Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Poom Slow
•
ติดตาม
13 มิ.ย. 2021 เวลา 11:13 • ไลฟ์สไตล์
สุขแล้วชวนคุย 😋🌱☕️
Did you know | รู้ไว้เดี๋ยวคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!!
17 วัฒนธรรมการดื่มกาแฟ
ของแต่ละชาติ 🚩
เอฟซีและเพื่อนๆคงคุ้นชินกับเรื่องราวของเมนูต่างๆมามากมาย เพราะแอดเองเขียนมาก็เยอะพอสมควร วันนี้ขอรวมมิตรพูดถึงประเด็นเชิงวัฒนธรรมแยกย่อยให้เห็นแต่ละชาติกันบ้าง จำไว้โม้กันเล่นๆ อ่านกันสนุกๆ เพลินๆ ช่วงวันหยุดนะคะ อ่ะป่ะกัน🧐
📍 Italy "Espresso"
#กาแฟประเทศอิตาลี
ที่นี่ไม่พูดถึงคงไม่ได้แล้ว เอาล่ะพูดถึงประเทศอิตาลีก็ต้องพูดถึง "เอสเปรสโซ่" คนอิตาลีนิยมดื่มกาแฟด้วยแก้วแบบ to-go-cup พร้อมยกไปดื่มที่ไหนก็ได้ตลอดเวลามีลไฟ์สไตล์การดื่มกาแฟแบบทักทายพูดคุยกันตอนเช้าๆ จึงกลายเป็นวัฒนธรรมการจิบกาแฟเอสเปรสโซ่เราจะพบเห็นคนที่นี่จิบกาแฟคุยกันข้างทางหรือตามร้านกาแฟริมทาง คุยกันบ้านโน้นทีบ้านนี่ทีคล้ายสภากาแฟบ้านเราแต่หนักเยอะกว่า สำหรับเมนูเอสเปรสโซ่แล้วหากเป็นเอสเปรสโซ่อิตาเลี่ยนแท้ๆ เขาจะต้องเสริฟพร้อมมะนาวฝานเป็นแผ่นมาให้หรือใส่ลงแก้วด้วยเพื่อลดความหวานของกาแฟ เมนูนี้แถวนั้นจึงเรียก Espresso Romano และคนอิตาลีมักจะดื่มกาแฟกันคนละ 4-5 แก้ว แก้วต่อแก้วเลยล่ะค่ะ เพราะที่โน่นเขาจะไม่นิยมคั่วเข้มหรือเข้มจนไหม้ เพราะงั้นเลยทานง่าย ช็อตต่อช็อตซดกันตลอดวันได้สบายๆ และเขานิยมกาแฟ "ร้อน" มากกว่าด้วย
📍 Saudi Arabia "Kahwa"
#กาแฟประเทศซาอุดิอาราเบีย
ที่นี่ในซาอุดิอาระเบียและชนชาติอาหรับพวกเขาเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังคงทิ้งร่องรอยทางวัฒนธรรมให้พวกเราได้เห็นกันชัดๆอีกมากมายรวมทั้งกาแฟอีกด้วย ในอดีตนอกจากพวกเขาชาวอาหรับแถบอารยธรรมแถบนั้นเคยเป็นผู้ค้นพบเมล็ดพันธุ์กาแฟเป็นแห่งแรกของโลกจากเด็กเลี้ยงแพะอีกด้วยแล้ว จนปัจจุบันกาลเวลาผ่านมาหลายร้อยปีนับพันกว่าปีการดื่มกาแฟก็ยังถือเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องพากันปฏิบัติตามกรรมวิธีอย่างเคร่งครัด คล้ายกับวัฒนธรรมการชงชาของชาวญี่ปุ่นแบบนั้นเลย ซึ่งมันทรงคุณค่าเป็นอย่างมาก และสำหรับชาวซาอุดิอาราเบียซึ่งเป็นหนึ่งในชนชาติแถบอาหรับเอง ก็ยังทิ้งร่องรอยนี้ไว้ด้วยเช่นกัน แล้วเรื่องการดื่มกาแฟนี้เขาจะให้ความสำคัญกับมารยาทในการดื่มกาแฟเป็นอย่างมาก อย่างแรกการเสิร์ฟกาแฟต้องเสิร์ฟให้กับผู้อาวุโสก่อนเป็นอันดับแรก และต้องเสิร์ฟกาแฟร้อน คู่กับกระวาน และผลอินทผาลัมตากแห้ง เป็นประเพณีเพื่อดับความขมของกาแฟให้มีรสหวาน ซึ่งสิ่งนี้ถูกปากพวกเขามากขึ้นและเป็นวัฒนธรรมที่ต้องปฏิบัติตามกันมาอย่างเคร่งครัดด้วยซะแล้ว นั่นเอง!
1
📍 Turkey "Türk Kahvesi"
#กาแฟประเทศตุรกี
ที่นี่ชาวตุรกีหรือที่เรียกว่าชาวเติร์ก สมัยโบราณนั้นประเทศนี้ถึงกับร่ายบทกวีเปรียบเปรยรำพันรสชาติของกาแฟเอาไว้เลิศเลอดังนี้ “สีต้องดำดั่งความมืดในโลกันต์ เข้มข้นราวกับความตาย และหวานดั่งรสชาติแห่งรัก” ฉะนั้นกาแฟตุรกีจึงมีวิธีการชงที่ไม่เหมือนใครใดใดในโลกนี้ และหม้อต้มกาแฟของเขาก็มีรูปทรงชื่อเรียกพิเศษเป็นของตนเอง ต้นตำรับหม้อของเขาจะใช้ทองแดงหรือทองเหลืองชนิดพิเศษจึงเป็นที่มาของชื่อเรียกหม้อนี้ว่า ‘Cezve’ ส่วนกรรมวิธีก็จะไม่มีการกรองใดๆทั้งสิ้น เทผงกาแฟคั่วบดลงไปต้มในหม้อพร้อมน้ำเลย พอเดือดก็ยกลงรอผงกาแฟนอนก้น แล้วค่อยๆรินลงแก้วไม่ให้ผงกาแฟปนลงไป และชาวตุรกีก็ยังมีวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวกับที่แปลกมากอีกอย่างคือ พวกเขานิยมทำนายดวงชะตาด้วยถ้วยกาแฟกันมาตั้งแต่ต้นยุค ฉะนั้นเมื่อดื่มด่่ำกับกาแฟหมดแล้ว ในอดีตเขาจะสำเริงสำราญกับการทำนายดวงชะตาต่อด้วยการ "คว่ำถ้วยกาแฟลง" และกล่าวคำอธิษฐานว่า “kahve pir, kalbime gir, kalbimden Cik, fincana gir” มีความหมายว่า "ขอให้กาแฟของข้าจงเข้าไปสู่หัวใจแล้วกลับออกไปอีกครั้งให้ไหลรินลงสู่ถ้วยกาแฟ" วิธีการทำนายก็ไม่ยาก "หมอดู" จะทำการเปิดถ้วยกาแฟที่คว่ำขึ้น เพื่อดูรอยคราบกาแฟในถ้วย โดยก่อนทำนายจะกล่าวคำว่า “Neyse halin Ciksin falin” " ขอให้ดวงชะตาของคุณจงปรากฏอยู่ในถ้วยใบนี้ให้ข้าพเจ้าได้หยั่งรู้ " แล้วก็ทำนาย เป็นไงล่ะหนุกล่ะสิ (ฮา)😅
📍 France "Café au Lait"
#กาแฟประเทศฝรั่งเศส
ที่นี่ชาวฝรั่งเศสนิยมดื่มกาแฟที่เรียกว่า Café au Lait กันทุกเช้า เป็นกาแฟผสมนมสดร้อนๆ เช่นเดียวกับคาปูชิโนร้อน แต่กลับจะมีความฝาแฝดกับกาแฟลาเต้ซะมากกว่า “คาเฟ่ลาเต้ (Caffé latte)” กับ “คาเฟ่โอเลต์ (Caffé au lait)” เ ป็ น คู่ แ ฝ ด อ ล เ ว ง เหมือนกันเด๊ะต่างกันตรง คาเฟ่ลาเต้จะทำมาจากเอสเปรซโซ่ ในขณะที่คาเฟ่โอเลต์จะทำมาจากกาแฟดริปนั่นเอง จำๆกันได้บ่เคยเขียนไว้แย้ว☕️ แต่ถ้าไปดื่มกาแฟชนิดนี้ที่ฝรั่งเศส ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมแก้วกาแฟถึงปากกว้างมาก นั่นก็เพราะชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมที่นิยม "จุ่ม" ขนมปังบาแก็ต (ขนมปังฝรั่งเศสแข็งๆ) และครัวซองต์ลงในแก้วกาแฟนั่นเอง
1
📍 Australia "Flat White"
#กาแฟประเทศออสเตรเลีย
ที่นี่คนออสเตรียเขาจะมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกกาแฟของเขาว่า Flat White ซึ่งมีรสชาติสไตล์แบบออสซี่ คือกาแฟนี้จะคล้ายคลึงกับลาเต้แต่รสชาติจะอ่อนกว่า แต่จริงๆแล้วจะเรียกว่าเป็นกาแฟเอสเปรซโซ่ชนิดหนึ่ง ก็ไม่ผิดหรอก เพราะมันคือเอสเปรสโซ่ชนิดหนึ่งแต่ดันไปมีความเหมือนคล้ายคลึงกับ Cappuccino เป็นอย่างมากเพราะมีความนุ่มละมุนจากการเทฟองนมอุ่นๆ ลงในถ้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ด้วยซะงั้น ต่างจาก Flat White เพียงเล็กน้อยตรง Cappuccino จะมีอัตราส่วนของน้ำกาแฟน้อยกว่า แต่จะมีปริมาณโฟมนมสูงกว่า นั่นก็แปลว่า Flat White เมนูนี้มีกาแฟเยอะกว่าและโฟมนมน้อยกว่าคาปูชิโน่ นอกนั้นเหมือนเด๊ะ นั่นเอง!
📍 Irish "Irish Coffee"
#กาแฟประเทศไอร์แลนด์
ที่นี่ชาวไอริสนิยมดื่มกาแฟดำเติม วิด-สะ-กี้ พื้นเมืองดั้งเดิมลงไปพร้อมกับวิปปิ้งครีมคาราเมล ซึ่งเมนูนี้ถูกอุบัติขึ้นในช่วงสงครามราวปี ศตวรรษที่ 1940 โน่นเลย อันเนื่องมาจากปีนั้นมีความหนาวเหน็บกว่าปกติในเมือง “ไอริส” ท่ามกลางฤดูหนาวช่วงนั้น เซฟคนนึงเกิดคิดชงกาแฟของเขาแก้อาการหนาวเหน็บด้วยการเท วิด-สะ-กี้ สิ่งนี้ลงไปในกาแฟของเขา แล้วทันใดนั้นก็เกิดอาการอร่อยไม่คาดคิดแถมหายหนาวถูกใจคนย่านนั้นในยุคโน้นต่อๆกันมาเข้าให้เฉยเลยอ่ะนะ(ฮา) จึงเลยเถิดติดใจกันมาถึงปัจจุบันกลายเป็นเครื่องดื่มวัฒนธรรมประเพณีจิบกาแฟประจำชาติเขาไปซะแล้ว
📍 Finland "Kaffeost"
#กาแฟประเทศฟินแลนด์
ที่นี่นิยมกินกาแฟใส่ชีสกันซึ่งดั้งเดิมเลยเขาจะเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า ‘Kaffeost' และเขากินกับชีสนี่แหละค่ะ ฟังไม่ผิดหรอก แต่ที่นี่จะเป็นชีสเต้าหู้ juustoleipä (ยูสโต-เล-ปะ) ฟังดูอาจดูแหวะแต่แอดชอบเป็นการส่วนตัวด้วยนะคะสำหรับเมนูนี้ คือเขาจะกินกาแฟด้วยการหั่นชีสเป็นก้อนๆ แล้วใส่ลงไปในกาแฟแก้วที่ปรุงไว้ตามใจชอบขณะที่กาแฟยังร้อนๆอยู่ หรือไม่ก็เทกาแฟลงแก้วที่มีชีสวางไว้อยู่ก้นแก้วแล้ว วิธีกินก็คือรอให้ชีสละลายแล้วใช้ช้อนตักชีสยืดๆนั้นขึ้นมาหม่ำพร้อมกับซดกาแฟตาม นึกความชีสยืดกับกาแฟอุ่นๆควันคละคลุ้งท่ามกลางสายหมอกมันน่านักไหมล่ะคิดดู และต้องบอกว่าคนฟินแลนด์ที่นี่เขา "กินกาแฟกันมากที่สุดในโลกอีกด้วยนะจ๊ะ" เรื่องนี้ถูกตีแผ่และยืนยันล่าสุดเมื่อปี 62' ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเป็นการรายงานจาก Euromonitor International เชียวนะเออ แต่ประเด็นที่อยากพูดต่อคือ มันก็ยังมีเรื่องที่น่าแปลกใจเรื่องหนึ่งคือ คนที่นี้แม้จะมีวัฒนธรรมประเพณีการดื่มกาแฟชนิดที่เรียกได้ว่าไปมาหาสู่มีแขกมาบ้านมาหากันทีต้องต้อนรับขับสู้กันด้วยกาแฟแทนน้ำเปล่ากันเลยทีเดียว และแม้ที่นี่จะดื่มกาแฟมากที่สุดในโลกอย่างที่แอดบอก แต่ประเทศนี้กลับไม่มีการปลูกกาแฟกันเลย แปลกไหมล่ะ??
📍 Malaysia "Yuanyang"
#กาแฟประเทศมาเลเซีย
ที่นี่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟผสมชากันเป็นอย่างมาก เขานิยมนำกาแฟดำ 3 ส่วน ผสมกับชาสไตล์จีนฮ่องกงอีก 7 ส่วน จนออกมาเป็นเครื่องดื่ม "กาแฟชานมดำ" ที่แสนจะอร่อย และคนที่นี่ยังมีความนิยมดื่มกาแฟขาวหรือ “White Coffee” อันมีอัตลักษณ์ทางรสชาติพิเศษอีกด้วย คนที่นี่จะคั่วกาแฟกับเนยเทียมชนิดที่ทำจากน้ำมันปาล์ม เวลาเสิร์ฟจะมาพร้อมนมข้นหวาน และใช้ถ้วยกาแฟลายดอกไม้เป็นส่วนใหญ่ จนกลายเป็นภาพคุ้นชินตานักท่องเที่ยวและนักดื่มกาแฟคอกาแฟทั่วโลกไปแล้ว ด้วยวิถีสไลว์ไลฟ์สตรีทอาร์ตอันเลื่องชื่อและกาแฟขาวหรือกาแฟชาดำของที่นี่แอดก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบมากเช่นกัน
📍 Vietnam "Cà phê đá"
#กาแฟประเทศเวียดนาม
ที่นี่คนเวียดนามนั้นมีเรื่องราวความเป็นมาผูกพันกับกาแฟมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 สมัยที่ประเทศเขาเริ่มตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ตั้งแต่ครั้งนั้นมาวัฒนธรรมการจิบกาแฟของเขาจึงถูกถ่ายทอดผสมผสานกันเรื่อยมาจนออกมาเป็นวิถีการจิบกาแฟของชาวเวียดนาม ที่เขานิยมดื่มกาแฟกันเป็นอย่างมาก มากยิ่งกว่าวัฒนธรรมสภากาแฟบ้านซะอีก เพราะตามถนนหนทางทุกตรอกซอกซอยจะเต็มไปด้วยร้านกาแฟหลากหลายประเภทซึ่งเมืองไทยเราก็กำลังจะเป็นแบบนั้้นแล้วกับกาแฟแนวสโลว์บาร์(ฮา) กาแฟเวียดนามจะบดหยาบกว่ากาแฟดริปทั่วไปเพราะ "ฟิน" หรือชื่อเรียกที่ชงกาแฟหรือดริปเปอร์ของเวียดนามนั้นรูจะใหญ่หน่อยคล้ายอุปกรณ์ชงกาแฟ French Press ของฝรั่งเศสแต่จะไม่นิยมใช้กระดาษฟิลเตอร์รองกาแฟ และคนที่นี่จะกินกาแฟรสเข้มคาเฟอีนสูงจัดอย่าง "โรบัสต้า" เป็นหลัก และมีวิธีการคั่วเมล็ดอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยการเคลือบคาราเมลหรือน้ำตาลก่อนคั่วที่นิยมเป็นอย่างมาก และมักนิยมกิน "กาแฟใส่ไขกัน" Egg Coffee
📍 India "South Indian Coffee"
#กาแฟประเทศอินเดีย
ที่นี่อันที่จริงคนที่นี่อีกนั่นแหละ เขาไม่ได้นิยมดื่มกาแฟกันนัก เขาชอบจิบชากันมากกว่า ชาของที่นี่จึงขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลก แต่ด้วยความที่กาแฟของเขาแปลกมีรสชาติเป็นอัตลักษณ์มากจึงเลือกหยิบมาพูดให้ฟังกันค่ะเพื่อนๆ ซึ่งประเทศนี้แม้กาแฟจะเข้ามาสู่ประเทศอินเดียก่อนชาด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงช่วงที่การดื่มกาแฟซบเซาลงเพราะมีการล่าอาณานิคมจากประเทศอังกฤษในอินเดีย ทำให้ช่วงนั้นตั้งแต่นั้นมาคนอินเดียก็หันมาดื่มชาแบบไสตล์ผู้ดีอังกฤษกันมากขึ้นเรื่อยๆมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยยังไงล่ะ ส่วนกาแฟนั้นวัฒนธรรมของเขาไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย แต่ความพิเศษดันไปตกอยู่ที่การคั่วและเมล็ดพันธุ์ของเขา ที่มีรสชาติกลิ่นโทนชัดเจน และวัฒนธรรมการคั่วนี้ที่ "ไม่เหมือนใครที่ใดในโลก" เพราะพวกเขาจะใส่ "ดอกชิโครี"💐 ลงไปคั่วแล้วบดผสมด้วย ซึ่งจะทำให้กาแฟขมกว่าปกติ 20-30% กันเลยทีเดียว เป็นที่มาว่า ที่นี่จะมีวัฒนธรรมดื่มกาแฟที่นิยมใส่นมหวานน้ำตาลกันเป็นอย่างมาก เพื่อลดความขมด้วยและทำให้กาแฟของเขาอร่อยมีเอกลักษณ์ขึ้นมาทันตาเห็น นี่แหละวัฒนธรรมกาแฟอินเดียนเขาล่ะ
📍 Mexico "Café de Olla"
#กาแฟประเทศเม็กซิโก
ที่นี่คนเม็กซิกโกจะเรียกกาแฟซึ่งเป็นกาแฟท้องถิ่นของเพวกเขาว่า Café de Olla วัฒนธรรมที่นี่จะตกอยู่ที่การเสิร์ฟเพราะจะเสิร์ฟในถ้วยกาแฟดินเผาหรือเซรามิกนั่นแหละ ซึ่งจะเสิร์ฟพร้อมแท่งอบเชยและน้ำตาลอ้อยที่ที่ยังไม่แปรรูป (Piloncillo) คล้ายๆน้ำตาลปี๊ปที่มาเป็นก้อนๆที่เห็นในตลาดแบบบ้านเรานี่แหละ เพื่อนๆเห็นภาพเนาะ เพราะพวกเขาเชื่อว่าสิ่งนี้มันเข้ากันได้ดีและจะทำให้รสชาติกาแฟของเขาดีขึ้นซึ่งเป็นรสนิยมความชอบระดับชาติเลยงานนี้(ฮา) บ้านใครบ้านมันไม่ว่ากัน ส่วนผลไม้ที่นี่เขานิยมเสิร์ฟกับอินทผาลัมแต่สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในรายการไฟว์บังคับจ้า (ฮา)
📍 Morocco "Spiced coffee"
#กาแฟประเทศโมรอคโค
ที่นี่คนโมรอคโคเมื่อถึงฤดูหนาว ยามเช้าเขาจะมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟรสเข้ม ผสมกับ กระวาน อบเชย กานพลู พริกไทยดำ และลูกจันทน์เทศ ซึ่งเครื่องเทศเหล่านี้เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น จึงทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่น และรสชาติกาแฟค่อนข้างเผ็ดร้อนอีกต่างหาก ทั้งนี้กาแฟที่ใส่เครื่องเทศน์เหล่านี้ลงไปยังไปช่วยเรื่องอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ดีมากอีกด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเราย่างกรายเข้าไปในหน้าหนาวของบ้านเขา การที่จะได้กลิ่นกาแฟมาพร้อมเครี่องเทศน์ชัดเจนรุนแรงจนเราแอบหลงคิดไปว่า ที่นี่อินเดียอาหรับหรือโมรอคโคกันเนี่ย ก็ไม่ต้องตกใจนะคะ นั่นกลิ่นกาแฟบ้านเขาจ้า !
📍 Germany "Pharisäer"
#กาแฟประเทศเยอรมันนี
ที่นี่คนเยอรมันเขามีสูตรกาแฟที่เขาค้นพบเองอย่าง Pharisaeer Kaffee เป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากส่วนผสมหลักจากกาแฟเข้มข้น เ-ล่-า-รั-ม และน้ำตาล ราดด้วยวิปปิ้งครีม และเติมชิ้นส่วนช็อกโกแลตลงไป กาแฟชนิดนี้จึงถือเป็นเครื่องดื่มประจำชาติเขาเลยล่ะ และเครื่องดื่มชนิดนี้มีตำนานอันน่าขบขันที่เล่าต่อสืบกันมาว่า เมื่อนานมาแล้วบนเกาะนอร์ทสตรานด์ของเยอรมันเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้นักบวชติดอกติดใจกับเครื่องดื่มรัมในงานเทศกาล เ-ล่-า-รั-ม หรือนักบวชบางคนนอกจากไม่อยากให้ใครรู้ ซ้ำยังได้ทำการปกปิดสิ่งที่อยู่ในแก้วด้วยการเทกาแฟลงไปพร้อมโปะด้วยวิปปิ้งครีมเอาไว้ แต่สุดท้ายอนิจจากลลวงนี้ไม่เสร็จกิจ เพราะเหล่ารัฐมนตรีขณะนั้นดันพบเจออุบายดังว่า เหตุเพราะกลิ่นมันดันแทรกตัวโชยออกมาจนได้ เขาจึงตะโกนเรียกนักบวชสำมะเลเทเมาพวกนั้นว่า 'โอ้เจ้าพวกฟาริสี' (คำนี้คือชื่อเรียกลัทธิหนึ่งที่เลวร้ายประมาณต่อว่าว่าพวกนอกรีตพวกเสื่อมนั่นแหละ) ตั้งแต่นั้นจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีกำเนิดเรื่องราวใหญ่โตเอาเรื่องเลยทีเดียว แต่กาแฟ Pharisäer เครื่องดื่มพิเศษชนิดนี้จะพบแถบท้องถิ่นของเกาะนอร์ทสแตรนด์ซะมากกว่า และยังสามารถพบได้ที่ร้านอาหารและร้านกาแฟทั่วแถบชายฝั่งทางเหนือของเยอรมนีซะเป็นส่วนมากกว่า ไม่ใช่มีให้กินกันทั่ว นะจ๊ะ!
📍 Spain "Cafe Bombon"
#กาแฟประเทศสเปน
ที่นี่คนสเปนหรือชาวสเปนีสกินกาแฟรสหวานจัดมาก จัดว่าขนลุกหากใครกำลังฟิตหุ่นอยู่บอกเลยจะรู้สึกผิดเวลากินมากๆ เรียกได้ว่าเอากาแฟมาตัดหวานมากกว่าเลยล่ะนั่น และกาแฟ Café Bombon นั้นเป็นเมนูกาแฟประจำชาติสเปนของเขานะ โดยมีแหล่งที่มาจากเมืองวาเลนเซีย ( Valencia ) แล้วค่อยๆ แพร่หลายขยายไปในสเปนพื้นที่ต่างๆมากขึ้น จนกลายเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์ของประเทศเขาไปแล้ว และคำว่า Bombon ในภาษาสเปนนั้นก็มีความหมายว่า "ขนมหวาน" ที่นี้ถึงบางอ้อนะคะมันแปลกันตรงๆเว้ากันซื่อๆว่า "กาแฟขนมหวาน" ก็เขากินกาแฟเป็นขนมนั่นเองเนาะ กาแฟชนิดนี้เน้นรสชาติหวาน หวานขนาดไหน มาดูสัดส่วนในการชงกาแฟแล้วกัน เดี๋ยวจะรู้เอง เพราะภาพสะท้อนความหวานจะออกมาให้ท่านผู้ชมเห็นชัดเจนเอง นมข้นหวานกับน้ำตาลในอัตราส่วน 1:1:1 กับเอสเพรสโซ่ช็อตค่ะ ปัจจุบันหากลดหวานด้วยการเติมโฟมนมโป๊ะด้านบนในบางร้าน หรือโรยผงช็อคโกแลต หรือผงอบเชยเข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติตัดหวาน ไม่เหมือนกรรมวิธีดั้งเดิม แต่ก็หวานอยู่ดี (แฮร่) ส่วนตัวแอดไม่ชอบกาแฟที่นี่ แต่แอดกลับชอบอาหารและขนมของที่นี่มากกว่า โอ้น้อแอดอยากกินมิชาโด้จุง!
📍 Japan " Coffee Cultures"
#กาแฟประเทศญี่ปุุ่น
ที่นี่ต้องบอกเลยทีเด็ดไม่รู้จะสาธยายจุดไหนดี มาเริ่มกันที่เรื่องนี้ก่อน ประเทศแดนซามูไรอาทิตย์อทัยเกอิชานี้เป็นต้นกำเนิดของกาแฟดริปแบค ( Drip Bag ) เหตุเพราะด้วยความที่บ้านเมืองเขาเร่งรีบเป็นเหตุสังเกตได้ แนวคิดที่จะพัฒนาและผสมผสานระหว่างการชงกาแฟแบบ Pour Over และ เทคนิคการพับกระดาษสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า Origami ที่เอากระดาษมาแทนเครื่องชงต่อกาแฟเพียง 1 แก้ว ซึ่งต้องใช้ศิลปะในการชง บวกกับความระมัดระวัง ความชำนาญเป็นอย่างมาก และต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมอีกด้วยมาก่อน ความยุ่งยากนี้จึงนำพามาด้วย"จุดเริ่มต้น" ด้วยเหตุผลนี้บวกกับ วิธีชงนี้ยังไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองของพี่ยุ่นที่เร่งรีบเท่าไหร่นัก จึงได้ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็น Drip Bag Coffee ในปัจจุบันที่ตอบโจทย์ทุกวิถีการดำเนินชีวิตมากกว่า นี่แหละกำเนิดดริปแบคพี่ยุ่นเขาช่างคิดค้นประดิษฐ์ประดอยเนาะ อันนี้ต้องยอมเขาล่ะ ส่วนองค์รวมวัฒนธรรมการดื่มกาแฟบ้านเขาเป็นอย่างไรมาต่อกัน อันที่จริงกาแฟถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกโดยชาวดัตช์ แล้วก็แพร่หลายมาเรื่อยๆจนกระทั่งราวปี 1888 มีคนที่ชื่อ Tadao Ueshima ได้เปิดร้านกาแฟ Kahiichakan ขึ้นเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นมาวัฒนธรรมการดื่มกาแฟก็แทรกซึมไปเรื่อยจนเทียบเคียงวัฒนธรรมการดื่มชาของประเทศเขาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการดื่มการชงกาแฟของพวกเขาถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งคล้ายๆประเพณีการดื่มชานั่นเอง และยังมีเรื่องราวกาแฟแยกย่อยอีกมากมาย แต่สิ่งหนึ่งคือพวกเขาเคร่งครัดเรื่องกาแฟมาก มากขนาดไหน แอดขอยกตัวอย่างการชงกาแฟแบบไซฟ่อน Syphon กาแฟสูญญากาศละกัน พวกเราคงจะคุ้นเคยกันดีกับ "การคนกาแฟ" ที่โน่นหากคนทำกาแฟหรือบาริสต้าใครคนใด "คนกาแฟ" เกินกว่าจำนวน 12 ครั้ง หรือ 12 วินาที เขาอาจจะปฏิเสธไม่รับกาแฟแก้วนั้น หรือไม่กินทันที พูดง่ายๆคือเข้าขั้นจับตาเลยล่ะ เรื่องกฏเกณฑ์การชงการกินกาแฟและอะไรต่อมิอะไรต่างๆมากมายของเขา วิต่อวิ จบกี่วิ วัสดุเครื่อง ลำดับขั้นตอน และอีกมากมาย เขาค่อนข้างซีเรียส "ความเคร่งครัด" สิ่งนี้จึงเป็นวัฒนธรรมการกินการชงกาแฟของบ้านเขาไปแล้ว นะเออ!
📍 Brazil "Coffee Culture
#กาแฟประเทศบราซิล
ที่นี่บราซิลแม้ประเทศเขาจะมีพืชเศรษฐกิจของโลกอย่างกาแฟอยู่มากมาย ซึ่งมีปฐมบทกาแฟต้นแรกมายาวนานตั้งแต่ปี 1727 แล้วก็ตาม และนอกจากนี้ปัจจุบันที่นี่ยังส่งออกเมล็ดกาแฟเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย แต่เชื่อหรือไม่ว่าที่ประเทศเขามีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่ไม่โดดเด่นอะไรเลย แถมเรียบและง่ายพอเพียงตามวิถี "กินเพื่ออยู่" ไม่มีพิธีรีตองหรือคัดสรรแต่งเติมอะไรกันมากมาย บางครั้งเมล็ดตกเกรดที่เหลือจากการขายเขาก็นำมากินกันเป็นปกติเป็นวิถีการกินกาแฟที่นี่ค่ะ
📍 Thailand "“โอเลี้ยง”"
#กาแฟประเทศไทย
ที่นี่ประเทศไทยขอปิดท้ายด้วยประเทศเราเอง "พี่ไทยคอกาแฟไทยคนปลูกกาแฟไทยบาริสต้าไทยเจ้าของร้านเจ้าของแบรนด์กาแฟไทย" ##จงเจริญ (ฮา)
ขอเล่าย้อนไปราว 50 - 150 กว่าปีโน้นเลย เมื่อสมัยที่กาแฟเริ่มเข้ามามีบทบาทกับประเทศเราและสังคมไทย สมัยนั้นร้าน “โกปี้” ชื่อนี้เราคงเคยได้ยินเรียกกันติดปากติหูโดยเฉพาะคนยุค 60's เอ้าให้ถึง 90's เลยเอ้า ยังไงก็ยังทันคุ้นชินเคยเห็นล่ะน่า ในสมัยนั้นร้านโกปี้ทำหน้าที่เสมือนจุดรวมตัวเป็นแหล่งข่าวสารของชุมชนจะเรียกว่า "สภากาแฟจุดนัดพบ" ก็ไม่ผิด เรื่องทุกเรื่องสืบสาวหาความหาต้นตอกันก็ทีนี่ หรือกระจายข่าวกันก็ที่นี่แหละ เพราะสมัยนั้นแต่แรกเริ่มบ้านเมืองเราการโทรคมนาคมมันยังไม่ถึงไหนทีวียังไม่มีเลย สายเผือกบ้านเราจึงมีมาแต่โบราณเวรกรรมตลาดไม่เคยวายยันยุค 5G ยังไม่เลิกรา(ฮา)
กาแฟในยุคนั้นจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็เป็น “เอสเพรสโซ” นี่แหละ เน้นเข้มขมจัดนำ คั่วโดยการเอาเมล็ดกาแฟไปคั่วบนกระทะกับเตาถ่าน เรียกอีกอย่างที่เรารู้จักกันในนามว่า “โอเลี้ยง” นั่นเอง (โอแปลว่า “ดำ” และเลี้ยง แปลว่า“เย็น”) ชัดนะทีนี้ ความที่บ้านเราเองก็เริ่มมีสภากาแฟซึ่งมาพร้อมการจับกลุ่มสังสรรค์จับเข่าคุยกันเองตามชุมชนตามร้านโกปี้ จึงสร้างวัฒนธรรมนึงขึ้นมา พูดได้อย่างหนึ่งว่า "คนไทยติดกาแฟรสเข้มขมจัดมาแต่ไหนแต่ไร" จนกลายเป็นวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่ส่งต่อทางรสชาติจดจำคุ้นเคยกันมาเนิ่นนานจนเข้าใจไปแล้วว่ากาแฟต้องขมจัด ตาจะตั้งได้คือกาแฟขมๆ กาแฟเปรี้ยวคือแย่ ความคิดนี้ฝังหัวจนกลายเป็นความเชื่อ จนแทบจะไม่เปิดใจกินกาแฟดีดีที่มีรสเปรี้ยวดีดีตามหลักสากลกันแล้ว(ฮา)
แต่วัฒนธรรมกาแฟบ้านเราช่วงนี้เท่าที่ดูก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คนเริ่มเข้าใจคำว่า "กาแฟมันไม่ใช่กาแฟและไม่จำเป็นต้องขมกันมากขึ้น" เริ่มทำความเข้าใจรับรู้และยอมรับกันมากขึ้นว่า "กาแฟคือผลไม้ตระกูลเบอรี่ชนิดหนึ่ง" ความเปรี้ยวเริ่มเข้ามาแทนที่ในคนบางกลุ่ม คอกาแฟยุคใหม่เริ่มปฏิเสธความ "ขม" ซึ่งเคยเป็นวัฒนธรรมทางรสชาติที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นยาวนานแต่อดีตซะแล้ว เรื่องนี้คงต้องติดตามกันต่อไป
ช่วงนี้อาจเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อหรือรอยต่อเป็นรอยต่อทางวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของไทยก็ได้ ให้มันเปลี่ยนแปลงและจบที่เรา✌️
1
. . เอาล่ะวันนี้แอดบรรเลงยืดยาวมาก . .
เอาเป็นว่าจะดื่มจะจิบ จะอะไรก็ตาม ที่เรียกว่าเอากาแฟเข้าปากเราเอง "ขอให้มีฟามสุข"
หาตัวเองให้เจอกันดีกว่าตัวเรานั้นชอบกาแฟแบบไหน? ที่ไหน? ประเทศไหน? ร้านไหน? แบรนด์ไหน? ของใคร? ชงไง? อย่างไร?
1 บันทึก
2
2
3
1
2
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย