การเล่นหุ้นมีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
บทความนี้ส่วนใหญ่มาจากความคิดเห็นส่วนตัวและประสบการณ์ของผมเอง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ
1 เล่นสั้นซื้อขายระหว่างวัน
หรือที่เราเรียกว่าเดย์เทรดนั่นแหล่ะครับ เป็นสายที่เห็นน้ำเห็นเนื้อที่สุด เนื่องจากเราซื้อขายจบในระหว่างวัน
.
.
ข้อดี
-ได้เงินเร็ว ถ้าเข้าซื้อถูกตัว ราคาหุ้นพุ่งสูง ก็จะได้กำไรในวันนั้นทันที ถ้าทำกำไรได้สม่ำเสมอสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ก็จะได้กำไรไปต่อยอดค่อนข้างสูง
-หากซื้อขายจบระหว่างวันก็ไม่ต้องมานอนกังวลว่าพุ่งนี้หุ้นจะลงไหม ถ้าลง จะลงต่ำกว่าทุนหรือไม่ เราจะนอนได้อย่างสบายใจ
.
.
ข้อเสีย
-เสี่ยงสูง ไม่เกินจริงเลยกับคำว่า "high risk high return." หุ้นที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เล่นเดย์เทรด มักจะเป็นหุ้นที่สวิงค่อนข้างมาก เนื่องจากสามารถทำกำไรได้เยอะ แต่จากการสวิงนี่เองหากเราหาจังหวะออกไม่ดีหรือออกไม่ทันด้วยราคาที่ลงอย่างรวดเร็วก็ทำให้ขาดทุนสูงได้ "แค่ลุกไปเยี่ยว จากกำไรก็กลายเป็นขาดทุน"
-ต้องทำการบ้านแบบวันต่อวัน อ่านกราฟ ตามข่าว ดูวอลุ่ม บลาๆๆ เพื่อให้ตามหุ้นทัน ไม่ตกรถ เพราะฉะนั้นจึงทำให้เครียดได้ง่าย
2 เล่นระยะกลาง
หรือที่เราเรียกว่า momentum, รันตามเทรน จะอะไรก็ตามแต่ หากซื้อไว้และเล็งขายภายในช่วงเดือนหรือหลายเดือนตามจังหวะพฤติกรรมหุ้น ผมถือว่าเข้าแกปนี้ครับ
.
.
ข้อดี
-สบายๆไม่ต้องเข้าออกระหว่างวัน ซื้อไว้แล้วปล่อยแช่ เข้าเก็บหุ้นเพิ่มตามวาระโอกาส ทำกำไรได้ค่อนข้างมากหากตั้งเป้าและทำการบ้านมาดี
-ความเครียดน้อยเมื่อเทียบกับเดย์เทรด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำการบ้านต้องละเอียดกว่าแต่ทำเยอะครั้งเดียวและใช้ได้ไปเป็นเดือน ตามข่าวเป็นระยะๆก็พอ
.
.
ข้อเสีย
-กำไรช้าหน่อย เนื่องจากต้องรอให้หุ้นรันไปตามเทรนจนถึงจุดที่เราวางแผนขายขาย
-หากหุ้นไม่รันไปตามเทรนที่เราวางแผนไว้ จะเป็นการเสียเวลาและกำไรจากการเอาเงินไปแช่ไว้และหุ้นตก ซึ่งแน่นอนว่า มีโอกาสเป็นไปได้ว่าหุ้นจะตกแรงหากมีปัจจัยเข้ามาแทรกแซงอย่างอื่นได้
3 เล่นระยะยาว
สายนี้ สายใจนิ่ง เงินเย็น และกินยาว การทำกำไรส่วนใหญ่มาจากปันผล หากเลือกได้บริษัทที่ดี ปันผลสม่ำเสมอ ต้นทุนต่ำ ก็แช่ไว้ได้สบายๆกินไปยาวๆ
.
.
ข้อดี
- ชื่นใจจากปันผล เงินปันผลจะเข้าเราตามผลประกอบการของบริษัทหากเข้าสม่ำเสมอเราก็จะได้ส่วนแบ่งมาเอาไปใช้ เอาไปต่อยอด
- ความกังวลน้อยมาก หากเราได้ทุนต่ำ หรือมูลค่าหุ้นขึ้นสูงไปอีกจน ทุนต่ำกว่าfloor ถือไว้แบบไร้ความกังวล
- ทางเลือกเยอะ จากข้อที่แล้วครับหากเราได้ทุนต่ำ ในช่วงหุ้นตกเราสามารถซื้อเพิ่มได้หากมั่นใจในกิจการเนื่องจากทุนเดิมต่ำ ในช่วงหุ้นขึ้นสูงมากก็สามารถขายทำกำไรและซื้อคืนในช่วงหุ้นย่อลงมาได้
.
.
ข้อเสีย
- เงินจม หากเลือกหุ้นที่ไม่ดี สถานะการณ์ไม่เป็นไปตามแผน เงินที่ลงทุนไปนานจากกำไรจะเปลี่ยนจากปันผลเป็นค่าเสียโอกาสทันที
- ต้องดูข้อมูลธุระกิจอย่างละเอียด ทำการบ้านเยอะมากๆ ต้องคาดการโอกาสเติมโดไปล่วงหน้าในหลักปี เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะได้ผลตอบกลับที่ดีจริงๆจากหุ้นตัวนั้น
ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประเภทหากเพื่อนๆเห็นว่ายังมีข้อดีข้อเสียมากกว่านี้อีก ก็สามารถนำมาแบ่งปันข้อคิดเห็นกันได้เลยนะครับ ^^
การเล่นหุ้นในแต่ละแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกแบบไหน ใน 1 พอร์ต ก็มีได้ทั้งเล่นสั้นจนถึงเล่นยาวอยู่ที่การจัดพอร์ตของเรา มันคือศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องทำการบ้านสม่ำเสมอ เป็นการจัดสวนเพื่อดูมันเติบโตไปกับเราครับ
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
