12 มิ.ย. 2021 เวลา 07:45 • สุขภาพ
โครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัยแบบดิจิตอล คือกุญแจในการปลดล๊อกประตูสู่การกลับมาทำงานที่ออฟฟิสอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
การกระจายตัวของการฉีดวัคซีนกำลังทำให้เริ่มีการกลับมาทำงานที่ออฟฟิสกันอีกครั้ง เนื่องจากธุรกิจจำนวนไม่น้อยมีการใช้รูปแบบการทำงานแบบผสมหรือไฮบริด เพื่อปรับพื้นที่การทำงานให้ยืดหยุ่น ในสำหรับผู้ประกอบการบางราย Covid-19 ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดเรื่องสถานที่ทำงานของพนักงานไปอย่างถาวร บางคนถึงกับบอกพนักงานเกือบทั้งบริษัทว่า พวกเขาสามารถทำงานอยู่บ้าน หรือที่ไหนก็ได้ตลอดไปแบบไม่มีกำหนด ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Novartis, Slack และ Twitter หรือบางบริษัทก็มีแผนให้ในหนึ่งสัปดาห์ พนักงานทำงานที่บ้านเป็นบางวัน และในสำนักงานเป็นบางวัน ตัวอย่างเช่น Ford, Google, and Nationwide ซึ่งในตอนนี้มันอาจจะยังไม่ชัดเจนว่าจะมีนายจ้างสักกี่รายที่จะขอให้ลูกจ้างกลับมาทำงานออฟฟิสเต็มเวลา แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ย่อมมีบริษัทเป็นจำนวนมากที่ต้องการเช่นนั้นแน่นอน
ในแง่มุมมองทางสังคม มันยังมีความต้องการของพนักงานที่ต้องการการปฏิสัมพันธ์กันแบบพบปะเจอหน้า face-to-face กันอยู่อย่างแน่นอน สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนเลยคือ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดจะมีอยู่อย่างถาวรแน่นอน นอกเหนือจากการจัดการเรื่องความกังวลในด้านความปลอดภัยทางกายภาพ กับบุคคลากรในอาคารสำนักงานแล้วนั้น หากเกิดการแพร่ระบาด หรือการขาดงานจำนวนมาก จะยิ่งส่งผลเสียต่อกำไร และชื่อเสียงของบริษัทอีกด้วย ข้อกำหนดต่างๆของภาครัฐเองก็มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังผลักดันให้เกิดการพิจรณาใหม่ๆสำหรับผู้ประกอบการ และเจ้าของสถานที่ต่างๆ มันอาจจะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขจัดความซับซ้อน และทำให้พื้นที่การทำงานสามารถทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันกับการตอบสนองความต้องการของผู้คนในพื้นที่ในปัจจุบัน
การทำงานในอนาคตจะเป็นตัวสะท้อนวิธีที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกบริหารและใช้งานพื้นที่การทำงาน รูปแบบโมเดลที่ยืดหยุ่นนั้นจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรในทุกขนาด ด้วยที่อาจจะมีรูปแบบสัญญาเช่าแบบระยะสั้น ผู้ใช้งานพื้นที่ชำระเงินได้ตามต้องการตามการใช้งาน ขยายขนาดพื้นที่ใช้สอยขึ้นลงตามความจำเป็น และเข้าถึงบริการได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันกับการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์และกาจัดการ อุปสรรคใหญ่อย่างนึงในการดึงดูดผู้เช่าที่มีมูลค่าธุรกิจสูงๆ อย่างเช่น Amazon นั่นคือการทำให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานความปลอดภัยด้านดิจิตอล มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว มันเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างแท้จริง เนื่งอจากทาง IBM ได้ประมาณการว่าต้นทุนโดยเฉลี่ยทั่วโลกของการละเมิดความปลอดภัยหนึ่งครั้งในปี 2020 อยู่ที่ 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และนี่ยังไม่รวมถึงการวัดผลกระทบเชิงลบอื่นๆ จากการละเมิด เช่นการสูญเสียชื่อเสียงของธุรกิจ และแบรนด์ หรือ เวลาและทรัพยากรณ์ในการแก้ไขความเสียหาย
ก่อนผู้เช่าจะเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ พวกเขามักคาดหวังว่าผู้ให้บริการจะสามารถสาธิตโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอลที่เหมาะสมได้ เราลองมาทบทวนหลักการพิจรณา และส่วนประกอบที่จำเป็นในการสร้างลำดับขั้นตอนการปฏิบัติการเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ซึ่งจะรองรับความสมบูรณ์ของพื้นที่การทำงาน การดำเนินงาน และโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะเดียวกันกับการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
อันดับแรก: โฟกัสที่ความปลอดภัยทางกายภาพ (Physical Security)
ผู้คนมักไม่ค่อยอยากกลับมาทำงานที่ออฟฟิสกันนัก หากพวกเขาไม่มั่นใจว่าอาคารสำนักงานนั้นสะอาด พื้นที่ทำงานส่วนบุคคลเว้นระยะห่างกัน และการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นไปแบบไม่ต้องสัมผัส เข้าถึงได้ง่ายด้วยสมาร์ทโฟนส่วนบุคคล ผู้คนมักมีความกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเข้าถึงพื้นที่จากภายนอก สู่ภายในอาคาร ว่าได้รับการจัดการได้ดีเพียงใด ระบบ Smart Access ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การจัดการวิธีปลดล๊อกประตู หรือควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ แต่ยังรวมถึงการติดตามผู้ใช้ และการจัดการผู้มาติดต่อ – ทั้งสองส่วนนี้ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการดำเนินการของระบบ เนื่องจากเรื่องของการเข้าใช้งานซ้ำๆ เป็นเรื่องที่ต้องโฟกัสอันดับแรก
การเข้าทำงานออฟฟิสในแบบเดิมๆนั้นหมายถึง รูปแบบการเข้า และออกพื้นที่ในอาคารนั้นจะเป็นไปในแบบที่สามารถคาดเดาได้ หรือแม้แต่กระทั่งพื้นที่ที่ผู้คนทำงานอยู่ แต่ตอนนี้ ด้วยการจัดการที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ระบบการควบคุมการเข้าออกจึงต้องมีความก้าวหน้ามากขึ้น ระบบต้องมีการคำนึงถึงผู้คนต่างๆ ที่ต้องการเข้าถึงอาคารต่างๆ ทำงานในพื้นที่แตกต่างกัน และมีการเข้าออกอาคารในวัน และเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อประสบการณ์ทางดิจิตอลที่ดีที่สุด ระบบการเข้าออกจึงต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัย และสามารถทำให้การเดินทางในพื้นที่เป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่คำนึงถึงว่าบุคคลนั้นๆจะเข้าพื้นที่อาคารใดในเครือข่ายเน็ตเวิร์กของระบบ
วิวัฒนาการของระบบภายในอาคารอัจฉริยะช่วยให้สามารถตรวจตราและตรวจสอบตัวตนของบุคคลในพื้นที่ได้ มันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ดูแลพื้นที่ ที่ต้องเข้าใจว่าใครคือบุคคลที่เข้ามาใช้งานพื้นที่บ่อยๆ และใครคือผู้ที่เค้ากำลังติดต่อยู่ด้วย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดภายในสำนักงาน รวมถึงที่จอดรถ พื้นที่ทำงาน โต๊ะทำงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ การมีมุมมองแบบองค์รวมของอาคารไม่เพียงช่วยให้มีความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สำนักงานเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่าสำหรับผู้คนที่จะกลับไปท่ามกลางการแพร่ระบาดของ Covid-19
การู้ว่าในแต่ละพื้นที่มีการใช้งานบ่อยแค่ไหน โดยจำนวนผู้คนเท่าไหร่ และบ่อยแค่ไหนที่พนักงานจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึกให้กับผู้ดูแลพื้นที่รู้ว่าจะต้องวางระเบียบวิธีการทำความสะอาด และฆ่าเชื้ออย่างไร ความจริงก็คือ มาตรการความปลอดภัยภายหลังโควิด-19 จะกลายเป็นวาระสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องทำงานในสำนักงาน เจ้าของอาคาร และผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานสำนักงาน
ถัดมาคือการโฟกัสที่ความปลอดภัยด้านระบบเครือข่าย (Network Security)
หากพูดถึงเรื่องความปลอดภัยด้านระบบเครือข่าย เราไม่ขอแนะนำให้ตัดประเด็นด้านไหนทิ้งออกไป จะต้องมีกระบวนการและโซลูชั่นเพื่อปกป้องแพลตฟอร์มจากการโจมตีใดๆ และทำให้แน่ใจว่าระบบทั้งหมดทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในที่เดียว มันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามารถมองเห็น และควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย และเพื่อจัดการและตรวจสอบการเข้าสู่ระบบเครือข่ายทั้งแบบมีสาย, ไร้สาย และการเข้าใช้งานของผู้มาติดต่อตลอดเวลา การเข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi จะต้องได้รับการเข้ารหัส และอนุญาตตามชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านในแต่ละครั้ง แทนที่จะเป็นรหัสผ่านที่แชร์ร่วมกันสำหรับเครือข่าย Wi-Fi Protected (WPA) การรับส่งข้อมูลจะต้องเข้ารหัสและแยกส่วนอย่างเหมาะสมโดยผู้ใช้งาน ด้วย Virtual Local Area Networks (VLAN) เฉพาะ และปิดกั้นการรับส่งข้อมูลระหว่าง VLAN ไฟร์วอลล์ยังมีความสำคัญต่อการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย Firewall คืออีกสิ่งที่สำคัญต่อการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานเช่นกัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานและผู้ใช้งานมีความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย ผู้ใช้งานจะหาผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานที่สามารถแสดงระดับความปลอดภัยที่พวกเขาต้องการ สำหรับความต้องการทางธุรกิจของพวกเขา
โดยทั่วไปแล้ว เพื่อให้บรรลุมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ทางผู้ดูแลระบบอาจจะต้องทำงานร่วมกับผู้จัดหาและให้บริการที่แตกต่างกันมากถึง 10 ราย ตั้งแต่ผู้ให้บริการระบบกล้องวงจรปิด, ระบบเครือข่ายสำหรับควบคุมการผ่านเข้าออก (access control), การจองโต๊ะและห้องประชุม, และระบบควบคุมอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งนี้ทำให้การรักษาความปลอดภัยและการดำเนินงานเป็นงานที่ซับซ้อน และกลายเป็นความท้าทายอย่างแท้จริงสำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ทว่า ด้วยรูปแบบแฟลตฟอร์มพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นก็สามารถดำเนินการเหล่านี้ได้ในที่เดียว เทียบเท่ากับเครือข่ายที่ปลอดภัยและราบรื่น
