9 มิ.ย. 2021 เวลา 11:11 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
DNA สามารถช่วยตามหา “เนื้อคู่” ที่แท้จริงได้❓
ในปัจจุบันที่โลกของเรามีวิวัฒนาการต่างๆมากมายที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเชื่อมโยงกันได้
ถึงแม้ว่าจะอยู่กันคนละประเทศ หรือซีกโลกไหนก็ตาม
แล้วทำไมเราจะหาคู่แท้ผ่านหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ล่ะ‼️
1
มีผู้คนมากมายต่างอาศัยเทคโนโลยีในการตามหาคู่ เช่น เว็บไซต์ต่างๆ เฟสบุ๊ค
แต่สุดท้ายผู้คนเหล่านั้นกลับรู้สึกว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้
“ชิเอโกะ มิตซูอิ” สาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ได้หย่าขาดกับสามีตอนอายุ 35 ปี และเธอรู้สึกว่าโอกาสที่เธอจะได้พบเนื้อคู่นั้นลดลงไปเรื่อยๆ
มิตซูอิกล่าวว่า “เธอได้พบผู้คนมากมายและได้ใช้บริการบริษัทจัดหาคู่ แต่ก็ยังไม่เจอคนที่สามารถเข้ากับเธอได้” และเธอก็ได้ไปใช้บริการกับ ดาเตะ (แม่สื่อจับคู่คน 700 คู่ในระยะเวลา 20 ปี)
คาเตะ เริ่มทำงานที่บริษัท GenePartner ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ การทดสอบทางพันธุกรรมในการเป็น ‘’’ส่วนเสริม’’’ ในการจัดหาคู่
ดร.ทามารา บราวน์ นักพันธุศาสตร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวว่า
“เป็นเรื่องสำคัญในการจัดหาคู่ในทางด้านชีวภาพ และเคมี ทั้งสองปัจจัยนี้มีความเกี่ยวข้องและเหมาะสมเพื่อให้การจัดหาคู่ประสบความสำเร็จ”
2
แบบจำลองการวิจัยนี้ กล่าวว่าผลจากการวิเคราะห์ DNA ของชายหญิงมีความรู้สึกต่อกันอย่างไร
นักอ่านทุกท่านคงกำลังสงสัยว่าแล้วเก็บ DNA จากอะไรล่ะ?
‘’เก็บจากน้ำลายค่ะ’’ (ด้วยการใช้ไม้ป้ายที่เยื่อบุกระพุ้งแก้มแล้วนำไปวิเคราะห์ยีนที่เรียกว่า HLA หรือ ยีนที่มีความสำคัญกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ยิ่งมีมากยิ่งตอบสนองได้ดีขึ้น)
3
แล้วรู้ได้ไงว่าต้องใช้ HLA ในการจับคู่?
ใช้หลักการจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทั้งเพศผู้และเพศเมีย ทั้งคู่สามารถตอบสนองรับรู้ได้ถึงยีน HLA เพราะพวกมันต้องการให้กำเนิดลูกที่มีความทนทานต่อโรคต่างๆได้มากขึ้น”
2
จากผลการวิจัย ดร.เคลาส์ เวเดอกินต์ นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิส ทดลองให้กลุ่มนักศึกษาหญิงให้คะแนนกลิ่นเสื้อยืดของผู้ชายหลายคนที่ใส่เสื้อเป็นระยะเวลา 2 วัน
ผลปรากฏว่า นักศึกษาหญิงชอบกลิ่นเสื้อของผู้ชายที่มี HLA ที่แตกต่างจากพวกเธอ
1
ดร.บราวน์ได้กล่าวว่าเขาได้ทำการทดลองกับคู่รักที่แต่งงานกันถึง 250 คู่และพบว่ามีผลคล้ายคลึงกัน และกล่าวว่า “มันคือสัญชาตญาณโดยแท้ และคนเราจะทำมันแบบนี้อยู่เสมอ
แม้แต่คนที่ไม่ต้องการบุตร สัญชาตญาณเหล่านี้ก็ยังคงอยู่”
มิตซูอิ กล่าวว่า “ถึงแม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ได้ 100% แต่มันก็เกือบจะสมบูรณ์แบบ มันดีเกินที่ฉันคาดคิดไว้ ฉันดีใจมาก” หลังจากพวกเขาได้รู้ว่า DNA ของพวกเขาคล้ายคลึงกัน พวกเขาก็ได้ทำความรู้จักกันเป็นเวลา 1 ปี 2 สัปดาห์หลังจากนั้นเธอก็ได้แต่งงานกับคนที่มี DNA คล้ายคลึงกับตนเอง
1
“ฉันรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงจากผลการยืนยันทางพันธุกรรม ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะแต่งงานกับเขาโดยที่ไม่มีผลยืนยันทางดีเอ็นเอหรือเปล่า บางทีฉันอาจจะเเต่ง แต่แน่นอนว่าแรงผลักดันที่ทำให้ฉันอยากแต่งงาน มันคือปัจจัยเปลี่ยนชีวิต”
แม่สื่ออย่าง คาเตะ กล่าวว่า “ฉันรู้สึกว่าผู้คนตัดสินใจได้เร็วขึ้นและรู้สึกปลอดภัย ฉันรู้สึกดีใจมากที่ช่วยให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจ”
แล้วถ้า DNA คล้ายคลึงกันจะมีผลต่อการสืบทอดทายาทไหม?
เมลิสซากับเมซ จากออสเตรเลียได้ตรวจ DNA และพบว่า DNA ของพวกเขามีความเข้ากันถึง 98% เลยทีเดียว และพวกเขาทั้งคู่กำลังจะมีทายาทคนแรกด้วยกัน
โรดริโก บาร์เกียรา นักพันธุศาสตร์จากสถาบันมักซ์พลังค์ในเยอรมณี ชี้แจงว่า
“ยีนจะสนใจแค่การจับคู่ผสมพันธุ์และการผลิตทายาทสืบเผ่าพันธุ์ ยีนไม่ได้สนใจอย่างอื่น”
1
แสดงให้เห็นว่าความคล้ายคลึงของ DNA ไม่มีผลต่อการแบ่งยีนของตัวอ่อน(เด็ก)
แต่ก็มีผู้ที่ถกเถียง❌กับการใช้ DNA ตามหารักแท้ เช่น
ดร.อิโดโก เมเยอร์ นักพันธุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล ในบราซิล คิดว่าการใช้ทฤษฎีนี้ก็ไม่ต่างจากการโยนเหรียญเสี่ยงทาย เพราะโอกาสที่จะมีความใกล้เคียงกันนั้นน้อยมาก
และคู่แต่งงานอย่างโรดริโกและเซียนนาทั้งคู่คิดว่าการตรวจ DNA เป็นเรื่องลวงโลก
พวกเขาจึงได้ลองไปใช้บริการของ DNA ROMANCE และได้ผลลัพธ์ที่ว่าพันธุกรรมของพวกเขามีความเข้ากันถึง 90% เลยทีเดียว
“พวกเราช๊อคมากว่าสิ่งที่เรารู้สึกตามธรรมชาติกับหลักการทางวิทยาศาสตร์มีความเกี่ยวข้องกันและเข้ากันได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ แต่พวกเรายังคิดว่าถ้าผลออกมาต่ำก็อาจจะเป็นเรื่องที่หลอกลวงโกหก”
สุดท้ายนี้ความรักเกิดมาจากคนสองคนที่รักกัน คนที่อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกสบายใจ
และมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกัน แต่มันก็น่าทึ่งมากที่วิทยาศาสตร์ที่เรามองว่าไกลตัวกลับใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด และเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา☺️
4
ไม่อยากพลาดเรื่องราวแปลกๆดีๆแบบนี้ อย่าลืม “กดติดตาม” นะคะ🤍
ถ้าชอบอย่าลืมกดแชร์เก็บไว้อ่านกันนะคะ💫
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : https://www.bbc.com/thai/international-56978958 / pixabay

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา