12 มิ.ย. 2021 เวลา 11:04 • กีฬา
#ลอนดอนเกมส์ของผู้ชายที่ไม่ธรรมดา
โดย มิสมาต้า
ในทางการเมือง ประเทศอังกฤษที่เรารู้จัก มีชื่อเต็มว่า United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland หรือ แปลเป็นภาษาไทยว่า “สหราชอาณาจักร บริเตนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ”
เรียกกันสั้นๆ ว่า United Kingdom หรือ UK แปลเป็นภาษาไทยว่า สหราชอาณาจักร มีเมืองหลวงที่เรียกว่า ลอนดอน
สหราชอาณาจักร (UK) ไม่ใช่เพียงหนึ่งประเทศ แต่เป็นการรวมตัวกันของหลายประเทศจนเป็นประเทศเดียว (Country of Countries) ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ประเทศ​ ดังต่อไปนี้
1. ประเทศ​อังกฤษ
2. ประเทศ​สกอตแลนด์
3. ประเทศ​เวลส์
4. ประเทศ​ไอร์แลนด์เหนือ
ซึ่งประเทศ​ 1-3 อยู่บนเกาะอังกฤษ​ และ ไอร์แลนด์​เหนืออยู่บนเกาะไอร์แลนด์
คราวนี้เราลองเลี้ยวเข้ามาว่าด้วยเรื่องการเป็นตัวแทนกีฬา​กันนะคะ
ในโลกของวงการกีฬา​ที่ทีมสหราชอาณาจักร​ มีส่วนเกี่ยวข้องก็คงจะมีเพียงแค่ ฟุตบอล​โลก​ ฟุตบอล​ชิงแชมป์​แห่งชาติ​ยุโรป​ และ กีฬาโอลิมปิกทั้ง 2 ฤดู
สำหรับผู้ที่มีกีฬาๆ เป็นยาวิเศษ​อยู่ในหัวใจ เราจะสังเกตุ​เห็น​กันมานานแล้วว่าถ้าเป็นกีฬาฟุตบอล​ เราจะเห็นชื่อทีมชาติอย่างอังกฤษ​ สก็อตแลนด์​ เวลส์ และ ไอร์แลนด์​เหรือ แยกทีมกันไปแข่ง
แต่กลับไม่เห็นทั้งสี่ประเทศ​นี้ส่งทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขัน​ในฟุตบอล​โอลิมปิก​กันเลย หรือ แม้แต่ทีมเกรท บริเตท (Great Britain) ที่พอทราบกันอยู่แล้วว่านี่คือตัวแทนของสหราชอาณาจักร​ก็ต้องรอจนโอลิมปิก​ที่บ้านเกิดของตัวเองเพียงครั้งเดียว
ส่วนคนรุ่นเราๆ จะเห็นก็เพียงแค่ ลอนดอนเกมส์​ ปี 2012 ที่ทีมชาติเกรท บริเตน เข้าร่วมแข่งขัน​อย่างจำใจในฐานะชาติ​เจ้าภาพ ตามมารยาทสากล
⚽⚽⚽
แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ ความขัดแย้งทางการเมืองหลายครั้งมีพลังมากกว่าเกมกีฬา ทีมเกรทบริเตนชุดลอนดอนเกมส์จึงมีเพียงตัวแทนของนักฟุตบอล​อังกฤษ​ กับ นักฟุตบอล​เวลส์ เข้าร่วมเพียงสองประเทศ
ทั้งที่นักเตะทุกคนในสหราชอาณาจักรแทบ​ไม่ได้มีอะไรติดใจกันแล้ว แม้ว่าเวลาที่แต่ละชาติต้องมาเจอกันตามโปรแกรมบังคับ พวกเขาก็ไม่ได้เตะกันเอาถึงตายแบบในอดีต
แต่ผู้หลักผู้ใหญ่​ที่ยังเป็นพวกอนุรักษ์นิยม​ก็ยังทำตัวเป็นเด็กๆ เกี่ยงกันจนทีมเกรทบริเตนมีนักเตะจากเพียง 2 ชาติเท่านั้น
แล้วถ้าถามต่อว่าทำไมในฟุตบอล​นานาชาติ​ต้องแยก แต่ทำไมในโอลิมปิกต้องส่งทีมรวม
เพราะทั้งสี่ชาตินี้มีสมาคมฟุต​บอลเป็นของตัวเอง และ มีการจัดการแข่งขันฟุตบอล​ระหว่างทีมชาติเป็นครั้งแรกของโลกตั้งแต่ปี 1872 ที่ทีมชาติอังกฤษ vs สก็อตแลนด์
รวมทั้งจัดการแข่งขันฟุตบอลรายการ Home Championship ที่ทั้งสี่ประเทศ​ร่วมแข่งกันมาตั้งแต่ปี 1884
1
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาเกิดขึ้นก่อนที่จะมีสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ​ หรือ ฟีฟ่า (FIFA)​ จะคลอดออกมาเสียอีก จึงไม่แปลกนะคะที่น้องใหม่ในเวลานั้นอย่างฟีฟ่าจะมีอำนาจต่อรองน้อยกว่าสี่ชาติรุ่นใหญ่
แถมในยุคนั้นใครๆ ก็ทราบว่าชาติผู้ล่าอาณานิคมอย่างสหราชอาณาจักร​ ยังมีอิทธิพลอย่างมากมายในวงการเมืองโลก รวมทั้งมีอิทธิพล​ทางด้านกองทัพที่พร้อมในทุกสนามรบอีกด้วย
เมื่อฟีฟ่าที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1904 จึงต้องเชิญทั้ง 4 ชาติเข้ามาร่วมสมาชิก แทนที่จะเป็น 1 เดียวภายใต้ชื่อสหราชอาณาจักร​ เพื่อเข้าร่วมสมาพันธ์​ของตนเอง
⚽⚽⚽
แต่กับกีฬา​โอลิมปิกที่เล่ากันว่ามีการแข่งขัน​กันมาตั้งแต่ศตวรรษ​ที่ 8 แม้จะเพิ่งมาก่อตั้งสภาโอลิมปิก​สากล (IOC)​ เมื่อปี 1894 และ เริ่มจัดทัวร์นาเมนต์​แรกขึ้นที่กรุงเอเธนส์​ เมื่อปี 1896
1
สหราชอาณาจักร​กลับเป็นหนึ่งในสมาชิกของโอลิมปิคสากลตั้งแต่วันก่อตั้งเลย เพราะนี่คือเรื่องกีฬานานาชนิด ไม่ใข่แค่เรื่องของฟุตบอล​แต่เพียงอย่างเดียว
1
ทีมเกรท บริเตน จึงกลายเป็นประเทศ​แรกที่ได้เหรียญทอง​ฟุตบอล​โอลิมปิก​ และ เป็นประเทศ​เดียวที่ได้เหรียญทอง​สามสมัยแบบรวดๆๆ ในโอลิมปิก เอเธนส์​เกมส์ 1900 ลอนดอนเกมส์​ 1908 และ สต็อคโฮล์ม​เกมส์ 1912
3
หลังจากนั้นทีมเกรท บริเตน ก็เข้าร่วมโอลิมปิกบ้าง ไม่ร่วมบ้าง จนจบโรมเกมส์​ 1960 อันเป็นครั้งสุดท้าย​ที่พวกเขาเข้าร่วม และอีก 3 ครั้งต่อมาที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือก​ เกรท บริเตน ทีมนี้ก็ไม่เคยส่งทีมฟุตบอลเข้าร่วมอีกเลย
จนมาถึงการเป็นเจ้าภาพอีกครั้งเมื่อปี 2012 เกรท บริเตน ฟุตบอลทีม จึงต้องกลับมารวมตัวกันแบบเฉพาะกิจอีกครั้ง
1
หลังจากพวกเขาตั้งใจส่งตัวเองเข้าประกวดเพื่อให้ได้รับภารกิจนี้ คนดังในทุกวงการของสหราชอาณาจักร​ส่วนใหญ่ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสนับสนุน​ให้ ลอนดอน ได้รับการเลือกตั้ง​
รวมทั้งสองคนดังอย่าง ลอร์ด เซบาสเตียน โค นักกีฬาของสหราชอาณาจักร​ที่ประสบความสำเร็จ​มากที่สุดคนนึงในประวัติศาสต​ร์ของ​ประเทศ ที่ได้รับตำแหน่งประธาน​คณะกรรมการ​จัดการแข่งขัน
และ เดวิด เบ็คแฮม​ ที่เป็นทูต​ของฝ่ายจัดการแข่งขันที่เดินสายขอคะแนนเพื่อให้ชาติบ้านเกิดได้รับการรับเลือก
เบ็คแฮม​ จึงเป็นหน้าเป็นตาของคนทั้งชาติที่ช่วยดึงคะแนนโหวตจนลอนดอนได้รับเลือกจากไอโอซีในที่สุด ในตอนนั้นเขายังคงเล่นฟุตบอล​อาชีพอยู่ด้วย แม้จะเป็นเมเจอร์​ ลีก​ ซอคเกอร์ ที่อเมริกา​ก็ตาม แต่การเรียกความฟิต​อยู่ตลอดเวลา บวกกับการข้ามกลับมาเล่นให้ เอซี มิลาน กับ ปารีส แซงต์​ แชร์กแมง
จึงไม่น่าแปลกใจที่สื่อมวลชน และ คนกีฬาแทบจะทุกคน คิดไปถึงภาพมโมที่ว่าทีมเกรท บริเตน จะมี เดวิด เบ็คแฮม​ เดินนำลูกทีมลงสนามในฐานะ​กัปตัน​ทีม​
แต่อดีตรุ่นพี่​ร่วมทีมชาติที่ชื่อ สจวร์ต เพียซ ที่รับงานคุมทีมกลับตัดชื่อของเขาออกไปแบบเซอร์ไพรส์​คนไปทั่วโลก โดยไม่มีคำอธิบายที่เป็นทางการจากเพียซว่าทำไมคนอย่าง เดวิด เบ็คแฮม​ อดีตกัปตัน​ทีม​ชาติอังกฤษ​จึงหลุดออกไปจากลิสต์​รายชื่อ​นั้น
1
แต่เบ็คแฮม​ก็ยังเป็นเบ็คแฮม​ เขายังคงเป็นคนที่ระดับความคิดดีที่ไม่เคยพูดถึงใครในแง่ลบเลย อกหักคราวนี้แม้จะถือว่าแรง แต่เขายังมอบคำพูด​ดีๆ ออกสู่สาธารณะ​ว่า
1
"ทุกคนรู้ดีว่าการได้เล่นให้ทีมชาติมีความหมายสำหรับผมมากแค่ไหน ผมจึงรู้สึกเป็นเกียรติมาก หากได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมเกรท บริเตนนี้
ผมย่อมรู้สึกผิดหวังมากอยู่แล้ว ซึ่งนี่เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผมก็เป็นเหมือนเช่นทุกคนที่ต้องอวยพรให้พวกเขาไปคว้าเหรียญทองให้ได้สำเร็จ"
⚽⚽⚽
เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่คนอย่างเขามักจะต้องมีบั้นปลายในหลายต่อหลายครั้งไม่ค่อยดีเสมอ ทั้งที่มีพร้อมทุกอย่างเท่าที่นักกีฬา​เกรดเบอร์​ตองสองเอพึงจะมี
ไม่ว่าจะพรสวรรค์​ พรแสวง​ การพัฒนา​ รูปร่าง หน้าตา ชื่อเสียง​ เงินทอง ครอบครัว และ แฟนๆ ผู้สนับสนุน
