9 มิ.ย. 2021 เวลา 10:52 • ไลฟ์สไตล์
กลับมาแล้วครับ สำหรับซีรีย์ "โลกซึมเศร้า" - EP.2
ต้องขออภัยที่ห่างกันไปนานพอสมควร
ช่วงนี้ค่อนข้างวุ่นวายกับชีวิตมาก ขอเรียกว่าวุ่นวายกับการรักษาดีกว่า กว่าที่เราจะกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างเป็นปกติก็ใช้เวลานานพอสมควรเลย นับดูแล้วก็แอบตกใจเหมือนกัน แต่ก็นะ ใครจะไปคิดว่าโรคนี้มันจะโหดร้ายได้ขนาดนี้..
สำหรับตอนที่ 2 นี้เราจะมาอธิบายในเรื่องของมุมมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ที่ผู้ป่วยจะเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ บนโลก ต้องขอบอกก่อนว่าแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เรื่องของแต่ละคนไม่เหมือนกันด้วย
สำหรับเรานั้น โลกทั้งใบมันดูมืดมิดเหมือนหมดหนทางไปเลย เหมือนว่าเราต่อสู้กับหลาย ๆ อย่างในชีวิตมาตลอดเวลา ไม่ได้พัก ไม่ได้หายใจ วนเป็นวังเวียนอยู่ตลอลกาล ไม่มีที่สิ้นสุด บางครั้งมันก็มีคิดแหละว่ามันจะมีจุดจบ แต่เหมือนสุดท้ายมันก็ไม่มีจุดจบอยู่ดี
ถ้าจะบอกว่าเหมือนเป็นคนตาบอดมันก็ใช่ แต่เขาไม่ได้อยากให้ตาเขาบอด และบางครั้งอาจถึงขั้นที่เขาไม่รู้ด้วยว่าตาเขานั้นบอดอยู่ บางสิ่งที่ดูหวังดี เราอาจมองว่าไม่ออกถึงความหวังดีจากเขา มันไม่ใช่การที่เราจะไปทำร้ายใคร เพียงแต่เราจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นด้อยค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนคิดว่าตนเองไม่เหมาะกับสิ่งใด ๆ เลยที่คนรอบตัวมอบให้
ความรู้สึกเหล่านี้เป็นสิ่งที่ติดตัวอย่างหนักหน่วงมาตลอดของการเป็นโรคซึมเศร้า และแน่นอน มันไม่ได้หายไปง่าย ๆ แม้จะเริ่มใช้ยามาแล้วแต่กว่าจะเริ่มเห็นผลก็ใช้เวลาเกือบ 1-2 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละคน) แต่ถามว่าสุดท้ายมันดีขึ้นไหม มันดีขึ้นมาก ๆ เลยแหละ อีกอย่างถ้าเราไม่เข้ารับการรักษา อาจจะไม่มีบทความนี้ขึ้นมาก็ได้รึเปล่านะ ?
ในตอนที่ 1 เราได้เขียนไว้ว่า "ความพยายามที่จะเปลี่ยนโลกให้กลับมามีสีอีกครั้ง" เพราะโรคนี้จะทำให้เรารับรู้อะไรต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไปเยอะมาก ๆ อะไรที่เราสนุก เราเคยชอบ มันกลับไม่เหมือนเดิมอีกเลย อะไรที่เคยทำได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค่การอาบน้ำ หรือการตื่นนอน มันกลับเป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าการแบกปูนหลายโลขึ้นตึกเสียอีก
และนี่ก็คงเป็นตอนที่ 2 ไม่แน่ใจว่าจะพอเป็นประโยชน์ให้กับคนที่ผ่านมาเห็นหรือไม่ แต่อยากเป็นกำลังใจให้ และอยากบอกว่าโรคนี้รักษาหายได้เสมอ เหมือนกับการเป็นหวัดธรรมดาเลย และขอเน้นอีกครั้งว่าโรคนี้เกิดได้จาก 3 ปัจจัย นั่นคือ "สารสื่อประสาทในสมอง (สารเคมีในสมอง) - สังคมรอบตัวหรือสิ่งแวดล้อม - พันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์"
ช่วงนี้โควิด-๑๙ กลับมาระบาดค่อนข้างหนัก นอกจากจะใส่หน้ากากอนามัยกันแล้ว เราอยากให้ทุกคนหมั่นดูแลสุขภาพใจของตัวเองด้วย พักผ่อนบ้างสักวัน อย่าหักโหมจนเกินไป ที่สำคัญคือรักตัวเองเยอะ ๆ นะครับ :)
แล้วพบกันใหม่กับตอนถัดไป ที่จะมากล่าวถึงความแตกต่างของจิตเวช-จิตวิทยาในมุมมองของเรา ที่เป็นผู้เข้ารับการรักษา
ขอบคุณครับ หากมีความคิดเห็นประการใด สามารถแสดงความคิดเห็นบนโพสต์ได้เลยครับ
โฆษณา