10 มิ.ย. 2021 เวลา 05:05 • ดนตรี เพลง
Apple Music อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ Lossless - Spatial Audio - Dolby Asmos
-สำหรับ ios14 ตอนนี้ Spatial Audio จะรองรับแค่เฉพาะ MV เท่านั้น-
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกับระบบเสียง และคุณภาพของเสียงกันก่อนครับ
ระบบเสียง
ระบบเสียงในสมัยก่อนก็จะมีตั้งแต่ Mono, STEREO ไปจนถึง DOLBY DIGITAL SURROUND-EX ซึ่งพวกนี้ถือเป็นระบบเสียงนะครับ คุณภาพไปว่ากันอีกที
1. MONO. ...
2. STEREO. ...
3. QUADRAPHONIC STEREO. ...
4. DOLBY STEREO. ...
5. DOLBY SURROUND. ...
6. DOLBY SURROUND PRO-LOGIC. ...
7. DOLBY DIGITAL (AC-3) ...
8. DOLBY DIGITAL SURROUND-EX.
ซึ่งรายละเอียดถ้าให้พูดถึงคงยาวเหยียดครับ เอาเป็นว่าเริ่มจากลำโพงตัวเดียวไปจนถึงลำโพงเป็นสิบ รอบๆตัว ไปถึงล่างบน A B Select Start กันเลยครับ
คุณภาพเสียง
ที่นี้ว่ากันด้วยคุณภาพเสียงหรือความคมชัดก็จะมี
1. Lossy Audio ก็จะเป็นพวกไฟล์ที่ถูกบีบให้เล็กลง โดนคุณภาพก็จะต่ำลงไปด้วย เช่นพวกไฟล์ MP3, AAC, OGG, WMA เป็นต้น ฉะนั้นไฟล์พวกนี้ พวกรายละเอียดเสียงดนตรีบางชิ้นมันก็จะหายไป หรือบางลงไปนั่นเองครับ
2. Lossless Audio ก็คือไฟล์ที่สูญเสียรายละเอียดเพลงน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียงเต็มรูปแบบอย่างในห้องอัดครับ ฉะนั้นพวกเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ มันก็จะมาเต็มมาครบกว่า เช่นไฟล์ FLAC, M4A, Wav, Cda, THM, Aiff, APE, TTA, WavPack เป็นต้นครับ
ทีนี้มาพูดถึงระบบเสียงที่ทาง Apple เพิ่งปล่อยออกมาหมาดๆ ซึ่งเราต้องแยกระหว่าง ระบบแบบเสียงกับเรื่องคุณภาพเสียงออกจากกันก่อนครับซึ่ง Spatial Audio กับ Dolby Asmos เรียกว่าเป็นระบบเสียงคนละแบบกัน แต่ก็เป็นระบบเสียงรอบทิศทางเหมือนกัน อ้าวแล้วมันต่างกันที่ตรงไหน ต่างกันตรงที่มิติของเสียงเวลาเราหันซ้ายขวานั่นเองครับ
Spatial Audio เป็นระบบที่ Apple ทำขึ้นมาเพื่อรองรับกับหูฟัง Airpods Pro กับ Airpods Max เท่านั้น ครับ พวก Airpods 1 หรือ Airpods 2 หมดสิทธิ์ครับ อีกเรื่องคือใน Apple Music ระบบ Spatial Audio ก็จะทำงานเมื่อเราดูพวก Music Video เท่านั้น ในการฟังเพลงปรกติก็ไม่ได้เป็น Spatial Audio แต่อย่างใด สำหรับ ios14.6 แต่เท่าที่หาข้อมูลมา ใน ios15 จะเปิดให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบ ซึ่งก็ต้องรออัพเดทกันตอนปลายปีอีกที หรือถ้าใครใจร้อนก็ลองไปโหลดเวอร์ชั่นสำหรับนักพัฒนามาลองใช้งานกันได้ครับ
Dolby Admos เป็นระบบเสียงรอบทิศทางที่ไม่ได้หมุนตามหัวเราเวลาหันซ้ายขวา เพราะฉะนั้นจึงสามารถใช้กับหูฟังได้เยอะกว่า อย่าง Airpods รุ่นแรกก็สามารถใช้ได้แล้วครับ ส่วนเรื่องคุณภาพเสียงก็เรียกได้ว่าดีกว่าระบบ Stereo มากอยู่เหมือนกันครับ
ใน ios15 เราก็จะได้ฟังเพลงระบบ Dolby Admos ที่ทำงานประสานกันกับ Spatial Audio ซึ่งก็ต้องรออัพเดทกันตอนปลายปีครับ แต่ขอย้ำอีกทีว่าจะใช้ได้กับ Airpods Pro และ Airpod Max เท่านั้นนะ รุ่นอื่น หมดสิทธิ์
ทีนี้มาถึงคุณภาพเสียงแบบ Lossless
Lossless ทีนี้มาถึงเรื่องคุณภาพเสียงครับ Lossless ที่ทาง Apple เปิดตัวขึ้นมา ก็คือการส่งคุณภาพเสียงระดับที่ใกล้เคียงกับคุณภาพของห้องบันทึกเสียงเค้าใช้กันมากที่สุด เพราะฉะนั้นขนาดไฟล์ก็จะใหญ่ตามไปด้วย ซึ่งจากที่ลองใช้ดู ไฟล์เพลงนึงก็ประมาณ 80-100กว่าเมกกะบิต ครับ เรียกว่าใครใช้เนตมือถือแบบจำกัด ก็ใช้ได้แป๊ปเดียว เนตหมดแน่นอน
ส่วนอีกเรื่องที่ต้องทราบกันก็คือ Lossless ยังไม่ซับพอร์ตหูฟัง บลูทูชที่มีในปัจจุบันเลยสักรุ่นเดียวครับ แม้จะเป็นของทาง Apple เองก็ตาม สาเหตุมาจากการบีบอัดไฟล์ครับ ถ้าอยากใช้งาน Lossless ก็คงต้องไปหาซื้อหูฟังแบบมีสายบางรุ่นมาใช้ครับ
อ้าวทีนี้หูฟังแบบมีสายของ Apple ที่แถมมาใช้ได้มั้ย ก็ต้องตอบแบบนี้ครับ Lossless ของที่ Apple เปิดตัวมาจะมีสองแบบครับ นั่นคือ
1. 48 kHz
2. 192 kHz
ซึ่ง อุปกรณ์ของ Apple อย่างไอโฟนเอง จะรองรับ Lossless ในความถี่ 48 kHz เท่านั้นครับ เรียกว่ายังไม่ถึงที่สุดของที่สุด เพราะฉะนั้นหูฟังมีสายของ Apple ก็ใช้ได้ครับ แต่ก็ได้ฟัง Lossless ที่ยังไม่ถึงที่สุดของที่สุดอยู่ดี แต่ก็ดีกว่าคุณภาพเสียงเดิมที่ Apple Music ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้เยอะอยู่ครับ เรียกว่าถ้าไม่ใช่หูเพชรหูทอง ก็น่าจะฟังรายละเอียกเพลงได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ
แล้วเกิดอยากฟังแบบ 192 kHz ต้องทำไงล่ะ ก็ต้องรอนิดนึงครับ คาดว่าทาง Apple อาจจะปลุกชีพ Apple iPos ขึ้นมาในไม่ช้าครับผม หรือลองหาหูฟังที่รองรับ Lossless 192 kHz มาลองใช้กันก่อนก็ได้ครับ
แต่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน การได้ฟังเพลงระบบ Dolby Asmod ก็ถือว่าเปิดประสพการณ์ใหม่ๆ ได้เต็มอิ่มคุ้มค่าเงินที่เสียไปแล้วครับ
โฆษณา