14 มิ.ย. 2021 เวลา 02:18 • ประวัติศาสตร์
“ยุคเรเนซองส์ (Renaissance)”
“ยุคเรเนซองส์ (Renaissance)” เป็นยุคสมัยของยุโรป เป็นช่วงเวลาที่ศิลปวิทยาการต่างๆ ทั้งศิลปะ การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมต่างๆ เฟื่องฟู
ช่วงเวลาของยุคเรเนซองส์ ถูกจัดอยู่ที่ระหว่างศตวรรษที่ 14-17 และเป็นช่วงเวลาแห่งการ “ถือกำเนิด” ของปรัชญาต่างๆ วรรณกรรม และงานศิลปะ
2
ในยุคนี้ ยังเป็นยุคที่เหล่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่หลายๆ คน หลายๆ วงการ ได้ถือกำเนิด และฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ โดยในยุคนี้ มีทั้งนักคิด นักเขียน รัฐบุรุษ นักวิทยาศาสตร์ และศิลปินหลายคนได้ถือกำเนิด
4
นอกจากนั้น ยังเป็นยุคที่การสำรวจเฟื่องฟู มีการค้นพบดินแดนใหม่ รวมทั้งวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่เข้ามาสู่ยุโรป
เรียกได้ว่ายุคนี้เป็นยุคที่สำคัญไม่แพ้ยุคใดๆ
ในช่วง “ยุคกลาง (Middle Ages)” ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่ออาณาจักรโรมันล่มสลายในปีค.ศ.476 (พ.ศ.1019) จนถึงต้นศตวรรษที่ 14 ในเวลานั้น ศิลปวิทยาการต่างๆ ในยุโรปไม่ได้ก้าวหน้ามากนัก ไม่ว่าจะเป็นในด้านของวิทยาศาสตร์หรือศิลปะ
4
ยุคกลางยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ยุคมืด (Dark Ages)” โดยในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาของสงคราม ความอดอยาก และโรคระบาด
3
จนมาถึงศตวรรษที่ 14 ได้เกิดความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรม ซึ่งเรียกว่า “มนุษยนิยม (Humanism)” และกำลังมาแรงในอิตาลี
มนุษยนิยม จะเน้นหลักความคิดที่ว่า มนุษย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลของตน และมนุษย์ควรจะไขว่คว้าความสำเร็จในศิลปวิทยาการต่างๆ ทั้งทางด้านการศึกษา ศิลปะ วรรณกรรม และวิทยาศาสตร์
ในปีค.ศ.1450 (พ.ศ.1993) แท่นพิมพ์ ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมของ “โยฮันเนส กูเทนเบิร์ก (Johannes Gutenberg)” ได้ถูกนำมาใช้งาน และทำให้การสื่อสารทั่วยุโรปเป็นไปได้สะดวกสบายขึ้น และทำให้แนวความคิดใหม่ๆ กระจายไปยังดินแดนต่างๆ อย่างรวดเร็ว
โยฮันเนส กูเทนเบิร์ก (Johannes Gutenberg)
นอกจากความสำเร็จของแท่นพิมพ์แล้ว นักประวัติศาสตร์หลายคนยังเชื่อว่าความก้าวหน้าทางด้านการเงินและการค้า ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมในยุโรป และเป็นก้าวแรกสู่ยุคเรเนซองส์
ยุคเรเนซองส์ เริ่มต้นในเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
เมืองฟลอเรนซ์ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าศึกษา มีคหบดีผู้มั่งคั่งอาศัยอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแต่อุปถัมภ์ศิลปินต่างๆ
1
ฟลอเรนซ์ในยุคโบราณ
กลุ่มผู้สนับสนุนศิลปินรายใหญ่ คือกลุ่ม “ตระกูลเมดิชี (Medici Family)” ซึ่งปกครองฟลอเรนซ์เป็นเวลานานกว่า 60 ปี
ในช่วงเวลานี้ นักเขียน ศิลปิน นักการเมือง และผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆ ทั่วอิตาลี ต่างออกมาประกาศตัว สนับสนุนการปฏิวัติศิลปะและวิทยาการ ซึ่งจะทำให้ศิลปวิทยาการในยุคนี้แตกต่างจากยุคกลาง
ความเคลื่อนไหวนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ฟลอเรนซ์ หากแต่กระจายไปยังเมืองอื่นๆ ในอิตาลี เช่น เวนิส มิลาน และกรุงโรม
จากนั้น เมื่อมาถึงศตวรรษที่ 15 แนวคิดของเรเนซองส์ ก็กระจายจากอิตาลีไปฝรั่งเศส ก่อนจะลามไปทั่วยุโรปตะวันตกและทางเหนือของยุโรป
1
ตระกูลเมดิชี (Medici Family)
ในยุคนี้ ยังเป็นยุคที่ถือกำเนิดอัจฉริยะในด้านต่างๆ มากมาย ทั้งศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ และนักเขียน ตัวอย่างก็เช่น “ลีโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci)” “กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)” “วิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare)” เป็นต้น
ในยุคนี้ ศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิทยาศาสตร์ ล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกัน เช่น ศิลปินอย่างดาวินชี ก็มักจะสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยใส่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เช่น หลักอนาโตมี หรือกายวิภาค เข้าไปในงานของตน
3
และด้วยหลักการเหล่านี้ ทำให้เกิดงานศิลปะใหม่ๆ รวมทั้งแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ออกมามากมาย
2
ศิลปะในยุคเรเนซองส์จะเน้นที่ความสมจริงและเป็นธรรมชาติ เหล่าศิลปินมักจะวาดภาพโดยอิงตามความจริง
มีการใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงเงา ความลึก มิติต่างๆ อีกทั้งยังพยายามจะถ่ายทอดอารมณ์ของภาพออกมาให้ได้มากที่สุด โดยผลงานที่เด่นๆ ในช่วงนี้ก็เช่น
1
“Mona Lisa” “The Last Supper” หรือ “David”
ผลงานเด่นๆ ในยุคเรเนซองส์
ในขณะที่ศิลปินหลายๆ คนพยายามจะสร้างสรรค์ผลงานและแนวคิดใหม่ๆ แต่ก็ยังมีชาวยุโรปอีกกลุ่มที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในแนวทางที่ต่างออกไป นั่นคือ “นักสำรวจ”
1
นักสำรวจต่างต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกให้มากกว่านี้ โดยในช่วงเวลานี้ เกิดเป็น “ยุคแห่งการสำรวจ (Age of Discovery)” ซึ่งผมได้เคยเขียนบทความเอาไว้แล้ว สามารถหาอ่านได้ครับ
ในช่วงเวลานี้ นักสำรวจหลายรายได้วางแผนออกเดินทางสำรวจโลก มีการค้นพบเส้นทางเดินเรือใหม่ๆ ไปยังหลายดินแดน ทั้งอเมริกา อินเดีย และตะวันออกไกล
ทางด้านศาสนาในยุคนี้ ก็ได้รับอิทธิพลจากหลักมนุษยนิยมอยู่มาก
มนุษยนิยม ทำให้ชาวยุโรปเริ่มตั้งข้อสงสัยในบทบาทของคริสตจักรโรมันคาทอลิก
ในยุคนี้ ผู้คนจำนวนมากเริ่มจะสามารถอ่านออกเขียนได้ และพวกเขาก็เริ่มจะตรวจสอบและวิจารณ์ศาสนา โดยแต่ละคนก็มีแนวคิดของตนเอง
นอกจากนั้น การกำเนิดของแท่นพิมพ์ ยังทำให้การทำหนังสือได้แพร่หลาย เริ่มมีการตีพิมพ์คัมภีร์ไบเบิ้ล ทำให้ผู้คนในวงกว้างได้ศึกษาคัมภีร์เป็นครั้งแรก
ในศตวรรษที่ 16 บาทหลวงชาวเยอรมันชื่อ “มาร์ติน ลูเทอร์ (Martin Luther)” ได้เป็นผู้นำในการ “ปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ (Protestant Reformation)”
การปฏิรูป ทำให้คริสตจักรคาทอลิกมีการแยกสาย โดยลูเทอร์ได้ตั้งคำถามและข้อสงสัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิธีกรรมต่างๆ ของคริสตจักร หรือข้อสงสัยว่าคริสตจักรปฏิบัติตามคำสอนของคัมภีร์ไบเบิ้ลหรือไม่
ผลของการปฏิรูป ทำให้เกิด “นิกายโปรเตสแตนต์ (Protestantism)”
มาร์ติน ลูเทอร์ (Martin Luther)
สำหรับจุดสิ้นสุดของยุคเรเนซองส์ นักประวัติศาสตร์ก็แสดงความเห็นว่าเกิดจากสาเหตุหลายข้อ
เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 15 สงครามก็ได้กระจายไปทั่วคาบสมุทรอิตาลี โดยมีสเปน ฝรั่งเศส และเยอรมนี ได้ทำสงครามเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในอิตาลี และทำให้ดินแดนในอิตาลีเริ่มจะไม่มั่นคง
นอกจากนั้น ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางการค้าหลายๆ สาย ทำให้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ผู้คนก็เริ่มจะไม่มีเงินในการทุ่มเทให้กับงานศิลปะดังแต่ก่อน
3
ต่อมา ได้เกิด “การปฏิรูปศาสนาของนิกายโรมันคาทอลิก (Counter-Reformation)” โดยคริสตจักรคาทอลิกได้ทำการแบนและเซนเซอร์ผลงานของศิลปินที่สนับสนุนการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ และทำให้นักคิดในยุคเรเนซองส์หลายคนไม่กล้าจะแสดงความเห็นมาก
7
ต่อมา ในปีค.ศ.1545 (พ.ศ.2088) ได้มีการตั้งศาลศาสนาโรมัน ทำให้แนวคิดอะไรก็ตามที่ท้าทายคริสตจักรคาทอลิก กลายเป็นสิ่งต้องห้าม และผู้ใดให้การสนับสนุนจะมีโทษถึงประหารชีวิต
1
เมื่อถึงต้นศตวรรษที่ 17 ยุคเรเนซองส์ก็ได้สิ้นสุดลง
3
นักประวัติศาสตร์หลายคนเห็นว่ายุคเรเนซองส์เป็นยุคที่น่าตื่นเต้นและแตกต่างจากยุคอื่นๆ หากแต่ก็มีหลายคนที่เห็นว่ายุคเรเนซองส์ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากยุคกลาง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ยุคเรเนซองส์ก็เป็นยุคหนึ่งที่ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ ย่อมไม่พลาดที่จะเรียนรู้และถกเถียง
2
โฆษณา