12 มิ.ย. 2021 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
รู้จัก “โคดาวาริ” แนวคิดการทำทุกอย่าง ให้ออกมาดีที่สุด
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องการใส่ใจในคุณภาพของสินค้า
ไม่ว่าจะเป็นสินค้าด้านเทคโนโลยี, อาหาร, ขนม
หรือแม้กระทั่งการบริการ เช่น รถไฟที่มาตรงเวลา บริการในร้านอาหารหรือโรงแรมที่ดีเยี่ยม
ไปจนถึงบ้านเรือนที่ดูสะอาดสะอ้าน จากการร่วมมือของชาวญี่ปุ่นในการแยกขยะอย่างจริงจัง
ตัวแปรสำคัญที่ทำให้คำว่า “คุณภาพ” ถูกบรรจุลงไปในอัตลักษณ์ของชาวญี่ปุ่นก็คือ การกระทำสิ่งต่าง ๆ ให้สุดความสามารถอย่างเต็มใจ เพื่อให้สิ่งนั้นออกมาดีที่สุด
ซึ่งสิ่งนี้เอง ตรงกับแนวคิดของชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “โคดาวาริ”
โดยชาวญี่ปุ่นที่มีหลักการโคดาวาริอยู่ในใจแล้ว พวกเขาจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจในหน้าที่การงานของตนเอง
พวกเขาเชื่อว่า หน้าที่ที่กำลังรับผิดชอบอยู่นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่งานธรรมดา แต่เป็นคุณค่าที่พวกเขาสามารถส่งมอบให้ผู้อื่น และในเมื่อพวกเขามีความภาคภูมิใจแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือความสุขในการทำงานนั่นเอง
จึงทำให้พวกเขาไม่ได้มีความคิดที่จะทำงานไปวัน ๆ
กลับกัน พวกเขากลับมีความคิดที่จะพัฒนาสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่นั้นให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
โดยผลลัพธ์ที่ออกมาดีนั้น ก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่เปรียบเสมือนเป็นน้ำมัน ในการพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ
1
ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างคน 2 คนที่ทำธุรกิจเปิดร้านขายราเม็งเหมือนกัน
โดยคนแรกนั้น ทำธุรกิจเพื่อหวังแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว จึงทำให้เขามุ่งคิดแต่วิธีการในการเพิ่มยอดขายและลดต้นทุน เพื่อให้เขาได้กำไรมากขึ้น แน่นอนว่าต้นทุนที่ลดลงมากเกินไป หมายถึงคุณภาพที่ลดลงตามไปด้วย
ในขณะที่อีกคน กลับมีความสุขในการทำอาหาร และการบริการลูกค้า
และจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าอาหารของเขาสามารถมอบรอยยิ้มให้กับคนที่มาใช้บริการของเขาได้
เขาจึงตั้งใจที่จะทำราเม็งของเขาให้ออกมาดีและมีคุณภาพมากที่สุด
ทั้งในเรื่องของวัตถุดิบ ความพิถีพิถันในการทำราเม็งตามต้นตำรับความเป็นญี่ปุ่น และการบริการ แม้จะต้องคงต้นทุนที่สูงระดับหนึ่งไว้ก็ตาม
1
สุดท้ายแล้ว ถ้าเราเป็นลูกค้า เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงต้องเลือกใช้บริการในร้านอาหารของคนที่ 2 และในระยะยาวแล้ว ร้านที่สามารถสร้างผลกำไรได้จริง ๆ ก็น่าจะเป็นร้านของคนที่ 2
หรือจะเป็นในเรื่องของความสะอาดในประเทศญี่ปุ่น ที่ใครเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นจะสังเกตได้ถึงความสะอาดในทุกซอกทุกมุม
เหตุผลที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีความสะอาด
ส่วนสำคัญก็เพราะ พนักงานทำความสะอาดมีความภูมิใจในการทำงานด้านนี้
โดยพวกเขาเหล่านี้เปรียบเหมือนหน้าตาของประเทศ ที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นดูเป็นประเทศที่สะอาด น่าเข้ามาท่องเที่ยว ในสายตาของชาวโลก ซึ่งพวกเขาถือว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีคุณค่ามาก
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การที่คนญี่ปุ่นร่วมมือร่วมใจช่วยกันทำความสะอาด
ถ้าเห็นขยะที่อยู่ตรงหน้า เชื่อว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ไม่รอช้าที่จะเก็บขยะชิ้นนั้น
ด้วยความที่คนญี่ปุ่นจะถูกปลูกฝังในเรื่องของจิตสาธารณะและการทำงานร่วมกับผู้อื่นตั้งแต่พวกเขายังเป็นนักเรียนประถม โดยแต่ละโรงเรียนนั้น หลายแห่งจะไม่มีภารโรงที่มาทำความสะอาดโรงเรียน
และเป็นหน้าที่ของนักเรียน ที่ต้องช่วยกันทำความสะอาด
1
จึงทำให้พวกเขามีจิตสาธารณะที่ได้รับมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ในการที่จะช่วยกันทำให้บ้านเมืองของพวกเขาดูสะอาด
ซึ่งเราเองก็สามารถนำแนวคิด โคดาวาริ มาใช้ในชีวิตของเราได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงาน การทำธุรกิจ หรือชีวิตส่วนตัว
แน่นอนว่า ถ้าเราอยากให้หน้าที่ที่เรากำลังทำอยู่นั้นออกมาดี สิ่งที่เราควรทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือการปรับกรอบความคิดของเราว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นสามารถสร้างคุณค่าให้กับใครได้บ้าง
และเมื่อเราคิดเช่นนี้ได้แล้ว เราก็จะรู้สึกมีความภูมิใจในสิ่งที่ทำและทำมันออกมาให้ดีที่สุด
อย่างในกรณีที่เรามีอาชีพเป็นพนักงานขาย ถ้าคิดว่างานของเราเป็นเพียงแค่การขายให้ถึงตามเป้าจริง ๆ
สุดท้ายความหมายของงานเราจริง ๆ นั้น ก็จะเป็นเพียงแค่งานขายธรรมดา
แต่ถ้าเราลองปรับกรอบความคิดใหม่
เป็นการคิดว่า งานของเราคือการนำเสนอทางเลือกที่ดีให้กับผู้คนมากมาย
เมื่อมีคนที่ใช้สินค้าของเราแล้วเกิดผลดีกับตัวเขา นี่ก็จะเป็นหนึ่งในความภูมิใจของเรา
1
เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจสินค้าของเรา แต่อย่างน้อยเราก็มีโอกาสได้นำเสนอทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับเขาคนนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สุดท้ายการทำงานเพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าให้กับผู้คน จะดูมีความจริงใจมากกว่า
และหากวัดกันในระยะยาว การทำอะไรด้วยความจริงใจ ตั้งใจ
ก็คงจะตอบแทนเราด้วยความสุขได้ดีกว่า การทำไปโดยไร้ซึ่งจุดหมาย หรือไม่ได้เอาใจใส่ในสิ่งที่ทำ
สุดท้ายนี้ THE BRIEFCASE เชื่อว่าใคร ๆ ก็สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาดีที่สุดได้ทั้งนั้น
ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะทำสิ่งนั้นจริง ๆ หรือไม่
เพราะถ้าเรามีความต้องการที่จะทำสิ่งนั้นจริง ๆ เราก็จะมีความรักในการทำสิ่งนั้น
เมื่อเรารักในการทำสิ่งนั้นแล้ว เราก็จะเต็มที่กับมัน และทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีได้ในที่สุด
1
ในเมื่อ “You are what you eat” หรือก็คือ เราจะเป็นคนมีสุขภาพแบบไหน ขึ้นอยู่กับอาหารการกินของเรา
เช่นกัน “You are what you do” เราจะเป็นคนแบบไหนหรืออยากให้สิ่งที่เราทำ ออกมาดีแค่ไหนนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และการกระทำของเรา ในปัจจุบัน..
 
References
1
โฆษณา