12 มิ.ย. 2021 เวลา 14:49 • ธุรกิจ
# อยากประสบความสำเร็จเร็ว ทำรายได้ 10 เท่าแบบไม่เหนื่อย มาเป็นผู้นำกันเถอะ !!# EP.5
ใน EP. 1-4 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้เล่าถึง เรื่องราวผู้นำ
จากหนังสือของ John C Maxwell
เรื่อง The 5 Levels of Leadership
และได้สอดแทรกประสบการณ์ส่วนตัว
จากการที่ได้ มีโอกาสโค้ชผู้คน หลายร้อยราย
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ให้พัฒนาทักษะและภาวะผู้นำ
ผู้เขียนพบว่า การที่จะมีภาวะผู้นำสูงขี่นเรื่อยๆนั้น
ผู้นั้น จะต้องมีการพัฒนาหลายๆทักษะประกอบกัน
ดังที่ได้เขียนไว้ใน EP. 4
ผู้ที่สนใจ สามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้
และสามารถวางแผนได้ว่าตนเองควรจะพัฒนาอะไรเพิ่ม
เพื่อยกระดับความเป็นผู้นำของตนให้สูงขึ้น
เพราะเมื่อมีระดับความเป็นผู้นำที่สูงขึ้น
ย่อมหมายถึงการที่เราทำงานเบาลง และได้ผลลัพธ์มากขึ้น
ในบทนี้ ผู้เขียนจะพูดถึงผู้นำในระดับที่ 3
คือ ผู้นำที่ สร้างผลงานที่เราสร้างไว้ใ้ห้องค์กร
สรุปง่ายมาก คือ ผู้นำที่ผู้คนยอมรับว่า เป็นระดับที่ 3
คือ ผู้ที่เชี่ยวชาญ และสร้างผลงานเป็นที่ยอมรับ
เช่น ถ้าเป็นแผนกขาย ก็จะเป็นคนที่ยอดขายสูงที่สุด
สร้างรายได้สูงสุด จนเป็นที่ยอมรับของคนในองค์กร
ข้อดีของการเป็นผู้นำแบบนี้ คือ คนยอมรับให้เป็นต้นแบบ
เพราะมี Proven Process ว่า ทำได้สำเร็จ
ความโดดเด่นนี้ จะดึงดูดให้คนอยากมาร่วมทีม
อยากเรียนรู้จากเรา และอยากให้เราถ่ายทอดให้
ทีมมีความเชื่อมั่นในตัวเราว่า
มีอะไร เราจะสามารถแก้ปัญหาให้ได้
เชื่อมั่นว่า เรามีแผนที่ดี วิสัยทัศน์ดี มีกลยุทธ์
แต่ข้อเสียคือ
คนอาจจะพึ่งพาคาดหวังกับเรามากเกินไป
ทำให้เรา ต้องแบกความฝันความเชื่อมั่นของคนอื่น
และถ้าเราไม่ได้เป็นผู้นำตัวจริง
เพียงแต่เรามีผลงานเป็นที่ประจักษ์
ก็อาจจะเป็นที่เพ่งเล็ง หมั่นไส้ของผู้นำและคนอื่นๆ
อาจจะไดรับมอบหมายให้ทำงานที่ยากขึ้น
และ ต้องทำงานหนักขึ้น
สิ่งที่ต้องทำคือ
ต้องพยายามสร้างความเป็นผู้นำในระดับ 2 ให้สูงขึ้น
รู้จักสร้างสัมพันธ์ สร้างการยอมรับในเรื่องความชอบในตัวเรา
ถ้าเป็นแบบนี้ ก็จะมีคนมาร่วมแรงร่วมใจ
และให้เราสอน หรือช่วยเราทำ
ให้งานไม่หนักเกินไป
Mindset ของผู้นำในระดับที่ 3 เพื่อจะเข้าสู่ในระดับที่ 4 คือ
1) อยากได้ทีมแบบไหน ต้องทำตัวแบบนั้น
2) แสดงวิสัยทัศน์อย่างต่อเนื่องว่า มีกลยุทธ์อย่างไร
3)สร้างทีมงาน
4) ฝึกทักษะการถ่ายทอด
5) ฝึกทักษะเรื่องคน อ่านคนให้ออกว่าแบบไหน
ต้องทำอะไร ต้องฝึกอย่างไร หรือ เหมาะจะทำอะไร
6) ฝึกทักษะการแก้ปัญหา ด้วยพลังงานเชิงบวก
7) สร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างภาวะผู้นำระดับ 2 ในตัวเองให้ควบคู่กัน
8) เชื่อว่าคน คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร
9) เชื่อว่าการพัฒนาคน เป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้นำ
10) สร้างผลงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องเน้นสร้างทีม สร้างคน
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน
ผู้นำในระดับนี้ เป็นคนที่มีทักษะสูงในสิ่งที่ทำ
เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการสร้างผลลัพธ์
หลายคนอาจจะชอบการแข่งขัน ได้รับการยอมรับ
ดังนั้น จึงจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานฝึกทักษะ
จนได้ผลลัพธ์เป็นที่ประจักษ์ขององค์กร
ซึ่งคนๆนี้ อาจจะไม่ใช่หัวหน้่าทีม หรือ หัวหน้าแผนก
คนที่เป็นแบบนี้ ส่วนมากอาจจะโดนคนหมั่นไส้
อิจฉาริษยา ศัตรูมาก
และต้องเหนื่อยที่จะต้องรักษาความโดดเด่นผลงานไว้
ทำให้ ชีวิตเหนือ่ยหนัก
และอาจจะมีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์
แม้มีรายได้สูงจากผลงานตัวเอง
แตเหนื่อยมาก ถอดหัวโขนไม่ได้
สิ่งที่จะทำให้ คนในระดับนี้ มีความสุขมากขึ้น
และยกระดับภาวะผู้นำให้สูงขึ้น คือ
1) ฝึกทักษะด้าน Human Skills เช่น การสื่อสารเชิงบวก
การสร้างมิตร การชื่นชม การนำเสนอ จิตวิทยา การอ่านคน
2) ทักษะด้านการโค้ชชิ่ง
3) ทักษะด้านการวางแผนงาน และกลยุทธ์
4) การโน้มน้าว การเจรจาค่อรอง
5) การมอบหมายงาน
ถ้ามีทักษะเหล่านี้ การยกระดับเป็นผู้นำระดับ 4
จะง่ายมาก และทำงานสบายขึ้นมากค่ะ
ท่านผู้อ่านลองย้อนอ่านดูนะคะ แล้วลองประเมินตนเอง
ว่า ท่านน่าจะป็นผู้นำในระดับใด
และ ลองวางแผนว่า ท่านจะวางแผนในการพัฒนา
ทักษะใดบ้าง แล้วมาเล่าสู่กันฟัง
ผู้เขียนยินดีแนะนำให้
*******************************************
เรียบเรียงโดย
รัตนา ธนสารกิจ
ที่ปรึกษา ธุรกิจ และ องค์กรธุรกิจ
References :
John C. Maxwell , The 5 Levels of Leadership
Alice Boyes, 5 Ways Smart People Sabotage Their Success, Harvard Business Review, November 13, 2018
Ron Carucci, Build your Reputation as a Trustworthy Leader, Harvard Business Review , June 11, 2021
โฆษณา