กำหนดขอบเขตความปลอดภัยทางไซเบอร์
องค์ประกอบของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ มักจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องถูกจัดลำดับความสำคัญ เริ่มตั้งแต่ malware และระบบการชำระเงิน ไปจนถึงมาตรฐานและการโจมตีแบบฟิชชิ่ง (phishing attack) การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มักจะเป็นเป้าเคลื่อนที่ หากไม่มีการวางกรอบงานไว้สำหรับจัดการภัยคุกคามที่มองไม่เห็นในโลกดิจิตอลที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าส่วนประกอบและระบบใดที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี และดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อปกป้องและตรวจสอบจุดอ่อนเท่าที่เป็นไปได้ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ได้แก่ การบำรุงรักษาการต่อสายเคเบิล และการกำหนดค่าพอร์ตสวิตช์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจมีกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ, การทำ Firewall และการแยก VLAN เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ไปยังผู้ใช้งานเป้าหมายบนโครงสร้างเครือข่ายเดียวกัน และการตรวจสอบโปรโตคอลแบบเรียลไทม์เพื่อกักเก็บและระบุอุปกรณ์ที่ถูกบุกรุก
มุ่งสู่ประสบการณ์การเข้าใช้งานที่ยอดเยี่ยม
การนำพนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิส และบริการที่พวกเขาต้องการ จะต้องง่าย รวดเร็ว และราบรื่น ในทุกๆเรื่องตั้งแต่การพิมพ์เอกสาร ไปจนถึงการเข้าถึงระบบผ่านเข้าออก และเข้าใช้ระบบ Wi-Fi ซึ่งล้วนสามารถทั้งสร้าง หรือลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน และประสบการที่ราบรื่นได้ ผู้ดูแลและใช้งานพื้นที่นั้นจำเป็นจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่ต่างๆ และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องรวมถึงความปลอดภัยในพื้นที่นั้นด้วย – คิดถึงการเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์, Alexa หรือลำโพง Sonos ยิ่งระบบ และจุดสัมผัสในกระบวนการน้อยลง การนำอุปกรณ์ใหม่เข้าสู่เครือข่ายก็ยิ่งง่ายขึ้นโดยมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาน้อยที่สุด
ความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในกลุ่มผู้ทำงานออฟฟิสในช่วงหลังจากการระบาดของ covid-19 การใช้เทคโนโลยีเป็นทางที่ดีที่สุดในการตรวจสอบการเข้าใช้งานซ้ำๆ และติดตามพฤฒิกรรมของผู้ใช้งาน เครื่องมือเช่นระบบ smart access control และการจองโต๊ะทำงานล่วงหน้า ช่วยลดจุดสัมผัสติดต่อภายในสำนักงาน ทำให้พนักงานได้รับประสบการณ์ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
ประสบการณ์การผู้เกี่ยวข้องกับการทำงานออฟฟิสแบ่งได้เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือผู้ให้บริการและดูแล อีกส่วนหนึ่งคือบริษัทผู้ใช้งานพื้นที่ ในส่วนของบริษัทผู้ใช้งานพื้นที่ จะมีความต้องการในการปรับแต่งพื้นที่ตามความต้องการขององค์กร และความต้องการของพนักงานโดยเฉพาะ บริษัทต่างๆจะคาดหวังประสบการณ์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือจากบรรดาออฟฟิสในที่ต่างๆ การปฏิสัมพันธ์กับออฟฟิสจะเหมาะสมมากยิ่งขึ้น พื้นที่ทำงานสมัยใหม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับความซับซ้อนใหม่ๆเหล่านี้ตามสภาวะการระบาดของ covid-19
เลือกโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลที่ปลอดภัย
เรื่องของความปลอดภัยอาจจะไม่ปรากฎให้เห็นชัดเจนเสมอไป แต่มันมีความสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเสมอ มันจะต้องสามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันสำหรับผู้ใช้งานละราย การไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อาจทำให้ส่งผลเสียอย่างร้ายแรง บทบาทของผู้ให้บริการพื้นที่คือการสร้างและส่งมอบพื้นที่ทำงานและบริการให้กับผู้ใช้งาน เพื่อไม่ให้ต้องจัดการกับรายละเอียดมากมายของการจัดการเทคโนโลยีและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีโซลูชั่นที่สามารถรวมเอาเทคโนโลยีทั้งหมดเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ดูแลพื้นที่สามารถขจัดความรับผิดชอบหลักออกจากไหล่ของพวกเขา ปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้ใช้งาน
โฆษณา