ตาม
ยังมีหลักการทางจิตวิทยาอีกมากมายในหนังสือเล่มนี้ ที่ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช่ชีวิตได้อย่างแน่นอน คุณจะไม่ถูกหรอก หรือตกเป็นทาสของการตลาดอีกต่อไป หากอ่านหนังสือเล่มนี้
แต่จุดติเล็กน้อยครับ ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้อ่านยากจัง รู้สึกว่าคำศัพท์มักอ่านแล้วไม่ลื่นซักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าแปลไม่ดีหรือต้นฉบับยากอยู่แล้วก็ไม่แน่ใจ ตรงนี้ก็เป็นข้อพิจารณานะครับ
7.เงียบให้ถูกจังหวะ คนชนะไม่พูดมาก https://bit.ly/2Shqi5V
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ยังไม่จบเหมือนกัน แต่แค่ที่อ่านก็รู้สึกคุ้มค่า และขึ้นเป็นหนังสือแนะนำในใจผมได้แล้ว
แม้ชื่อหนังสือจะฟังดู Click Bait ไปหน่อย แต่หลักการในหนังสือ เรียกได้ว่า “แน่น” มาก
สิ่งที่ผมจำได้…
การจะเข้าถึงใจผู้คนได้ เราต้องทำให้คู่สนทนารู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกับเขา โดยตัวอย่างเป็นเรื่องราวของผู้แต่งเอง เขาเป็นจนท.เอฟบีไอ ที่ต้องตามจับฆาตกรที่กำลังจะฆ่าตัวประกัน เขาก็เกลี้ยกล่อมด้วยการเริ่มที่เห็นใจก่อน บอกว่า เขาคงจะรู้สึกว่าไม่มีใคร รู้สึกไม่มีทางออก
เมื่อเราพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขา เขาก็มีแนวโน้มที่จะเปิดใจ และเห็นเราเป็นเพื่อน เรื่องราวหลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว (ผมรู้สึกอธิบายเหตุการณ์ง่ายไปหน่อย กลัวผู้อ่านเข้าใจผิด แต่ในหนังสือมีเซ็ตติ้งที่เมคเซนต์ น่าเชื่อถือ)
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมาก เป็นแนวคิดการใช้เหตุผลของมนุษย์
โดยมนุษย์จะมีสมองอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน คือ สมองดึกดำบรรพ สมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสมองชั้นสูง
หากมนุษย์เจอกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด เขาจะถูกปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “อมิกดาราจี้” เป็นสภาพที่คุณจะหมดสภาพ ไม่สามารถใช้สมองที่สาม หรือสมองชั้นสูงได้ ทำให้การคิดด้วยเหตุผลของคุณใช้ไม่ได้ในขณะนั้น
1
ทางออกคิด พยายามรู้ตัวให้ได้ โดยให้คุณฝึกนับ 1-3 เมื่อนับครบแล้วคุณจะใจเย็น อมิกดาราจะกลับมาทำงานได้แบบปกติ
ประมาณนี้ก่อนครับ หากอยากรู้อีก ลองหามาอ่านดูนะครับ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
ผมคิดว่าเล่มนี้แปลดีมาก แต่เนื้อหาก็แอบอ่านยากอยู่ ยากในที่นี้ไม่ใช่ขนาดอ่านเทกซ์บุ๊คอะไรแบบนั้น แต่เนื้อหาทุกส่วนต้องใช้สมองทำความเข้าใจอย่างหนัก
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมยังอ่านไม่จบนั่นเอง (ฮา)
8. Why We Sleep https://bit.ly/3vZD7QZ
ในยุคที่การนอนน้อยคือเรื่องน่าภูมิใจ ดูเป็นคนขยัน หนังสือเล่มนี้เข้ามาแก้ไขความเข้าใจผิด ๆ เหล่านี้
เรียกได้ว่า เป็นหนังสือที่ ครบ จบ ในเล่มเดียว เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยการนอน
คุณจะเข้าใจเรื่องการนอนอย่างถูกต้อง จะได้ไม่ไปว่า่ ว่าคนนอนเยอะ เป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว แต่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่จะทำให้ชีวิตเป็นไปด้วยดี
เมื่อคุณอ่านจบ คุณจะรู้สึกอยากนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงในทุก ๆ วัน
เดินทางมาถึงหนังสือแห่งยุค ผมรู้สึกว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีครอบครองกันอยู่แล้ว แต่หากคุณยังไม่มี หรือไม่เคยรู้จัก ผมก็แนะนำให้คุณลองซื้อมาอ่านดู
หนังสือเล่มนี้อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษยชาติในทุกแง่มุม ไล่ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในยุคก่อนจะวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์
ไฟเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นเป็นที่หนึ่งของห่วงโซอาหาร
มนุษย์ประกอบสร้างเรื่องราวร่วมกัน จนทำให้สามารถเอาชนะทุกสิ่ง
การปฏิวัติเกษตรกรรมไม่ใช้เรื่องดี แต่เป็นก้าวแรกที่ทำให้มนุษย์เข้าสู่นรกแห่งความยากลำบาก
ความจริงเชิงจินตนาการ ปรับเปลี่ยนได้ตามความเชื่อของมนุษย์
จุดเริ่มต้นของตัวเลขและเงินตรา
และอื่น ๆ อีกมากมาย
อยากบอกว่า หนังสือเล่มนี้อ่านง่าย เมื่อเทียบกับ 3 เล่มด้านบน แม้เนื้อหาจะหนักเหมือน ๆ กัน แต่เล่มนี้ใช้ภาษาได้อย่างเข้าใจง่ายที่สุด
แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนังสืออ่านเล่น มั่นไม่ได้อ่านง่ายขนาดนั้น หากคุณไม่ชอบอ่านเนื้อหาอะไรที่เป็นแบบ ความจริงของของชีวิต คนเราเกิดมาทำไม หนังสือเล่มนี้ก็อาจไม่ตอดโจทย์
----
1
หนังสือทั้ง 9 เล่ม เป็นหนังสือที่ผมรีบยกมาแนะนำเพื่อน ๆ ทุกคน ด้วยคิดว่าเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาดี สามารถเพิ่มพูนความคิดอ่านให้กว้างไกลขึ้น
โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่กำลังมีแคมเปญลดราคาขนานใหญ่อยู่ ซึ่งก่อนซื้อก็อย่าลืมไปเอาโบนัส และเก็บคูปองมาใช้ด้วยนะครับ จะได้ถูก ๆ กันมากไปอีก
โบนัส: https://bit.ly/3wPN7wg
เก็บคูปอง: https://bit.ly/2T6bvLq
สุดท้าย ผมขอให้คุณ ได้มีหนังสือที่ตรงใจครับ ^ ^
โฆษณา