8 มิ.ย. 2021 เวลา 06:33 • ไลฟ์สไตล์
ควันที่ยังไม่เคยจางหายจากทริปอรุณาจัล ประเทศอินเดีย 🇮🇳🇹🇭
ชาวไทคำตี่ที่อรุณาจัล
....อยากจะเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับกิจกรรมที่พวกเราได้ไปร่วมทำกัน ที่อรุณาจัล ประเทศอินเดีย ในหลายปีที่ผ่านมา ...
.
จวบจนกระทั่งถึงวันนี้ ก็ยังคงเป็นความทรงจำที่งดงามของตัวเองที่ไม่เคยลืมเลือน 😊
เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผู้เขียนได้รับมาจากดินแดนแห่งเทือกเขารุ่งอรุณ หรือ ดินแดนแห่งขุนเขายามรุ่งอรุณ” (land of the dawn-lit mountains)
..
ผู้เขียนกล้าบอกเลยว่า ...คุณจะไม่สามารถเห็นอะไรแบบนี้ทุกที่บนโลกใบนี้ นอกจากคุณจะได้มาสัมผัสด้วยตาและความรู้สึกของตัวคุณเอง
..
และผู้เขียนขอนำความรู้สึกดี ๆ มาแบ่งปันจากมุมมองของตัวเองที่เคยได้ไปสัมผัส "อรุณาจัล" มาแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต 😊😄
ขอบคุณภาพจาก Arif Siddiqui
ว่าไปแล้วทริปนี้เป็นการเดินทางที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วมาก ๆ สำหรับตัวผู้เขียนเอง เพราะแทบจะไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมากนัก
...
..
เมื่อพี่ขวัญเรือนถามว่าขิ่น... เธอจะไปอรุณาจัลไหม พี่ขวัญเรือนถามและต้องการคำตอบด่วนมากกกก !!!
ตัวเราเองก็ไม่เคยรู้อะไรเลย เกี่ยวกับอรุณาจัลสักเรื่อง แม้แต่ชื่อก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกเสียด้วยสิ แล้วอรุณาจัลมันอยู่ส่วนไหนของโลกกันละเนี่ย??
ทั้งไม่รู้รายละเอียด ทั้งไม่รู้ว่าอรุณาจัลอยู่ที่ไหน อย่างไร และที่สำคัญไม่รู้ด้วยว่าไปทำไม ??
...
แต่ .. ด้วยความที่เราก็ไม่คิดอะไรเยอะอยู่แล้ว
เพราะเราเชื่อมั่นว่า ถ้าพี่ขวัญเรือนชวน ไปไหนก็ไปด้วยทั้งนั้นแหละ เราจึงตอบพี่ขวัญเรือนว่า ...ไปค่ะพี่ 😊😊
ตอนหลังถึงมารู้ว่า มีคนรอต่อคิวที่จะไปร่วมทริปนี้เยอะมาก ๆๆ เพราะทริปนี้คณะของพี่ขวัญเรือนได้รับเชิญให้เป็นเจ้าภาพกฐินไปทอดที่วัดเจดีย์ทอง จาก
 
ฯพณฯ เจ้านา มีอีน (Hon. Chowna Me-In) 
รองมุขมนตรีรัฐอรุณาจัลประเทศ ชาวไตคำตี่
และเจ้าอาวาสวัดกองมูคำ
ท่านวิมาลาติสสะ มหาเถระ
..
.
โดยเราเป็นคณะของคนไทยที่ได้นำพระพุทธรูป ภ.ป.ร.ที่ได้รับจากประเทศไทยและอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดเจดีย์ทอง ของชาวไตคำตี่
อรุณาจัลประเทศ
พี่ขวัญเรือนได้รู้จักกับท่านทั้ง 2 ตอนที่มาทำเรื่องพระไตรปิฎก ฉบับสากลที่ประเทศไทย ร่วมกัน
...
..
พี่ขวัญเรือนรู้ว่าการไปอรุนาจัลในครั้งนี้ เป็นงานบุญใหญ่ และพี่ขวัญเรือนก็ปรารถนาอยากให้เรามีส่วนร่วมในทริปแห่งมหาบุญในครั้งนี้ด้วย
..
การชวนเราไปด้วยในครั้งนี้พี่ขวัญเรือนจึงไม่ได้บอกรายละเอียดใด ๆ เลย พี่ขวัญเรือนตั้งจิตว่า
ถ้าเรามีโอกาสได้ร่วมบุญใหญ่ด้วยกัน ก็ให้เราตอบรับคำเชิญครั้งนี้ในทันที
แต่ถ้าเราไม่มีบุญร่วมกัน ก็ขอให้เราปฎิเสธคำเชิญนี้
...
.
นั้นจึงเป็นที่มาว่าเราได้มางานบุญใหญ่ที่อรุณาจัล
ขอบคุณภาพจาก เพจบ้านวังเมือง
และนี่นับว่าเป็นการเดินทางไปประเทศอินเดียเป็นครั้งที่ 3 ของตัวเราเองด้วย
..
แต่การเดินทางมาประเทศอินเดีย และโดยเฉพาะอรุณาจัลในคราวนี้ ไม่เหมือนทุกครั้งที่เราเคยเดินทางมาอินเดียเลย
..
เพราะความรู้สึกของการเดินทางครั้งนี้ เหมือนกับว่าเราได้เดินทางก้าวข้ามมิติบางอย่าง ที่สามารถทำให้เราได้สัมผัสได้ว่า ....
.
เราสามารถที่จะไม่รับรู้ และวางหน้าที่การงาน หรืองานที่ค้างอยู่ได้อย่างไม่เหลือเยื่อใยเลยแม้แต่นิดเดียวได้
.... ถ้าวิถีแห่งบุญที่เราปรารถนามีมากพอ ....
ขอบคุณภาพจาก Arif Siddiqui
และด้วยเวลาที่กระชั้นชิดมาก ๆๆ รวมถึงภาระกิจในหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบที่มีเยอะมาก ๆ
ทำให้ผู้เขียนไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลเรื่องราวบ้านเมือง ตลอดจนความเป็นอยู่ของชาวอรุณาจัล ก่อนการเดินทาง ในครั้งนี้
.
ก็ตามที่บอก มาแบบไม่รู้อะไรอีกตามเคยนั่นแหละ
...
..
สุดท้ายเมื่อเดินทางมาถึงอรุนาจัล ...
ก็ทำให้ทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ ๆ อยู่เหมือนกัน
แล้วก็ได้แต่บอกตัวเองว่า .... 😊😊
..
....
.
ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ... ไม่มีใครคาดถึงด้วยสิ
..
เมื่อคณะของเรา ได้เดินทางมาถึงเมืองอรุนาจัล
เราถึงได้รู้ว่า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใด ๆ เลยที่นี่
อย่าว่าแต่ 4G เลย ...แม้แต่ 2G ก็ยังไม่มีเลยแม้แต่นิ๊ดดดด ....
.
ครั้นจะซื้อแบบเติมเงินก็ทำไม่ได้
จะเปิดสัญญานก็ไม่สามารถทำได้อีก
..
เอาละซิ เอายังไงดี พอไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อะไรล่ะที่จะตามมา...
...
..
ก็ไม่มีอินเตอร์เนตนะสิจ๊ะ พอไม่มีอินเตอร์เนต ก็ไม่มีเฟชบุ้ค ไม่มีไลน์ ไม่มีไอจี ไม่มียูทูป ฯลฯ
มนุษย์ยุคโซเชียล อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ต่างก็รู้สึกหงิดหงิด งุ้นง่าน เหมือนเสือติดจั่นยังไง ยังงั้นเลยค่ะ พลอยให้ทำอะไรไม่ค่อยจะถูกเอาเสียเลยหล่ะ
..
.
ยิ่งตอนแรก ๆ รู้สึกเหมือนถูกกักบริเวณ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไร้ญาติขาดมิตร ถูกตัดขาดจากที่ที่เราเดินทางจากมาอย่างสิ้นเชิง ... ฮาาาาาาา
ขอบคุณภาพจาก Lakhimso Bellai
ก็รู้สึกแปลก ๆ งง ๆ ไม่คุ้นชิน และต้องปรับตัวกันพอประมาณ
ด้วยชีวิตปกติที่ผ่านมา มือของเรามักจะไม่ค่อยว่างมากนัก เพราะจะต้องคอยสไลด์ดูโทรศัพท์ว่ามีข้อความในไลน์ ติดตามข่าวสารในเฟช หรือ มีใครโทรมาหาหรือเปล่า ..
..
ตอนนี้มือถือได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของเราไปเรียบร้อยแล้ว ขาดมือถือเหมือนว่าจะขาดใจ ฮาาาา
...
...
แต่เราอยู่ที่นี่ ที่อรุนาจัล พระเจ้าช่วย ..
ทุกอย่างที่นี่เงียบสงบ เงียบสนิทจริง ๆ ทุกอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ ไม่มีอะไรเร่งรีบ
เราอยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย และ ผู้คนต่างเชื้อชาติ
และเมื่อทุกคนเริ่มปรับตัวเองได้ ทุก ๆ คน ต่างก็ทิ้งและไม่สนใจโทรศัพท์ที่เราเคยคุ้นเคยกันอีกต่อไป
ขอบคุณภาพจาก Lakhimso Bellai
ไอโฟน ซัมซุงโน้ต 9 หรือ 10 ต่างไร้ซึ่งความหมายโทรศัพท์เลยกลายเป็นส่วนเกินที่ทุก ๆ คนไม่อยากถือไว้ในมือเหมือนตอนอยู่ที่เมืองไทยอีกต่อไป .... ฮาาาาาา
แต่โชคดีที่โทรศัพท์มีกล้องถ่ายภาพ ทำให้ทุก ๆ คน ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้บ้าง .... 😊😊
ขอบคุณภาพจากเพจ บ้านวังเมือง
เชื่อไหมค่ะ เพียงแค่วันที่สอง ที่เราได้อยู่ที่อรุณาจัล พวกเราก็แทบจะไม่ได้คิดถึงหน้าที่การงานที่เมืองไทยอีกเลย จนเหมือนว่าเราลืมมันไปหมดแล้ว ...
มันรู้สึกโล่ง ๆ โปร่ง ๆ เบา ๆ และสบายดี ...
สบายจริง ๆ นะ ...
..
ความรู้สึกอิ่มเอิบมันคือแบบนี้นี่เองนะ 😍
...
แหละนี่ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ ที่ทำให้เราได้เห็นอีกครั้งว่า ...
.
" ไม่มีอะไรที่เราจะวางไม่ได้ ถ้าใจเราอยากจะวาง "
ขอบคุณภาพจาก Lakhimso Bellai
และจากการที่พวกเราเสมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยที่พวกเราไม่ได้คาดคิดมาก่อน
...
ทำให้พวกเราได้มองเห็นว่า การเดินทางไกลมาอรุนาจัลในครั้งนี้ เป็นเพราะธรรมะจัดสรร โดยแท้ทรู
ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลก ไม่มีเหตุบังเอิญหรอก
ขอขอบคุณภาพจาก Arif Siddiqui
อรุณาจัล ... เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ชายแดนของประเทศจีน อยู่ติดกับเทือกเขาหิมาลัย
อรุณาจัลประเทศ เป็นเมืองที่สงบ ร่มรื่น ร่มเย็น ผู้คนอ่อนโยน มีคนสายเลือดTai อาศัยอยู่ร่วมกับคนอินเดีย และยังมีหลากหลายชาติพันธ์ที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
ขอบคุณภาพจากเพจ บ้านวังเมือง
การได้มาถึงอรุณาจัล เหมือนกับว่าเราได้ย้อนเวลากลับไปสู่บ้านเมืองของเราในยุคที่เรายังเด็ก ๆ
.
ได้ปฏิบัติธรรมนอกสถานที่กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้งหนึ่ง
..
โดยมีหลวงพ่อและหลวงลุงเป็นโค้ช อย่างใกล้ชิดและมีพี่ขวัญเรือน เป็นผู้จัดการทีมที่นำกองทัพธัมม์มาเยือนบ้านพี่เมืองน้องในคราวนี้
..
...
โดยคณะเราได้จัดกฐิน ได้ทำกับข้าวแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหาร และทำกิจกรรมต่าง ๆ
รวมทั้งได้มาทัศนศึกษาดูงาน โรงงานผลิตชา
ของเจ้านา มีอีน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้สนทนาธรรมต่าง ๆ ได้ปฏิบัติธรรม ดูจิต ได้ฝึกสอน สอนคนอื่น ๆ ให้ดูจิต และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ได้ลงมือทำอีกมากมายในแต่ละวัน ...
ขอบคุณภาพจากนสพ.ท้องถิ่นในอรุณาจัล
จนกระทั่งมองเห็นว่าเราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองในทุกด้านทั้งภายในและภายนอก
..
นอกจากการได้ปฏิบัติธรรม ดูจิต อย่างเข้มข้น...
ยังต้องขอบคุณทุก ๆ สิ่งที่ได้พบ ได้เจอ และได้ทำ ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนเป็นอาจารย์ หรือบททดสอบที่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ
จากการที่ได้ฝึกปฏิบัติดูจิต และได้ช่วยสอน ให้พระ ให้เจ้า ให้ชาวบ้าน ให้คนแก่คนเฒ่า รวมทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาวและเด็ก ๆ ...
..
ทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิมว่า ...
การที่เราช่วยทำให้คนมีที่พึ่งที่เกาะภายใน เพื่อการพ้นทุกข์ เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมาก ๆ
ขอบคุณภาพจากเพจ บ้านวังเมือง
หลวงพ่อ และหลวงลุง สอนวัยรุ่นและเด็ก ๆ เพราะพวกเขาเหล่านั้นคืออนาคตของอรุณาจัล ...
.
คนที่แข็งแรงกว่า ชอบช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า
ฉันใด คนที่ปฏิบัติดูจิตเป็นแล้ว ก็ช่วยสอนหรือแนะนำให้คนที่ยังไม่เป็น ให้ปฏิบัติดูจิตเป็นฉันนั้น ...
..
ทุกวันหลวงพ่อ และหลวงลุง จะออกสอน อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย
...
...
หลวงพ่อจะค่อยบอกพวกเราอยู่เสมอว่า
ปฏิบัติธรรม ดูจิตเป็นแล้ว ให้นำไปสอนต่อ นำไปบอกต่อด้วยนะ .. คนจะได้พ้นทุกข์กันได้เร็ว ๆ
..
แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ จะด้วยความกลัว หรือความไม่กล้าหาญมากพอ ทำให้เราไม่ไปสอนใคร เพราะกลัวนู่น กลัวนี่ กลัวนั่น...
..
สรุปแล้วถ้าและท่าจะเรื่องเยอะนั่นเองค่ะ ที่คอยปิดกั้นไม่ให้เราได้สร้างบุญบารมี ... แฮร่ ๆๆ
.
แต่พอเราเอาถ้าและท่าออก ... มันก็สอนได้นะ
..
อาจเป็นด้วยธรรมชาติจากจิตข้างในของเรา ที่อยากจะให้คนอื่นได้พบแสงสว่างแห่งธรรมะ
และให้แสงสว่างนั้นเป็นเครื่องชี้นำทางในการดำเนินชีวิต ต่อไป....
..
“ การเอาชนะ กิเลสอันซับซ้อนในตัวเราเองนั้น
ยากยิ่งกว่า การเอาชนะโลกทั้งโลกด้วยกำลังอาวุธ ”
ภาระกิจในการเดินทางมาอรุณาจัลเพิ่งเริ่มต้น
โปรดติดตามตอนต่อไปในโอกาสหน้านะคะ
..
ไปก่อนนร้า ... บาย 😘😘
กราบหลวงพ่อและหลวงลุง
และขออนุโมทนาสาธุบุญกับพี่ขวัญเรือน อภิมณฑ์
และพี่ ๆ น้อง ๆ ทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ 🙏🙏🙏
#Nannisa Maneepradit
ขอบคุณภาพจาก Arif Siddiqui
โฆษณา