Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Reading Room
•
ติดตาม
12 มิ.ย. 2021 เวลา 12:48 • หนังสือ
นิยายที่ดี ไม่เพียงแต่จะสื่อสารกับคนอ่านเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถทำให้คนอ่านรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเรื่อง ผ่านวิธีการเล่าเรื่องหรือการสร้างตัวละคร ซึ่งหากทำได้เช่นนั้น คนอ่านจะติดหนึบหนับกับหนังสือแบบวางไม่ลงเลยทีเดียว และในบรรดานักเขียนนิยายไทย กิ่งฉัตรคือหนึ่งในนักเขียนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ สังเกตจากตัวผมเอง เวลาที่อ่านนิยายของกิ่งฉัตร จะมีความรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในเรื่อง เกิดอารมณ์เห็นอกเห็นใจตัวละคร และสุดท้ายก็พลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ ไม่หยุดจนจบเล่ม ส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เลือกนิยายของกิ่งฉัตรมาอ่านทีไร ผมไม่เคยใช้เวลาอ่านเกิน 1 วันเลยสักเล่มเดียว
กิ่งฉัตรเป็นนักเขียนที่เขียนนิยายได้หลากหลายแนว แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นแนวถนัดเห็นจะเป็นนิยายแนวแฟนตาซีเจือ กลิ่นไอโรแมนติกและมีข้อคิดเตือนใจแทรกปนอยู่ แต่ไม่ว่าจะเขียนนิยายแนวไหน นักอ่านส่วนใหญ่จะมีภาพจำเกี่ยวกับกิ่งฉัตรว่าเป็นนักเขียนที่อยู่ในโหมดนิยายรักเสียเป็นส่วนใหญ่ ภาพจำดังกล่าวเป็นผลมาจากนิยายของกิ่งฉัตรหลายเรื่องที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์ เช่น สูตรเสน่หา, เสราดารัล, บ่วงหงส์ หรือตามรักคืนใจ เป็นต้น แต่ช่วงหลังนี้สังเกตเห็นว่ากิ่งฉัตรมักเขียนนิยายเป็นชุดและเน้นไปในเชิงสืบสวนสอบสวนผสมกับเรื่องโรแมนติกเล็กๆ น้อยๆ พอกลั้วคอได้ขำๆ อย่างเช่นงานชุดโรนินแห่งสยามประเทศ ที่ออกติดต่อกันมาแล้ว 3 เล่ม ได้แก่ รื่นรักรมย์ลวง@หัวหิน, กุหลาบเกี่ยวใจ และแผนร้ายเกี่ยวรัก (สนุกทุกเล่มครับชุดนี้ อ่านเพลินมาก)
“รางปรารถนา” นิยายเรื่องใหม่ล่าสุดของกิ่งฉัตร เล่าเรื่องของจลาจันทร์ หญิงสาวผู้เรียบง่าย เจ้าของร้านขายของเก่าและเครื่องรางในห้างสยามออโรร่าที่ชื่อว่า “อมิดา” ซึ่งหล่อนและอมิดา หรือมิด้า งูเขียวที่เป็นเพื่อนสนิทของหล่อนเป็นเจ้าของร่วมกัน อมิดาเป็นคนที่เกิดในวันอมาวสี หรือคืนเดือนดับ ทำให้หล่อนมีความสามารถพิเศษสามารถสื่อสารและได้ยินเสียงของวัตถุโบราณต่างๆ ได้ เมื่อรวมกับความสามารถของมิด้าแล้ว หล่อนจึงสามารถสร้างเครื่องรางปรารถนาที่จะนำพาให้ทุกคนได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา จลาจันทร์มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับดิชพล และครอบครัวของเขาเข้าโดยบังเอิญ ดิชพลเป็นคนเกิดคืนเดือนดับเช่นเดียวกันกับหล่อน และการที่เขาถูกเลี้ยงดูจากครอบครัวที่ร่ำรวยในสถานะของลูกเลี้ยงที่แม่ทิ้งหายไปไหนไม่รู้ ทำให้ทั้งโดนโขกสับ รังแก กลั่นแกล้งและกดให้อยู่ในที่ที่เป็นเสมือนฐานให้ลูกคนอื่นในครอบครัวได้เหยียบขึ้นไป ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ดิชพลกลายเป็นคนเงียบขรึมและเปี่ยมไปด้วยออร่าด้านลบ กระทั่งเขาได้พบกับจลาจันทร์ หญิงสาวที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ทั้งคู่ต่างชดเชยในสิ่งที่แต่ละคนขาด จลาจันทร์เคยผิดหวังจากความรักเพราะชายคนรักเห็นค่าหล่อนเพียงแค่คนที่ทำให้ความปรารถนาของเขาบรรลุผล ไม่ได้ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของหล่อน ส่วนดิชพลแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจและอยู่ข้างๆ คนที่ขาดสองคนต่างทดแทนสิ่งที่อีกฝ่ายไม่มีให้กันและกันจนกลายเป็นความรัก อันนำไปสู่จุดจบของเรื่องที่เฉลยความลับดำมือของอดีตของดิชพล
