8 มิ.ย. 2021 เวลา 01:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ส่องหุ้น “ทีวีดิจิตอล” ไทย
BEC vs WORK นาทีนี้ใครน่าสนใจยังไง ?
หลังจากที่ Covid-19 ได้แพร่ระบาดจนทำให้เกิดผู้คนต้องอยู่บ้านมากขึ้น เชื่อว่าคงมีใครหลายๆคนทราบว่าช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาทองของสื่อบนอินเตอร์เน็ต เพราะจากเดิมทีเคยเติบโตมาดีอยู่แล้ว ยังมีโควิดมากระตุ้นให้โตได้ไวขึ้นไปอีก
ซึ่งนั่นก็จริงครับ แต่ก็ใช่ว่าสื่อที่เคยเป็นอันดับ 1 ในอดีตก่อนหน้าสื่ออินเตอร์เน็ตอย่าง “ทีวีดิจิตอล” จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และหากลองสังเกตุดูจะพบว่ากำลังเป็นกลุ่มที่มีความคึกคักเป็นพิเศษ
เพราะไม่ว่าจะยังไงแล้วการ Work from home ที่เกิดจาก Covid-19 นั้นก็ยังเป็นวิกฤติที่ส่งผลให้ผู้คนต้องการเสพข่าวสาร และคาดกันว่าแนวโน้มการใช้สื่อโฆษณาผ่านทีวีดิจิตอลในปีพ.ศ. 2564 จะมีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน
สอดคล้องกับงบประจำไตรมาสแรกของปีนี้ ที่พบว่าหุ้นเด่นสองตัวจากกลุ่มทีวีดิจิตอลอย่าง BEC และ WORK ที่มีกำไรปรับตัวขึ้นมาจากปีก่อนถึง 150% และ 155% กันเลยทีเดียว
และเดี๋ยวพวกเรา หุ้นพอร์ตระเบิด จะพาทุกคนไปส่องหุ้นสองตัวนี้กันดีกว่าว่า BEC และ WORK นั้นมีความน่าสนใจยังไงบ้าง ?
BEC (Market cap 26,800 ล้านบาท)
มาเริ่มกันที่ BEC หรือบมจ. บีอีซี เวิลด์ ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อทีวีครบวงจรด้วยการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี "ช่อง3" โดยจะสามามารถแบ่งธุรกิจออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ
2
ธุรกิจคอนเทนต์
ได้แก่ แพลตฟอร์มโทรทัศน์, แพลตฟอร์มออนไลน์, การจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ, บริการจัดหา ผลิตรายการบันเทิงและสารคดี
ธุรกิจสนับสนุน
ได้แก่ ธุรกิจผลิตรายการ, ธุรกิจการทำมาร์เก็ตติ้งในการจำหน่ายเพลงและธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ
โดยสัดส่วนรายได้หลักๆของทาง BEC นั้นก็ยังเป็นรายได้การขายเวลาโฆษณาบน ช่อง 3 ในสัดส่วน 81% รองลงมาเป็นรายได้จากการให้ใช้ลิขสิทธิ์และบริการอื่นอีก 10.1%
แต่สำหรับรายได้ที่กำลังน่าจับตามองของ BEC ในช่วงหลังก็คงจะเป็นรายได้จากธุรกิจใหม่ๆอย่างธุรกิจขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มผ่านแอปพลิเคชั่น “CH3Plus”
💰งบการเงินของ BEC
1
ปี 2561 รายได้ 10,486.41 ล้านบาท
ขาดทุน 330.18 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 8,751.62 ล้านบาท
ขาดทุน 397.17 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 5,908.22 ล้านบาท
ขาดทุน 214.25 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2564 รายได้ 1,308.2 ล้านบาท
กำไร 138.8 ล้านบาท
ในช่วงที่ผ่านมา BEC นั้นได้มีการปรับโครงสร้างมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นลดต้นทุนการผลิต, ต้นทุนการซื้อคอนเทนต์, การปรับลดพนักงาน รวมไปถึงการขายบีอีซี เทโรฯ ออกไป
ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนในไตรมาส 1/64 ลดลงมาถึง 39% โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการบริหารที่ปรับตัวลงมากว่า64% อันเป็นสาเหตุให้ BEC “พลิกกลับมามีกำไร” นั่นเอง และสำหรับในไตรมาส 2 แนวโน้มผลประกอบการของ BEC ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างสดใส
1
เพราะมีทั้งผลบวกจากการกลับมาของคุณ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่คาดว่าจะทำให้เรตติ้งรายการข่าวดีขึ้น และปัญหา Covid-19 ที่ทำให้คู่แข่งไม่สามารถรวมตัวกันถ่ายคอนเทนต์ใหม่ๆได้ รวมไปถึงการเติบโตจากธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม & ธุรกิจขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศ
WORK (Market cap 11,480 ล้านบาท)
ตัวที่สองเป็น WORK หรือบมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ผู้เชี่ยวชาญในด้านความบันเทิงที่หลากหลายของเมืองไทยที่ทำธุรกิจหลักอยู่ 4 กลุ่มคือ
1
ธุรกิจรายการโทรทัศน์
ออกอากาศทางโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลช่อง “เวิร์คพอยท์(หมายเลข 23)” ด้วยคอนเทนต์ที่ครบทั้งข่าว ละคร รายการบันเทิง รายการกีฬา และรายการที่บุคคลภายนอกมาเช่า รวมไปถึงช่องทางออนไลน์เช่น Youtube , Facebook, เว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น
4
ธุรกิจรับจ้างจัดงาน
ให้บริการด้านการจัดงานกิจกรรมแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการและจุดมุ่งหมายของลูกค้า ที่ผ่านมาบริษัทได้รับความไว้วางใจให้จัดงานสำคัญๆ ต่างๆ มากมายให้แก่ทั้งภาครัฐและเอกชน
ธุรกิจละครเวที & คอนเสิร์ต
ให้บริการจัดงานคอนเสิร์ตและละครเวที ทั้งที่เป็นการแสดงจากกลุ่มนักแสดงในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการให้เช่าสถานที่เพื่อจัดแสดง
2
ธุรกิจขายสินค้า & บริการ
ภายใต้แบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของสิทธิ์และสินค้าฝากขาย ครอบคลุมทั้ง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ในครัว ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ
1
💰งบการเงินของ WORK
ปี 2561 รายได้ 3,640.36 ล้านบาท
กำไร 345.30 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 2,835.59 ล้านบาท
กำไร 159.50 ล้านบาท
1
ปี 2563 รายได้ 2,336.71 ล้านบาท
กำไร 159.11 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2564 รายได้ 599.07 ล้านบาท
กำไร 117.84 ล้านบาท
1
สำหรับผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของ WORK ประจำไตรมาสแรกปีพ.ศ. 2564 นั้นก็จะเป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุนและการลดค่าใช้จ่ายในการขาย & บริการ ทำให้ SG&A ปรับตัวลดลงมา 12.1%
1
นอกจากนี้รายได้ของธุรกิจสื่อทีวียังมีการเติบโตขึ้นมาอีกด้วย 16% หากเทียบกับปีก่อนเนื่องจาก WORK มีรายการใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง ร้องข้ามกำแพง และหัวท้ายตายก่อน
และถึงแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่แต่ก็คาดว่าผลกระทบน่าจะไม่รุนแรงเท่าปีก่อน ประกอบกับฐานกำไรที่ต่ำในช่วงไตรมาส 2/63 ดังนั้นจึงคาดว่าในไตรมาส 2 ปีนี้ ผลประกอบการของ WORK จึงน่าจะเติบโตขึ้นไปได้
เป็นยังไงกันบ้างครับกับหุ้นทีวีดิจิทัลทั้งสองตัวที่พวกเราได้นำเอาข้อมูล & ข่าวมาอัพเดทกันให้เพื่อนๆทราบ เพราะถ้าดูจากเม็ดเงินที่โฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์ในเดือนเมษายน 64 ก็ถือว่ามีการปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 32% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่น่าจับตามอง
2
เรียกได้ว่าการ Comeback ของหุ้นทีวีดิจิตอลไทยนั้นก็จะเป็นผลมาจากทั้งการลดต้นทุนภายใน และเม็ดเงินโฆษณาที่เริ่มกลับมาตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเลยล่ะครับ นอกจากนี้ผลกระทบจากค่าใบอนุญาตสัมปทานที่จ่ายให้ กสทช. ก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
มาติดตามไปพร้อมๆกันครับว่าหลังจากที่รัฐบาลเริ่มฉีดวัคซีน Covid-19 ให้กับประชาชนได้มากขึ้นและส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้แล้ว หุ้น “ทีวีดิจิตอล” จะไปต่อได้ไกลอีกแค่ไหน ?
สำหรับในวันนี้พวกเรา หุ้นพอร์ตระเบิด ก็คงจะต้องขอตัวลาเพื่อนๆทุกท่านกันไปก่อน
สวัสดีครับ...
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.08 %
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา