11 มิ.ย. 2021 เวลา 15:35 • กีฬา
บูรัค ยิลมาซ : กองหน้าความหวังของตุรกีที่ค้นพบร่างที่ดีที่สุดของตัวเองในวัย 35 ปี | MAIN STAND
"แล้วพวกเราจะเอากองหน้าอายุ 35 ปี ที่เล่นในลีกตุรกีไปเพื่ออะไร ?" นี่คือสิ่งที่แฟนของ ลีลล์ บอกในวันที่สโมสรปิดดีล บูรัค ยิลมาซ กองหน้าเตอร์กิช ที่ทุกคนมองว่า "หมดสภาพแล้ว"
ไม่แปลกเลยที่ใครจะถามแบบนั้น เพราะในวัย 35 ปี ยิลมาซ ไม่เคยออกมาค้าแข้งในยุโรปประเทศอื่น ๆ เลย ประสบการณ์ต่างแดนของเขามีเพียงแค่การไปเล่นระยะสั้น ๆ ให้กับทีม เป่ยจิง กั๋วอัน แล้วทุกคนจะหวังให้เขาพาทีมอย่าง ลีลล์ ทำผลงานให้ดีกว่า เปแอสเช หรือ ลียง ได้อย่างไร?
1
ช่างปะไรเรื่องในอดีต เพราะทุกคนได้เห็นกันแล้วว่า ยิลมาซ กลายเป็นขุนพลคนสำคัญที่พา ลีลล์ เถลิงแชมป์ลีก พร้อมกับแบกภาระกองหน้าตัวเป้าอย่างแข็งขันในแบบที่ไม่มีใครเคยคาดคิด จนกระทั่งมาเก่งสุด ๆ ในวัยที่ไม่มีใครคาดถึง
เขารักษามาตรฐานได้อย่างไร และเป็นใครมาจากไหน ติดตามเรื่องราวของ บูรัค ยิลมาซ กับ Main Stand ที่นี่
1
ดาวยิงผู้ไม่สนวิธีการ
บูรัค ยิลมาซ คือเด็กเก่งของวงการฟุตบอลตุรกีตั้งแต่เขาจำความได้ เขามีเชื้อสายฟุตบอลที่เข้มข้นมาจากพ่อ ฟิเกร็ต ยิลมาซ ที่เคยเล่นให้กับ อันตัลยาสปอร์ และเคยเป็นผู้จัดการทีมของหลายสโมสรในประเทศตุรกี
ในช่วงเริ่มอาชีพโค้ช พ่อของยิลมาซ ทำหน้าที่เป็นโค้ชเยาวชนของ อันตัลยาสปอร์ และเป็นพ่อของเขานี่แหละที่โปรโมตลูกชายขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ปีกว่า ๆ เท่านั้น และปีแรกที่เล่นให้ทีมชุดใหญ่ ยิลมาซ พา อันตัลยาสปอร์ เลื่อนชั้นได้ทันที เรียกได้ว่าปิดทุกปากหอยปากปูที่เคยบอกว่าเขาเป็นเด็กเส้นไปโดยปริยาย
"อายุ 16-17 ปี ผมลงเล่นทีมชุดใหญ่ให้ อันตัลยาสปอร์ ส่วนตัวผมคิดว่าตอนอายุสัก 19-20 ปี จะเป็นช่วงที่ผมพัฒนาแบบก้าวกระโดดเลย" ยิลมาซ บอกเช่นนั้น ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับ เบซิคตัส ทีมดังระดับหัวแถวของประเทศ
ปัญหามันเริ่มจากตรงนี้ วงการฟุตบอลตุรกี เคยมีเงินสะพัดมาก ๆ ในช่วงกลางยุค 2000s พวกเขาเอานักเตะดัง ๆ ที่เริ่มอายุเยอะมาค้าแข้งในลีก รวมถึงการให้ความสำคัญกับสตาร์ต่างชาติมากขึ้น และนั่นทำให้การย้ายทีมของ ยิลมาซ มีปัญหา เขามาจากเมืองเล็ก ๆ และการย้ายทีมครั้งนี้เปิดโลกทัศน์ให้เขาครั้งใหญ่ ... ฟุตบอลไม่ได้เล่นแค่ในสนาม
"ผมมาที่ เบซิคตัส และรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับไม่เคยรู้จักโลกของฟุตบอลมาก่อนเลย ผมเคยคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ฟอร์มในสนามแต่ความจริงมันมีหลายเหตุผลที่สัมพันธ์กัน การวางตัว การนำเสนอตัวเอง การเข้าหาสื่อและแฟน ๆ เรื่องพวกนี้สำคัญหมด"
ยิลมาซ ที่เริ่มต้นในฐานะตัวสำรองเริ่มเข้าใจข้อนี้ เขาเริ่มให้ความสำคัญกับการวางเป้าหมาย ความทุ่มเท และความทะเยอทะยานที่มากกว่าเก่า เมื่อรอบตัวของคุณมีแต่คนเก่ง ๆ ไม่มีประโยชน์เลยหากคุณมัวแต่ย่ำอยู่ที่เดิมโดยไม่เปลี่ยนวิธีการทั้ง ๆ ที่ตัวเองโดนแซงหน้าไปเรื่อย ๆ
"จากการเป็นตัวสำรอง ทำให้ผมกลายเป็น บูรัค ยิลมาซ ที่แตกต่างไปจากเดิม ผมกลายเป็นคนเชื่อมั่นในเรื่องของความสำเร็จว่าเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง การอยากไปให้ถึงตรงนั้นก็ต้องทุ่มมันให้สุดตัว ผมมาถึงสนามซ้อมก่อนเวลา ผมพยายามเป็นส่วนหนึ่งของทีมในทุกกิจกรรม ต้องเข้ากับเพื่อนร่วมทีมทุกคนให้ได้ ผมเข้าใจในแบบของผมว่าถึงเวลาต้องเสียสละความเป็นส่วนตัวในระยะสั้น เพื่อแลกกับความก้าวหน้าในระยะยาว" จากนั้นประตูแรกที่รอคอยก็มาถึง แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ยิลมาซ กลับรู้สึกผิดกับประตูนั้น
ประตูแรกของ ยิลมาซ กับ เบซิคตัส เกิดขึ้นในเกมกับ คอนยาสปอร์ เขาใช้มือปัดบอลเข้าแบบจัง ๆ ทุกคนในสนามก็เห็นแต่กรรมการไม่เห็น เขาถูกแฟนของ คอนยาสปอร์ สาปแช่ง แต่ในตอนนั้นเขาอายุแค่ 20 ปี เขาอยากชนะมากกว่าอยากจะขอโทษ ... ประตูคือสิ่งสำคัญของกองหน้า เมื่อประตูแรกมา ประตูต่อไปจะไหลตามมาไม่หยุด นั่นคือความเชื่อของเขา
Photo : www.ntv.com.tr
"ถ้ามองย้อนกลับไป ผมคงอยากจะขอโทษฝั่ง คอนยาสปอร์ แน่นอน แต่คุณต้องไม่ลืมนะ ตอนนั้นผมอายุ 20 ปี และเพิ่งมาเล่นในสโมสรใหญ่ ใจของผมมันทะเยอทะยาน และอยากที่จะยิงประตูให้ได้โดยไม่สนวิธีการ แล้วแบบนี้มันจะเป็นไปได้เหรอที่ผมจะไปบอกผู้ตัดสินว่า อย่าให้เลยครับ ลูกนี้ผมแฮนด์บอล ?"
"เมื่อถึงเวลาก็ต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ตอนนั้นผมยังเด็กมาก และผมยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาด แต่ประตูกับ คอนยาสปอร์ เปลี่ยนชีวิตผมจริง ๆ ผมหลุดจากคำว่าเป็นดาวรุ่งเพราะประตูนั้นเลย แฟนบอล, สื่อ, โค้ช และ ประธานสโมสรทีมอื่น ๆ มักจะจงชังผม และสิ่งเหล่านั้นนี่แหละที่ทำให้ผมเติบโต" เขาเล่าถึงข้อดีของการเล่นให้ทีมใหญ่และเป็นที่สนใจของทุกคน ทว่าเขายังเล่าไม่หมด เพราะด้านลบก็มีไม่น้อย และ ยิลมาซ ก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน
ตกจากที่สูง
สำหรับนักเตะตุรกี การได้เล่นให้กับสโมสรในเมืองหลวง อิสตันบูล อย่าง เบซิคตัส, เฟเนร์บาห์เช่, แทร็ปซอนสปอร์ และ กาลาตาซาราย คือความฝัน ดังนั้นเราจึงได้เห็นนักเตะตุรกีหลายคนวนเวียนอยู่ในทีมเหล่านี้ พวกเขาขึ้นแล้วไม่อยากจะลง เพราะระดับของทีมอื่น ๆ ที่อยู่นอกเมืองหลวงนั้นต่างกันมาก ทั้งในแง่ของการจัดการ โครงสร้าง และรายรับ ซึ่งเรื่องนี้เล่าผ่านชีวิตของ ยิลมาซ เช่นกัน
หลังจากยิงประตูเปิดตัว ยิลมาซ ประสบปัญหาบาดเจ็บครั้งใหญ่ต้องพักไปหลายเดือน และเมื่อกลับมาเขาก็ไม่ได้รับโอกาสลงสนามจนกระทั่ง เบซิคตัส ขายเขาให้กับทีมระดับครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างลีกสูงสุดกับลีกรอง และเขาค่อนข้างจะรับไม่ได้กับสิ่งนั้น
Photo : www.mackolik.com
"แย่ที่สุดในอาชีพนักฟุตบอล คือการโดนส่งไปเล่นกับทีมหนีตกชั้นทั้ง ๆ ที่คุณอยู่กับทีมใน อิสตันบูล ผมเองไม่รู้ตัวเลยว่าผมจะต้องย้ายครั้งนั้น ผมนอนดูข่าวในโทรทัศน์ของวันเดดไลน์ซื้อขาย จากนั้นข่าวก็รายงานว่า บูรัค ยิลมาซ ย้ายไป มานิซาสปอร์ ... มันเหมือนตกสวรรค์ ผมมาถึงทีมในฝันของผมแล้วแท้ ๆ ผมภูมิใจกับการพยายามของตัวเอง แต่เจอแบบนี้เข้าไปผมแทบอยากจะเลิกเล่นฟุตบอลซะเดี๋ยวนั้นเลย" ยิลมาซ กล่าว
ยิลมาซ มาที่ มานิซาสปอร์ แบบหน้าบูดบึ้ง เขาไม่ได้อยากย้ายทีม แต่มาแบบจำยอม แต่ไม่ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ทีม ๆ นี้ก็ต้องการกองหน้าที่ "ยิงประตูเป็น" อย่างเขาเป็นที่สุด ซึ่งตัวของ ยิลมาซ อาจจะยังไม่รู้ตัวว่าการมาที่นี่อาจจะเป็นการถอยหลัง 1 ก้าว แต่มันเป็นการถอยหลังเพื่อพุ่งทะยานไปข้างหน้าอีกหลายก้าวเลยทีเดียว
"แรก ๆ กับ มานิซาสปอร์ ผมเล่นแย่มาก แต่น่าประหลาดดีเหมือนกันที่เมื่อร่างกายชักเข้าที่ ฟอร์มของผมก็เริ่มกลับมา ผมทำประตูได้เยอะมาก จากนั้นหลายอย่างก็เปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนสำคัญ บรรยากาศในทีมมันเป็นมิตรมาก แบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน ผมจึงเข้าใจว่าสภาพแวดล้อมนี่แหละที่ทำให้ผมกลับมาเล่นฟุตบอลได้ดีอีกครั้ง ... ทายสิอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ? เฟเนร์บาห์เช่ติดต่อมาและพวกเขาก็ดึงตัวผมไปร่วมทีม"
เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ หลังย้ายไปเล่นให้ เฟเนร์บาห์เช่ ไม่นาน สโมสรเปลี่ยนโค้ชเป็น หลุยส์ อาราโกเนส กุนซือชาวสเปน จากนั้น ยิลมาซ ก็ดูเหมือนจะมีปัญหากับ อาราโกเนส โดยที่เขาไม่ได้บอกว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่ที่แน่ ๆ การทำงานกับ อาราโกเนส ทำให้เขาอยากย้ายทีมทุกวันเลยทีเดียว
Photo : www.milligazete.com.tr
"โชคร้ายในโชคดีของผมคือการเข้ามาของ อาราโกเนส ... เอาเป็นว่าผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้มาก แต่ที่แน่ ๆ ผมและเพื่อนร่วมทีมหลายคนไม่ได้ผิดอะไร พวกเขาพยายามเล่นเหมือนกับทุกเกมที่เคยผ่านมา แต่ผมก็ไม่เคยได้รับโอกาส ผมพยายามจะคุยกับเขา แต่สิ่งที่ผมได้คือคำปฏิเสธอย่างเดียว" ยิลมาซ กล่าว จากนั้นเขาก็โดนปล่อยให้กับทีม เอสกีเชเฮียร์สปอร์ ยืมตัวเพื่อแก้ปัญหาในห้องแต่งตัว จนสุดท้ายเขาเลือกที่จะย้ายไป แทร็ปซอนสปอร์ ที่ที่เรียกได้ว่าเขาเกิดใหม่จริง ๆ และก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าระดับแถวหน้าของประเทศตุรกี
ยิลมาซ ยิง 59 ประตูจาก 94 เกมให้กับ แทรปซอนสปอร์ ก่อนจะย้ายไป กาลาตาซาราย และยังรักษาระดับการเล่นได้ต่อเนื่อง นอกจากจะเป็นแชมป์ลีก 2 สมัยแล้ว เขายังเป็นนักเตะตุรกีคนแรกที่ยิงแฮตทริกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย
"บูรัค ยิลมาซ เป็นนักเตะที่พยายามปรับปรุงตัวเองตลอด เขาแก้ไขจุดอ่อนของตัวเองในสนามซ้อมทุกวัน ถ้าถามว่าใครเป็นนักเตะที่น่าพอใจที่สุดในทีมชุดนี้ ผมคงต้องพูดชื่อของเขา" ฟาห์ติ เตริม กุนซือของ กาลาตาซาราย กล่าว
เตริม เองมีส่วนอย่างมากในการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นของ ยิลมาซ เดิมที ยิลมาซ มักจะชอบใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง เก็บบอลไว้กับตัวนาน และชอบเอาชนะคู่แข่งในการดวล 1-1 ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเขาไม่ใช่นักเตะที่มีความเร็วอะไรมากมายนัก การเล่นในตุรกีอาจจะยังไม่ชัด แต่เมื่อมาเล่นในบอลยุโรป ยิลมาซ จะมีปัญหาตลอด จนกระทั่ง เตริม ปรับเขามาเป็นเบอร์ 9 อย่างเต็มตัว โดยให้เขาทำหน้าที่จบสกอร์ในกรอบเขตโทษ ใช้จังหวะบอลให้น้อยที่สุด และใช้ความเฉียบขาดในการยิงให้มากที่สุด
มีนักข่าวที่ชื่อว่า อิลฮาน ซอยเลอร์ ของสำนักข่าว Hurriyet ที่ติดตามการค้าแข้งของ ยิลมาซ มานาน และเห็นถึงความแตกต่างเมื่อ ยิลมาซ พัฒนาตัวเอง เขายืนยันว่า ยิลมาซ ที่ชอบใช้ความแข็งแกร่งในแบบของกองหน้าตัวใหญ่คนเดิมเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นคนที่ใช้จินตนาการและการเคลื่อนที่เป็นหลักมากกว่าที่เคย
"นักเตะตุรกีคนเดียวในยุคนี้ที่ลงสนามและใช้จินตนาการท้าทายผู้เล่นฝั่งตรงข้ามคือ บูรัค ยิลมาซ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่ต้องเลี้ยงบอลเยอะ ไม่ต้องครองบอลแยะ เพราะการทำเช่นนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นเลย" อิลฮาน กล่าวกับ รอยเตอร์
หากจะถามว่าเขาเอาวิธีเล่นแบบนั้นมาจากใคร คำตอบคือ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานกองหน้าชาวไอวอรี่โคสต์ ของ เชลซี ที่ครั้งหนึ่งเคยมาเล่นกับ กาลาตาซาราย ในช่วงสั้น ๆ แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ ยิลมาซ ผู้ไม่เคยเล่นในต่างแดนเข้าใจถึงความแตกต่างของนักเตะระดับท็อปกับนักเตะระดับประเทศอย่างเขา
Photo : twitter.com/ultrAslan
"ดร็อกบา ยอดเยี่ยมที่สุด การได้เล่นเคียงข้างเขาคือช่วงเวลาที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ผมได้เรียนรู้วิธีการเล่นจากเขามากมายเลยทีเดียว ต้องขอบใจทีมผู้บริหารที่ทำให้ดีลสุดพิเศษนี้เกิดขึ้น เขาย้ายมาอยู่กับเราอย่างไม่น่าเชื่อ" ยิลมาซ กล่าว ขณะที่ผู้ถ่ายทอดวิชาจอมถึกอย่าง ดร็อกบา ก็บอกว่าศิษย์เอกของเขาอย่าง ยิลมาซ คือนักเตะที่ดีที่สุดในประเทศตุรกีในช่วงเวลานั้น และเป็นกองหน้าที่มีความเป็นนักฆ่าในกรอบเขตโทษอย่างเหลือเชื่อ
ควรจะหมดได้แล้ว
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายสำหรับนักเตะตุรกีคือ พวกเขาอิ่มตัวง่าย เมื่อได้เล่นกับทีมในอิสตันบูล พวกเขาจะไม่อยากย้ายไปที่อื่น ๆ ด้วยเหตุผลจากวัฒนธรรม ศาสนา วิธีการเล่น หรืออะไรก็แล้วแต่ เราจะสามารถเห็นได้ว่านักเตะที่เกิดและโตในตุรกี มักจะมีแนวทางเช่นนี้ทั้งนั้น แม้จะย้ายออกไปเล่นในยุโรปได้ชั่วครู่ แต่ไม่นานเมื่อพวกเขาเกิดอาการผิดหวังหรือฟอร์มไม่เป็นอย่างใจ พวกเขาก็จะกลับมาที่ตุรกี
ตัวของ ยิลมาซ ก็เช่นกัน เขามีช่วงเวลาที่ยิงถล่มทลายติดต่อกันถึง 6 ซีซั่น มีทีมในยุโรปมาตามจีบแต่ก็ไม่ย้าย รู้ตัวอีกทีเขาก็อายุ 32 ปีเขาไปแล้ว แก่เกินกว่าจะออกไปแสวงโชคแล้ว มันคือบั้นปลายอาชีพที่ไปขุดทองในจีนน่าจะดีกว่า
Photo : www.ntvspor.net
แม้กระทั่งการไปเล่นที่จีน ที่ทำให้เขาได้เงินเข้ากระเป๋าสัปดาห์ละ 150,000 ยูโร แต่ ยิลมาซ ก็ยังคงเป็นภาพสะท้อนของนักเตะเตอร์กิช เขาอยู่นานไม่ได้ เขาอยากจะกลับบ้าน เพราะคิดถึงครอบครัว สุดท้ายเขาก็ย้ายกลับมาที่ แทร็ปซอนสปอร์ อีกครั้ง และเล่นในลีกตุรกี จนกระทั่งอายุ 35 ปี ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีรถไฟขบวนสุดท้ายแล้ว ทว่าหลังจากตลาดซื้อขายของฤดูกาล 2020-21 เริ่มขึ้น ลีลล์ ทีมจากฝรั่งเศสก็ติดต่อมา