แต่เขากลับแยกทางกับคุณพ่อคนที่สอง และ สโมสร​ฟุตบอล​ที่เขารักมากที่สุดด้วยแผลที่หางคิ้วซ้าย และ ข้อกล่าวหาว่าขาดแพสชั่นทางฟุตบอล​ระดับสูง
เขาแยกทางกับ เรอัล​ มาดริด​ ด้วยการถูก ฟาบิโอ คาเปลโล​ จับดองที่ข้างสนาม ก่อนที่จะถูกส่งลงไปกู้ทีมในช่วงท้าย​ฤดูกาล​จนพาราชันตกยากกลับมาเป็นแชมป์ลา ลีกา ได้สำเร็จ
เขาถูก สตีฟ แมคคลาเรน ยึดปลอกแขน​กัปตัน​ทีมชาติ และ เลือกนักเตะหนุ่มคนอื่นๆ เข้ามาแทนที่นำแหน่งของเขา สุดท้ายทีมชาติ​อังกฤษ​ตกรอบ​คัดเลือก​ฟุตบอล​ยูโร​ 2008 และ แมคคลาเรนถูกปลด
จนมาถึงความผิดหวังครั้งสุดท้ายในอาชีพอันเป็นที่รักที่ลอนดอน​เกมส์​
ถ้าจะมีเหตุผล​ดีๆ มาปลอบใจ มิสก็คงจะคิดไปที่เรื่องจำนวนนักเตะที่สามารถ​ส่งได้เพียงแค่ 18 คน กับการต้องมี ไรอัน กิกส์ , ไมกาห์​ ริชาร์ด​ และ เคร็ก เบลามี จองโควต้าอายุเกิน 23 ปี
หรือ การไม่ต้องตกเป็นแพะรับบาปหลังการตกรอบแทนโค้ช​ที่ถูกตีค่าว่ามือไม่ถึง ที่ต้องรับไปคนเดียวเต็ม​ๆ แบบไม่ต้องเหลือมาแบ่งใคร
สจวร์ต​ เพียซ เคยยิงจุดโทษ​พลาดเมื่อฟุตบอล​โลก​ 1990 , เคยอยู่ในทีมชุดแพ้ลูกจุดโทษ​เมื่อยูโร 1996 ที่บ้านเกิด ซึ่งเป็นการแพ้ราชาจุดโทษ​อย่างทีม​ชาติ​เยอรมัน​ทั้งสองครั้ง
แต่การได้แค่เสมอในเวลากับทีมชาติเกาหลีใต้ที่มาในสไตล์​เน้นเกมรับ แล้วมาแพ้การยิงลูก​จุดโทษ​ตกรอบแปดทีม​สุดท้าย​ ย่อมเป็นอะไรที่มีแต่คนสมน้ำหน้าเขาแบบช่วยไม่ได้
เพราะต่อให้ เดวิด เบ็คแฮม​ จะอายุเยอะแล้ว แต่ทีมที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลยทีมนี้ไม่ควรมองข้ามอาวุธ​พิเศษ​ที่มาในรูปแบบของการเปิดบอล และ ลูกฟรีคิก​ของคนที่ได้ฉายาว่าเจ้าพ่อลูกนิ่ง และ คิง ออฟ ครอส
ลอนดอนเกมส์​อาจจบลงด้วยความชื่นมื่นสมไอโอซี คนสหราชอาณาจักร​ และแฟนกีฬา​ทุกคน
แต่สำหรับ เบ็คส์​มาเนีย ทั่วโลก พวกเขาถือว่านี่คือมหกรรม​กีฬา​ของมวลมนุษยชาติ​ที่มีรอยขีดข่วนจากความไม่ได้เรื่อง
ตั้งแต่สมาคมฟุต​บอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่เหมือนจับสลาก​งานวัดจนเลือกเอาคนอย่าง สจ​วร์ต​ เพียซ ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆ ในฐานะคนคุมทีมเลย
เมื่อคิดได้แบบนี้ ลอนดอนเกมส์ สำหรับ เดวิด เบ็คแฮม​ ในฐานะพลเมือง จึงเริ่มต้น และ จบลงด้วยความสมบูรณ์​แบบที่สุดเท่าที่ควรจะเป็น
#มิสมาต้า
โฆษณา