15 มิ.ย. 2021 เวลา 14:40 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
📌 Call me by your name (9/10)
เนื่องจากเดือนมิถุนายนเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองและแสดงจุดยืนของกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศหรือที่เรียกว่ากลุ่ม LGBTQ+ เราเลยหยิบภาพยนตร์เรื่องโปรดของใครหลายคนมาเล่าในวันนี้ค่ะ “Call me by your name เอ่ยชื่อคือคำว่ารัก” ภาพยนตร์แนวดราม่า โรแมนติก ฉายในปี 2017 ของผู้กำกับ ลูกา กวาดาญีโน
เนื้อเรื่องอ้างอิงมาจากนวนิยายที่ใช้ชื่อเดียวกัน เล่าถึงการก้าวผ่านวัยและความสัมพันธ์ระหว่าง เอลิโอ เพิร์ลแมน (รับบทโดย ทิโมธิ์ ชาลาเมต์) เด็กหนุ่มชาวอิตาลีวัย 17 ปี กับ โอลิเวอร์ (รับบทโดย อาร์มี แฮมเมอร์) ชาวอเมริกันวัย 24 ปี โอลิเวอร์ได้เดินทางมาที่บ้านของครอบครัวเอลิโอ เขาเป็นผู้ช่วยทำวิจัยของพ่อเอลิโอ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองได้เจอกัน วันแรกเอลิโออาสาพาโอลิเวอร์ไปปั่นจักรยานชมเมือง เราชอบบรรยากาศในเรื่องมากๆไม่ว่าจะเป็น ภาพ แสง สี สวยทุกอย่างลงตัวมาก ถ่ายทำที่ประเทศอิตาลีทางตอนเหนือ ซึ่งเป็นหน้าร้อนแต่หน้าร้อนประเทศเค้าดูไม่ได้ร้อนจัดเท่าบ้านเราเลย เพราะสามารถปั่นจักรยานชมเมืองได้แบบชิวๆก็ถือว่าไม่ร้อนเท่าบ้านเราแน่นอนค่ะ
 
ในตอนแรกเอลิโอดูไม่ค่อยถูกชะตาโอลิเวอร์สักเท่าไหร่ เพราะเขาต้องยกห้องนอนส่วนตัวให้โอลิเวอร์อยู่ แถมโอลิเวอร์ยังมีหน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้สาวๆในระแวกนั้นชอบเขาอีกด้วย เห็นอย่างนั้นเอลิโอเลยพยายามพูดจาโอ้อวดเรื่องของตัวเองกับแฟนสาวที่ชื่อ “มาร์เซีย” ให้โอลิเวอร์ฟัง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ ในเวลาว่างเอลิโอชอบอ่านหนังสือ แต่งเพลงและเล่นดนตรี ส่วนโอลิเวอร์นั้นก็เป็นหนอนหนังสือเหมือนกันเลยทำให้ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้น พวกเขาไปว่ายน้ำเล่นและปั่นจักรยานด้วยกันบ่อยๆ จนเอลิโอเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆให้โอลิเวอร์เข้าแล้ว เขาตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป แต่โอลิเวอร์บอกว่าระหว่างเราทั้งสองคนไม่สามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้ในตอนนี้ เอลิโอพาโอลิเวอร์ไปแม่น้ำที่เขาชอบไปอ่านหนังสือคนเดียวประจำและทั้งสองคนก็ได้จูบกัน
หลังจากเหตุการณ์นั้นตัวเอลิโอก็เหมือนจะยังสับสนกับตัวเองอยู่บ้าง ดูจากที่เขายังนัดเจอกับมาร์เซียแฟนสาวและมีอะไรกัน ส่วนทางโอลิเวอร์ก็ดูพยายามหลบหน้าเขาเช่นกัน แต่แล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นหลังจากที่เอลิโอได้รับจดหมายนัดของโอลิเวอร์ว่าให้มาเจอกันตอนเที่ยงคืน ทั้งสองเริ่มคุยปรับความเข้าใจกันและได้ร่วมรักกันครั้งแรก เขาทั้งสองมีความสุขมากนับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่ไม่เคยพบเจอมาก่อนและเอลิโอก็เลือกตัดขาดกับมาร์เซียด้วยเช่นกัน
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาที่โอลิเวอร์จะต้องกลับอเมริกา แต่ก่อนที่จะกลับพวกเขาได้ไปเที่ยวด้วยกันเป็นเวลา 3 วัน นับว่าเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากสำหรับทั้งคู่ แต่ช่วงเวลาความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นาน โอลิเวอร์ต้องเดินทางกลับอเมริกาแล้ว เอลิโอไปส่งเขาที่สถานีรถไฟ การจากลาครั้งนี้ทำให้เอลิโอเสียใจมาก เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้โอลิเวอร์ไปเลย
แต่หลังจากนั้นในระหว่างเทศกาลฮานุกกะห์เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากโอลิเวอร์ เอลิโอดีใจมากที่เขาโทรมาแต่ก็ต้องเสียใจอีกครั้งเพราะโอลิเวอร์บอกว่าเขาหมั้นแล้วและยังบอกอีกว่า เขายังจำเรื่องราวระหว่างเราสองคนได้ “ให้เรียกฉันด้วยชื่อของคุณ แล้วฉันจะเรียกคุณด้วยชื่อของฉัน” เขายังจำมันได้เสมอ หลังจากวางสายเอลิโอเดินไปที่ห้องอาหารและนั่งอยู่หน้าเตาผิงไฟปล่อยให้น้ำตาร่วงโรยลงมาอยู่แบบนั้น เขาเต็มไปด้วยความเสียใจและเจ็บปวดกับความรักที่เพิ่งจบลงไป
ฉากที่เราชอบที่สุดในเรื่องคือตอนที่พ่อของเอลิโอมาปลอบตอนที่เขากำลังเสียใจ ตัวพ่อเองก็เคยมีความสัมพันธ์แบบนี้เหมือนกันแต่ไม่ได้เท่าเขา เพราะมีอะไรบางอย่างเหนี่ยวรั้ง คอยยับยั้งพ่อไว้ พ่อพูดกับเอลิโอว่า“ลูกอยากใช้ชีวิตยังไงก็แล้วแต่ ขอแค่จงจำไว้ว่าคนเรามีหัวใจและร่างกายเดียว แล้วไม่ทันไรหัวใจก็โรยรา ส่วนร่างกายวันหนึ่งก็จะไม่มีใครอยากมองและยิ่งไม่มีใครอยากใกล้ชิด ตอนนี้ลูกอาจเศร้า ปวดร้าว อย่าเร่งลืมมันจนลืมความสุขที่เคยมีไปด้วย”
เราประทับใจประโยคนี้มาก มันทำให้รับรู้ถึงความรักของพ่อที่ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ เหมือนอย่างพ่อของเอลิโอที่อยู่ข้างเขาทั้งตอนที่รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของลูกชายและตอนที่ลูกชายกำลังเสียใจ
ส่วนคะแนนของเรื่องนี้เราให้ 9/10 ในตอนแรกเราว่าเนื้อเรื่องมันยืดเยื้อไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดีมากๆเรื่องนึงเลย สามารถรับชมแบบเต็มๆได้ที่ TrueID
โฆษณา