หากมองในแง่ของระดับความสนุก ผมคิดว่ากิ่งฉัตรยังคงความสามารถในการเล่าเรื่อง การสร้างตัวละครที่น่าสนใจ ทำให้คนอ่านอย่างเราๆ อ่านเพลิน อ่านไปพลิกหน้าไปไม่หยุดเหมือนเคย ขณะเดียวกัน เรื่องเล่าในนิยายก็ทันสมัย มีการสอดแทรกประเด็นใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องการระบาดของ COVID-19 และมาตรการในการรับมือและป้องกันโรคลงไปในเนื้อเรื่องได้อย่างแยบยล นอกจากนี้การเล่าเรื่องความรักโดยอ้างอิงแรงบันดาลใจจาก Beauty and the Beast ก็เป็นประเด็นที่กิ่งฉัตรทำได้ดี แนบเนียน โดยเฉพาะการที่สร้างตัวละครจลาจันทร์ให้มีความสามารถพูดกับสิ่งของต่างๆ ได้ เหมือน Belle และดิชพลที่แม้จะไม่ได้มีรูปลักษณ์น่ากลัวเหมือน The Beast แต่ก็เป็นคนที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น และจ่อมจมอยู่ในโลกมืดมนของตัวเอง เฉกเช่นเรื่องราวใน Beauty and the Beast ไม่มีผิด
จุดที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรกลับเป็นช่วงท้ายของเรื่องที่รวบรัดตัดความ อารมณ์เดียวกันกับเวลาที่เราดูละครที่ถูกตัดจบทั้งที่ยังไม่ควรจบ แต่หากมองให้ชัดเจนก็จะพบว่าสิ่งที่ทำให้ “รางปรารถนา” เหมือนถูกตัดตอนจบนั้น น่าจะเป็นผลมาจากการที่กิ่งฉัตรเสียเวลาในช่วงต้นอธิบายถึงตัวตนของตัวละครหลักสองตัวอยู่พอสมควร ทำให้เรื่องในตอนท้ายที่ควรจะลงตัว และมีบทสรุปที่ให้อารมณ์มากกว่านี้เหมือนโดนกรรไกรตัดฉับจบเรื่องแบบปุบปับ ตัวละครที่แสดงท่าทีว่าร้ายกาจก็คิดได้ว่าควรจะเป็นคนดีและเปลี่ยนตัวเองหน้าตาเฉยเลยซะงั้น ส่วนในแง่ของความโรแมนติก อารมณ์กุ๊กกิ๊กระหว่างพระนางที่มีนักอ่านหลายคนบ่นว่าน้อยไป หรือแทบไม่มี ผมมองว่านั่นเป็นเพราะกิ่งฉัตรต้องการให้เห็นถึงบุคลิกที่แห้งแล้งของดิชพลด้วยแหละ นอกจากนั้น เรื่องราวบางส่วนก็ผลักไปที่มิด้า ที่ถือเป็นตัวละครเด่น แม้จะเป็นแค่งู (นางบอกว่านางเป็นงูเขียวที่อีกนิดเดียวจะได้เป็นนาคี) แต่ก็เป็นตัวดำเนินเรื่องและสร้างมุกตลกมากมาย ใจผมนี่อดลุ้นไม่ได้ว่ากิ่งฉัตรจะเขียนเรื่องแยกที่เป็นเรื่องของมิด้าล้วนๆ ไหมนะ?
ถึงแม้ “รางปรารถนา” จะเล่าเรื่องของเครื่องรางอันนำพาให้ความปรารถนาเป็นจริง แต่ที่จริงแล้ว เนื้อหาใจความหลักใหญ่กลับพูดถึงเรื่องความมืดดำและลึกลับซับซ้อนภายในจิตใจของคน คนบางคนหน้าฉากเป็นอย่างหนึ่ง หลังฉากอาจเป็นอีกอย่างผ่านการเล่าเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาในใจของคนที่มักดึงให้คนเหล่านั้นดิ่งจมลงไปในความมืดดำ ที่แม้กระทั่งคนที่เกิดในคืนเดือนมืด ที่มักถูกกล่าวหาว่าจะทำอะไรก็ล้มเหลวและนำพาให้คนอื่นไม่ประสบความสำเร็จ ก็อาจไม่มืดมนเท่าจิตใจของคนที่กระเหี้ยนกระหือรือต้องการทำสิ่งที่ตนปรารถนาโดยไม่สนใจใครหรือสิ่งใด เพราะจะว่าไป คนนี่แหละครับคือสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจและน่ากลัวที่สุดกว่าสิ่งมีชีวิตไหนๆ…
#รางปรารถนา #กิ่งฉัตร #ReadingRoom
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย