"คุณฮันจองอู คุณเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2020 ผมเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุ ที่จะมาเก็บกวาดข้าวของของคุณ ... ผมฮันกือรูจากมูฟทูเฮฟเวนครับ ผมจะเริ่มการขนย้ายครั้งสุดท้ายของคุณฮันจองอูครับ"
Move to Heaven
ซีรี่ย์อะไรก็ไม่รู้ทำร้องไห้บ้าบอได้ทั้ง 10 ตอน และต่อไปนี้คือ 10 Short Note หลังจากดูจบ บางส่วนมีการเอ่ยถึงรายละเอียดสำคัญของเนื้อเรื่อง กลัวสปอยล์อาจจะต้องข้ามโพสต์นี้ไปค่ะ
1. "แม้แต่คนตาย ก็ยังพูดได้" นี่เป็นประโยคสำคัญที่เป็นแก่นของเรื่องราวทั้งหมด
2. ฮันกือรู คือพระเอกหรือตัวเอกของเรื่อง เขาอายุ 20 ปีแล้ว แต่ลักษณะบุคลิกภายนอกยังดูเหมือนเด็กที่ยังไม่โต เพราะเขามีภาวะเป็นออทิสติกชนิดหนึ่งเรียกว่าแอสเพอเกอร์
3. เปิดเรื่องมา ฮันกือรูใช้ชีวิตได้เกือบจะเหมือนคนปกติ เพราะมีพ่อที่แสนดี (และแสนจะหล่อ โอ๊ยยยย เขาคือใคร ฉันแพ้ผู้ชายวัยกลางคนที่มียิ้มอันอบอุ่น) พ่อเข้าใจภาวะของฮันกือรูเป็นอย่างดี และพยายามจะสอนให้เขาใช้ชีวิตอย่างปกติร่วมกับคนอื่นได้
4. ฮันกือรูและพ่อมีอาชีพเก็บกวาดที่เกิดเหตุ ก็คือถ้ามีใครนอนตายอยู่ในห้อง ในบ้าน แล้วไม่อยากเป็นภาระเก็บกวาดเอง ก็สามารถมาเรียกใช้บริการสองพ่อลูกได้ค่ะ "Move to Heaven" คือชื่อบริษัทนี้
5. โครม!! พ่อตายค่ะ!! พ่อเป็นโรคหัวใจ ตายตั้งแต่ต้นเรื่องนี่แหละค่ะ ไม่ได้สปอยล์นะคะ เพราะไม่ใช่ประเด็นหลัก พ่อเขียนพินัยกรรมให้น้องชาย(คนละแม่) ที่ติดคุกอยู่เป็นผู้ปกครองดูแลฮันกือรู และอีน้องชายตัวแสบนี่แหละที่ทำให้เรื่องสนุกขึ้น
6. โจซังกู คืออาของฮันกือรู เพิ่งออกจากคุกหมาด ๆ พอดีเป๊ะกับที่พ่อเพิ่งตาย อาตัวแสบคนนี้เป็นนักมวย นักเลง ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น มองโลกในแง่ร้าย เสียงดัง สกปรก มาถึงก็ทำให้คนดูอย่างฉันเกลียดตั้งแต่แรกพบเลยค่ะ เกลียดความท่ามาก เอาแต่ใจ ไม่แยแส และขี้โวยวายของนางค่ะ
7. ในพินัยกรรมระบุว่า โจซังกูต้องมาดูแลและช่วยฮันกือรูทำงานที่ Move to Heaven เป็นเวลา 3 เดือน และหลังจากนั้นฮันกือรูจะเป็นผู้พิจารณาว่า โจซังกูจะได้เป็นผู้ปกครองโดยถาวรหรือไม่ อันที่จริงโจซังกู มีความหลังฝังใจกับพี่ชายตัวเอง แสดงออกว่าชิงชังตั้งแต่ต้น แต่ที่เขายอมมาดูแลฮันกือรูก็เพราะรู้มาว่าการเป็นผู้ปกครองสามารถเข้าถึงบัญชีของฮันกือรูทั้งหมดได้ (ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเยอะ) และตัวเขาเองก็มีหนี้ติดค้างก้อนโตที่ต้องชำระให้กับคนบางคน
8. เรื่องราวในแต่ละตอนคล้ายจะเป็นภาพยนต์สืบสวนของผู้ตายแต่ละคดี เพราะการเข้าไปเก็บกวาดที่เกิดเหตุของ Move to Heaven นั้น พ่อของฮันกือรูวางระบบไว้ให้เหมือนการเข้าไปเคลียร์สิ่งที่ค้างคาใจของผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย โดยดูจากข้าวของที่เหลือทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เก็บกวาดให้สะอาดเท่านั้น พ่อสอนฮันกือรูให้มองสิ่งของต่าง ๆ และผูกโยงร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่จะทำให้รู้จักผู้ตายได้ ในแต่ละตอนบุคคลที่ตายจะมีเรื่องราวที่ยังเป็นปริศนารอให้ฮันกือรูและพวกเราคนดูได้ไขความกระจ่าง
9. ฮันกือรู บกพร่องในเรื่องการสื่อสารและแสดงความรู้สึก ชอบอยู่ในสถานที่ ๆ เป็นระเบียบแบบเดิม ๆ ไม่พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม แต่ฮันกือรูก็มีความสามารถพิเศษคือสามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำด้วยการเห็นเพียงครั้งเดียว พร้อมกันนั้นยังสามารถเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกันเสมือนการต่อจิ๊กซอในสมอง นั่นทำให้การไขปริศนาในแต่ละตอนสนุกขึ้น
10. เมื่อดูไปซักกลาง ๆ เรื่องประมาณตอนที่ห้า หก ก็เริ่มรู้แล้วว่า อีโจซังกูผู้เป็นอานั้นที่แท้มีจิตใจอ่อนไหวและอ่อนโยน น้ำตาตก น้ำตาแตก เป็นประจำ เอาล่ะจากที่เกลียดและรำคาญความโวยวายและงี่เง่าในตอนแรก ก็จะตกหลุมรักนางได้ในที่สุดนั่นแหละ (แต่ฉันก็ยังเทใจให้พ่อของฮันกือรูมากที่สุดในเรื่องนะจ๊ะ)
เมื่อมีคนถามว่าโจซังกูเป็นคนอย่างไร ฮันกือรูตอบว่า "อาเป็นคนดีที่สับสน" แต่ถ้าถามฉันก็จะบอกว่า “อาเป็นคนดีที่อยากเป็นคนเกเร”
สรุป : จะดูเป็นหนังดราม่าในมุมของความสัมพันธ์ในแต่ละมิติของแต่ละตัวละครก็ได้ หรือจะดูเป็นหนังรหัสคดีก็ได้ สนุกทั้งสองแบบ ให้ ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ค่ะ
ปล 1 เรื่องนี้ไม่มีนางเอก ถ้าเรายกให้ฮันกือรูเป็นพระเอกอ่ะนะ แต่จะมีเพื่อนสาวข้างบ้านที่มาเป็นผู้ช่วย และคนคอยขัดคอและจับผิดอีโจซังกูผู้เป็นอา ซึ่งถือว่าสร้างสีสันได้อย่างน่ารักไม่มากไม่น้อยเกินไป
ปล 2 ทุกครั้งที่ฮันกือรูเริ่มต้นทำงานเก็บกวาดสถานที่ เขาจะใส่หูฟังที่ห้อยติดคออยู่เป็นประจำ และเปิดเพลงคลาสิคระหว่างทำงานไปด้วย ซึ่งใน Spotify มี Playlist ของเขาด้วย Search คำว่า Move to heaven จะได้เข้าสู่โลกของฮันกือรูด้วยกัน
ปล 3 เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะซึมเศร้านะ เพราะในบางตอนมันดำดิ่งดำลึกเหมือนกัน ฉันเองที่เป็นคน(คิดว่า)ปกติก็ยังเจอบางจุดที่ทำให้ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรและคิดวนเวียนอยู่ในหัวไปหลายวัน
- 4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
