13 มิ.ย. 2021 เวลา 18:22 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจในประเทศมีผลกับชีวิตคุณแน่นอน
การออกแบบชีวิต Design your life ก็คล้ายๆ กับการวาดรูปหรือออกแบบในกระดาษ คุณจะวาด จะเขียนเกี่ยวกับอะไรก็ได้ เพราะมันคือแบบโครงร่าง แต่พอถึงเวลาลงมือทำจริงๆ มันไม่ราบเรียบหรือสบายแบบที่คุณคิดหรอก!
ตอนที่ผมเปลี่ยนโหมดมาเป็นเจ้าของกิจการ หรือเจ้าของธุรกิจใหม่ๆ ผมมโนเห็นเงินวิ่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จนลืมมองเวลาที่ต้อง “เผื่อ” เอาไว้ด้วย
โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้ารัฐบาลบริหารงานผิดพลาดหรือไม่ตรงตามคาด สื่อต่างๆ ก็มักจะเตือนให้คุณระวังการใช้จ่าย
การเตือนให้ระวังการใช้จ่ายนี่แหละ!ความกลัวตัวฉกาจที่ทำให้ประชาชนในชาติต้อง “รัดเข็มขัด” เพราะ “กลัว” จนขึ้นสมอง ยิ่งสื่อออกข่าวเศรษฐกิจตกต่ำลงมาเมื่อไหร่ ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจซบเซาสุดๆ
การประกาศว่าสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ จะมีบางกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์จากอัตราเงินเพ้อหรือสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป และธุรกิจของผมก็เข้ามาเจอะกับภาวะนี้พอดี
โดยเฉพาะนโยบาย “คืนพื้นที่ทางเท้าให้ประชาชน” พื้นที่ขายของจำนวนมากต้องปิดตัว ร้านค้าหลายหมื่นร้านต้องเลิกกิจการ การกระจายรายได้หยุดชะงักทันที
คาดการกันว่า ช่วงที่ออกกฎหมายจัดระเบียบทางเท้า พื้นที่ค้าขายแต่ละแห่ง โดยเฉพาะย่านคลองถมและย่านเยาวราช เงินหมุนเวียนหายไปวันละหลายแสนล้านบาท!
วันละหลายแสนล้านบาทจริงๆ นะครับ!นี่แค่ย่านคลองถมและเยาวราชเท่านั้น ยังไม่ได้รวมพื้นที่อื่นเข้าไปด้วย คำนวณดูครับ ว่าถ้าบวกพื้นที่อื่นๆ ที่มีการจัดระเบียบทางเท้าด้วยเนี่ย …. จะสูญเงินวันละกี่ล้านล้านบาท?
และสุดท้ายประชาชนหรือผู้บริโภค ก็จะต้องก้มหน้าก้มตา เดินเข้าห้างเมกะสโตร์ เช่น Tesco Lotus, Makro , BigC และซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ อีกหลายแห่ง ทำให้เกิดรายได้กับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของเมกะสโตร์เหล่านี้ เงินหมุนเวียนภายในประเทศจะอยู่กับกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้น
นี่คือตัวแปรสำคัญที่คุณหรือผมก็ไม่มีใครกำหนดได้ มันขึ้นอยู่กับว่า ผลประโยชน์ร่วมเกิดขึ้นกับใคร? แล้วโอกาสที่คุณหรือผมจะซื้อสินค้าราคาถูกจริงๆ ก็ต้องเสาะแสวงหากันหน่อย เพราะร้านแผงลอยจะมีน้อยลง
นอกจากว่าเจ้าของพื้นที่จะมี Connection พิเศษ กับหน่วยงานที่มีอำนาจในพื้นที่นั้นๆ พอเศรษฐกิจในประเทศ ถูกโหมกระพือข่าวให้น่ากลัว คุณคิดว่าผู้บริโภคจะกล้าใช้จ่ายเหมือนเดิมหรือเปล่า?
อย่าลืมว่าร้านขนาดเล็ก หรือบรรดา SMEs ส่วนหนึ่งก็เป็นมนุษย์เงินเดือนแทบทั้งนั้น ใช้เวลาหลังจากทำงานมาเช่าพื้นที่ขายของ หารายได้เพิ่มอีก 1 ช่องทาง
เมื่อมีนโยบายยกเลิกแผงลอย ใครที่มีพื้นที่ถาวรอยู่ก่อนแล้วย่อมได้เปรียบ และส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเจ้าของธุรกิจรุ่น Baby Boomer แทบทั้งนั้น
คนรุ่นใหม่ๆ ผันตัวเป็นเจ้าของธุรกิจใหม่ได้ยาก เพราะถูกผูกขาดด้วยพื้นที่ค้าขาย โชคดีที่ยุคนี้ มีระบบออนไลน์ ช่วยให้อาชีพใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
และตรงนี้แหละ บรรดาเจ้าของธุรกิจสมัยเก่า หรือพวกบริษัทใหญ่ๆ ไม่ชอบใจการเกิดขึ้นของ SMEs ต่างกำลังหาหนทางกำจัด SME ให้หมดไป
และที่ดินนับวันจะมีราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายบรรดา SMEs ที่ไร้พื้นที่ค้าขาย ก็ต้องกลับมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มขั้น และใช้ชีวิตใน Comfort Zone ตามเดิม
ช่วงโควิดแบบนี้ กลายเป็นโควิดการเมืองไปเรียบร้อยแล้ว ธุรกิจรายย่อยและธุรกิจอิสระ ถูกกฎหมายบังคับให้หยุดกิจการ นั่นก็เท่ากับว่า "เป็นการยุบกิจการโดยอัตโนมัติ" โดยยังพยายามอ้างว่าเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด
แต่เป็นที่น่าแปลกว่า ห้างใหญ่ๆ ดังๆ ร้านแฟรนไชน์ยักษ์ใหญ่เหล่านั้น ไม่มีธุรกิจไหน ที่ปิดตัวตามที่กฎหมายประกาศไว้เลย (เพราะมีข้อยกเว้นย่อยๆ)
นี่คือเรืองที่เราต้องคิดครับ!คุณจะละเลยไม่สนใจเศรษฐกิจเลยก็ไม่ได้หรอก เพราะการตัดสินว่าประเทศเศรษฐกิจดีหรือไม่ อยู่ที่เงินหมุนเวียนของธุรกิจภายในประเทศว่าผู้บริโภค สามารถใช้จ่ายได้สุดยอดขนาดไหน?
- มี SMEs เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่?
- มี SMEs ดำเนินธุรกิจในระยะยาวหรือระยะสั้น?
- มี SMEs เจ้าเดิมแต่เปลี่ยนประเภทธุรกิจมากแค่ไหน?
ทั้ง 3 อย่าง คือ การฟันธงว่า เศรษฐกิจ “ยอดเยี่ยมหรือยอดแย่” เพราะ SMEs เป็นดัชนีชี้วัดระบบเศรษฐกิจของประเทศได้มากกว่าการอ้างอิงจากตำราหรือคำพูดบรรดากูรูนักวิชาการเสียอีก!
คุณไม่จำเป็นต้องไปหาตำรามาอ่านหรอกครับ ถ้าคนเขียนตำราเล่มนั้น ไม่เคยมีประสบการณ์ธุรกิจจริง ไม่เคยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจริง แต่ใช้เวลาอยู่กับตำราและหนังสืออันหลากหลาย มากกว่า “ของจริง”
ผมอาจจะวิเคราะห์แหกกฎบรรดากูรูการเงินและเศรษฐกิจ ก็เหมือนกับ Robert Kiyosaki แห่ง Rich Dad Company แหละครับ ที่ตอนออกมาเปิดตัวก็โดนต่อต้าน เพราะเขาไม่ได้จบทางด้านการเงินหรืออสังหาริมทรัพย์เลย แล้วทำมาเป็นผู้รู้
แต่ Robert คือกูรูด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ตัวจริง ที่บอกกับพวกเราทุกคนว่า ….
“เศรษฐกิจแต่ละรัฐบาลจะเป็นยังไงก็ตาม คุณก็ยังคงต้องก้มหน้าก้มตาหารายได้ต่อไป"
โฆษณา