9 มิ.ย. 2021 เวลา 02:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เกาหลีใต้ ประเทศที่เติบโตไว แต่คนรุ่นใหม่อยากย้ายออก
6
ชื่อของประเทศ “เกาหลีใต้” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์
ของนวัตกรรมและสื่อบันเทิง ในสายตาคนทั่วโลกไปแล้ว
5
ทั้งความสำเร็จของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Samsung, LG และ Hyundai
รวมไปถึงวงดนตรี เช่น BTS, BLACKPINK และภาพยนตร์รางวัลออสการ์อย่าง Parasite
3
ความสำเร็จเหล่านี้ ทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ประชากรในประเทศโดยเฉลี่ยร่ำรวยขึ้น
4
แต่คนเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่ง กลับบอกว่าประเทศตัวเองเป็นเหมือนนรก
ถ้าเลือกได้ ก็ขอไปใช้ชีวิตและสร้างตัวที่อื่นแทนดีกว่า
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับคนกลุ่มนี้ในเกาหลีใต้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
4
ประเทศเกาหลีใต้ มีเรื่องราวที่ประสบความสำเร็จ
จนมีชื่อเสียงระดับโลกในหลายด้าน เช่น
- การเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น มากที่สุดในโลก
- มีจำนวนการจดสิทธิบัตร อันดับ 1 ของโลก
- เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม อันดับ 2 ของโลก
- เป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ อันดับ 2 ของโลก
5
การพัฒนาอย่างรวดเร็วได้ทำให้ในปีนี้ ประเทศเกาหลีใต้ขึ้นมาเป็นประเทศ
ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
3
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งในระดับโลกของเกาหลีใต้ไม่ได้มีแค่ด้านที่สดใส
เพราะจริง ๆ แล้ว ยังมีอีกด้านหนึ่งที่เราไม่ค่อยพูดถึงกัน เช่น
- อัตราการเกิดของประชากร น้อยที่สุดในโลก
- อัตราการฆ่าตัวตายมากเป็นอันดับ 4 ของโลก
- สัดส่วนคนมีรายได้น้อย สูงเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
10
จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า ประเทศเกาหลีใต้ มีส่วนผสมที่สุดโต่งทั้งด้านบวกและลบ
4
เรื่องดังกล่าวก็ได้สะท้อนออกมาให้เห็นจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว
จนประเทศร่ำรวยขึ้น และมีชื่อเสียงในเวทีโลก
3
แต่มันก็ได้สร้างปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ควบคู่ไปกับการเติบโตนั้นด้วย
โดยเป็นปัญหาในระดับที่คนรุ่นใหม่กว่า 75% มองประเทศตัวเองไม่ต่างจากนรกเลย
แล้วอะไรที่ทำให้คนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ มีมุมมองต่อบ้านเกิดแบบนั้น ?
8
เริ่มต้นที่ระบบการศึกษา
1
ประเทศเกาหลีใต้ มีระบบการศึกษาที่ดี ติด 5 อันดับแรกของโลก
และคนเกาหลีใต้ มีระดับการศึกษาสูง ติด 5 อันดับแรกของโลก
1
แต่นั่นไม่ใช่การศึกษาในลักษณะเดียวกันกับประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการศึกษาฝั่งยุโรปแบบฟินแลนด์
ที่เรียนวันละไม่กี่ชั่วโมงและเน้นการสร้างประสบการณ์ชีวิตนอกห้องเรียน
4
นักเรียนเกาหลีใต้ในช่วงหลังเลิกเรียน ส่วนใหญ่ต้องกวดวิชาถึงราวเที่ยงคืนทุกวัน
เพราะค่านิยมในสังคมบ้านเกิดมองว่าการศึกษาคือสิ่งสำคัญที่จะกำหนดชะตาชีวิต
10
Cr. 18Again
เหล่านักเรียนจึงต้องแข่งขันกันสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด
เรียนต่อให้ถึงระดับที่สูงที่สุดเพื่อที่จะได้เข้าทำงาน
ในบริษัทชั้นนำ ที่ให้ค่าตอบแทนสูง
5
แต่กลายเป็นว่าตลาดแรงงานในความเป็นจริง
กลับเล่นตลกกับความทุ่มเทของนักศึกษาเหล่านี้
นั่นเป็นเพราะว่าจำนวนงานที่เปิดรับ มีน้อยกว่าจำนวนคนจบใหม่มาก
การหางานทำในเกาหลีใต้จึงเป็นเรื่องยาก แม้จะจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และมีผลการเรียนดีเยี่ยม
11
ยิ่งตำแหน่งงานที่ดีในบริษัทระดับประเทศ การแข่งขันจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก
และบริษัทเหล่านี้ยังคงเติบโตได้ดี แม้ไม่ต้องจ้างคนใหม่เพิ่ม
นั่นเลยทำให้ 1 ใน 4 ของคนเกาหลีใต้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี ไม่มีงานทำ
12
ปัญหาที่ตามมาก็คือ คนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพจึงเลือกไปทำงานในต่างประเทศแทน
ซึ่งประเทศที่เป็นที่นิยมก็ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และออสเตรเลีย
7
กลุ่มคนที่ไปทำงานในต่างแดนเหล่านี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ภายในเวลา 5 ปี
เหตุผลที่ย้ายไปก็เพราะว่า มีตำแหน่งงานที่ดีกว่าและสภาพสังคมไม่กดดันเท่าในเกาหลีใต้
10
แล้วโอกาสในการเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวในเกาหลีใต้ มีความเป็นไปได้มากขนาดไหน ?
1
จริง ๆ แล้ว บริษัทเกือบทั้งหมดในเกาหลีใต้ยังคงเป็น SMEs และสตาร์ตอัป
ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของการจ้างงานกว่า 80%
3
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้ให้ความสำคัญกับบริษัทขนาดเล็กและกลางเหล่านี้
จนถึงกับต้องมีกระทรวง SMEs และสตาร์ตอัปโดยเฉพาะ
9
แม้ว่าจะมีบางสตาร์ตอัป ที่ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทในระดับประเทศได้
เช่น แอปพลิเคชันแช็ต Kakao, บริษัทเกม Nexon หรืออีคอมเมิร์ซ Coupang
แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กลับไม่มีบริษัทไหนเลย ที่เติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทระดับโลกได้
12
สะท้อนให้เห็นจาก Samsung ที่สามารถก้าวขึ้นมา
เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกของโลกได้เมื่อ 10 ปีก่อน
แต่จนมาถึงตอนนี้ก็ยังคงมีเพียง Samsung เจ้าเดียวเหมือนเดิม
8
ในขณะที่จีน มีบริษัทที่เข้ามาติดอันดับท็อป 100 เพิ่มขึ้น 11 บริษัท และญี่ปุ่นก็มีเพิ่มขึ้นมา 5 บริษัท เช่นกัน
2
นอกจากนั้น เศรษฐีในประเทศเกาหลีใต้ยังคงมีสัดส่วนเศรษฐีที่รวยด้วยตัวเองน้อยมาก
เพราะกลุ่มคนดังกล่าวเต็มไปด้วยทายาทกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
หรือที่เรียกว่า “แชโบล” ซึ่งรวยจากการได้รับมรดก
9
เกาหลีใต้ มีสัดส่วนคนรวยที่มาจากการรับมรดก 62%
สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนคนรวยที่มาจากการรับมรดก 25%
จีน มีสัดส่วนคนรวยที่มาจากการรับมรดก 2.5%
21
จากข้อมูลเหล่านี้คงพอสรุปได้ว่า หนทางจะปลุกปั้นธุรกิจ
จาก SMEs หรือสตาร์ตอัป จนกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่
หรือการจะเพิ่มความมั่งคั่งจากการทำธุรกิจในเกาหลีใต้นั้น
คงพอมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าในประเทศอื่น
7
Cr. StartUp
เรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา
ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ในเกาหลีใต้ เรียกตัวเองว่าเป็น N-po Generation
ย่อมาจาก “Generation who gave up on n number of things”
หรือเจเนอเรชันที่ยอมแพ้กับทุกอย่างในชีวิต
11
ทั้งในเรื่องการแต่งงาน การมีลูก การมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือแม้แต่การเข้าสังคม
เพราะแค่หาเงินเลี้ยงตัวเอง ดูแลผู้ใหญ่ในครอบครัว ก็สาหัสมากแล้ว
8
สะท้อนไปยังสัดส่วนของคนเกาหลีใต้ที่เลือกใช้ชีวิตคนเดียว
เพิ่มสูงขึ้นจนคิดเป็นกว่า 40% ของประชากร
11
ปัญหาที่เรื้อรัง ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
จนเกิดเป็นกระแส “ฮน-บับ” หรือ การกินข้าวคนเดียว
และ “ฮน-ซุล” หรือ การนั่งดื่มคนเดียว
ซึ่งสวนทางกับวัฒนธรรมของคนเกาหลีใต้ดั้งเดิม
ที่ชอบกินข้าวดื่มเหล้ากันเป็นกลุ่ม เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์
8
ด้วยสภาพสังคมที่ทำให้คนเกาหลีใต้เหนื่อยหน่ายและหมดหวังกับการใช้ชีวิต
พวกเขาจึงเรียกประเทศตัวเองว่า “Hell Joseon” หรือ “นรกโชซ็อน”
(โชซ็อน เป็นชื่อราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี)
เพราะมองว่าการใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในนรกนั่นเอง
10
เมื่อเผชิญกับความมืดรอบด้าน
ตัวเลือกการออกไปศึกษา ไปทำงานและสร้างตัวในต่างประเทศ
จึงกลายเป็นเป้าหมายของคนรุ่นใหม่
ซึ่งพวกเขาเข้าใจดีว่าไม่มีที่ไหนในโลก ที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบาย
แต่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสที่ดีกว่า มีความหวังที่มากกว่า การควานหาโอกาสจากประเทศบ้านเกิดของตัวเอง..
10
โฆษณา