ลีลล์ เป็นทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดี พวกเขาเล่นในระบบ 4-4-2 สิ่งเดียวที่พวกเขาขาดคือกองหน้าประสบการณ์สูง เพราะ โลอิค เรมี่ กองหน้าตัวเก่าเพิ่งหมดสัญญาไป พวกเขาอยากได้ใครสักคนมาประคองเด็ก ๆ ในทีม และทำหน้าที่หมายเลข 9 ที่ไว้ใจได้ เรื่องนี้ทำให้ หลุยส์ คัมโปส ผู้อำนวยการฟุตบอลของ ลีลล์ ถึงขั้นต้องตามมาง้อ ยิลมาซ ถึง อิสตันบูล เลยทีเดียว
"หลุยส์ คัมโปส มาที่ อิสตันบูล 10 วันเพื่อใช้เวลาคุยกับผม เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมย้ายจาก เบซิคตัส ทีมในฝันของผม" ยิลมาซ กล่าว
ขณะที่เอเย่นต์ของ ยิลมาซ ที่เจรจาเรื่องนี้ยังยอมรับว่าเขาไม่คิดว่าจะมีใครเปลี่ยนใจ ยิลมาซ ได้ แต่การมาของ คัมโปส เปลี่ยนทุกอย่าง เขาบอกบางสิ่งที่ตรงกับใจของ ยิลมาซ และทำให้เขาอยากจะย้ายออกไปเล่นในยุโรปเป็นครั้งแรก
"คัมโปส มาด้วยคำพูดที่แทงใจ เขาทำให้ บูรัค ย้ายทีมโดยที่ไม่ใช่เหตุผลเรื่องเงิน เขาบอกว่า เขาเห็นออร่าความดุดันและความเป็นผู้นำของ ยิลมาซ และบอกว่าเขาจะมาที่ฝรั่งเศสด้วยเหตุผลเดียว นั่นคือการพาทีมเป็นแชมป์" เอเย่นต์ของ ยิลมาซ กล่าว
ยิลมาซ ย้ายมาและทำให้แฟนของ ลีลล์ ประหลาดใจ ทุกคนไม่เชื่อว่าเขาจะทำให้ทีมดีขึ้นได้ แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ได้พบความจริงว่า ยิลมาซ ที่เล่นในสไตล์ของ ดร็อกบา พักบอล ยิงประตู และเป็นจุดเริ่มต้นของเกมบุก ด้วยผลงาน 18 ประตู 10 แอสซิสต์ ทำให้ ลีลล์ กลายเป็นแชมป์ของประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
"ผมยังจำความประหลาดใจของแฟนบอลเราได้ในวันที่ผมย้ายมา แต่ผมมั่นใจว่านี่คือการย้ายทีมที่จะทำให้ผมเป็นนักเตะที่ดีขึ้นได้ ผมอยากจะเก่งขึ้นแม้จะอายุ 35 ปี นักเตะอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังพีกได้ในวัย 35 ปี ทำไมผมจะทำไม่ได้ ผมรักษาสุขภาพอย่างดี ผมเอาจริงถึงขั้นพาครอบครัวมาอยู่ด้วย และหลังจากนั้นผมก็ได้เจอกับโค้ชที่สนับสนุนผม เรานั่งแก้ปัญหากันทุกเรื่องตั้งแต่เกมรับและเกมรุก คอยดูเถอะแล้วเราจะเป็นแชมป์" นี่คือสิ่งที่ ยิลมาซ กล่าวในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งในท้ายที่สุด ลีลล์ ก็ทำได้จริงตามที่เขาพูด
ตอนนี้ภารกิจของ ยิลมาซ ยังคงไม่จบ ในวัย 35 ปี เขายังต้องแบกเกมรุกทีมชาติตุรกีในศึกยูโร 2020 สิ่งเดียวที่เขาต้องทำ คือสิ่งเดียวกับสิ่งที่เขาทำทุกวันในตลอดช่วง 5 ฤดูกาลหลังสุด อ่านสถานการณ์เกมรับคู่แข่งให้ออก ยืนให้ถูกที่ถูกเวลา ใช้ไหวพริบในการจบสกอร์ และเป็นคนที่เพิ่มโอกาสสร้างเกมรุกให้กับเพื่อนร่วมทีม หนนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องทำในสิ่งที่ ดร็อกบา เคยทำกับเขา นั่นคือการเป็นรุ่นพี่ของน้อง ๆ และเป็นผู้นำที่พาทีมตั้งเป้าหมายไว้ที่ชัยชนะเท่านั้น
1
บทความโดย ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา