15 มิ.ย. 2021 เวลา 22:59 • ศิลปะ & ออกแบบ
เทคนิคการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวมะขาม
หน่วยงาน วิทยาลัยช่างศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
การจัดการความรู้ด้าน ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น
มะขาม ( Tamarind )
บทคัดย่อ
การจัดการความรู้ด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น หัวข้อ เทคนิคการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวมะขาม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของเทคนิคการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวมะขาม ถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้รับจัดทำเป็นสื่อคู่มือเผยแพร่ต่อผู้ที่สนใจศึกษา วิธีการดำเนินการศึกษา คือ ค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร ข้อมูลการสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาเทคนิคการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวมะขาม
ผลที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้ได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของการทำพื้นเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวมะขาม ทราบถึงแต่ละขั้นตอนในการทำพื้นเขียนรูปด้วยกาวเม็ดมะขาม ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำพื้น วัสดุที่ใช้ในการทำพื้นเขียนรูปครั้งนี้นั้นเป็นแผ่นไม้อัด และผ้าดิบ ผลจากการศึกษาพบว่าการทารองพื้นแต่ละครั้งบนวัสดุที่ต่างกันตลอดจนอัตราส่วนในการผสมระหว่างดินสอพองกับกาวมะขามมีผลต่อวัสดุที่ใช้ในการรองพื้นเขียรูป ถ้าเป็นวัสดุผ้าดิบไม่ควรผสมดินสอพองมากกว่ากาวมะขามเพราะทำให้พื้นที่ทำเกิดการแตกร่อนหลุดได้ง่ายจำนวนครั้งในการทารองพื้นมีผลเช่นกันถ้าทารองพื้นหลายๆรอบจนหนาบนวัสดุผ้าพื้นที่รองนั้นจะแตกร่อนหลุดเป็นแผ่น
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
บทนำ
จิตรกรรมฝาผนังของไทย (Thai mural painting) หมายถึง ภาพเขียนบนฝาผนังที่มีลักษณะเป็นแบบอย่างของไทย โดยในอดีตการเขียนจิตรกรรมฝาผนังมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อการสอนในพระพุทธศาสนาตกแต่งผนังให้สวยงาม และ ประดับสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระมหาปราสาท พระราชวัง และพุทธศาสนาสถานต่างๆ ส่วนใหญ่จะกล่าวถึงวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา วิถีชีวิต จารีตประเพณี และตำราความรู้ต่างๆ ดังนั้นจิตรกรรมฝาผนังที่ยังเหลือทิ้งร่องรอยให้เห็นจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับการจารึกด้วยตัวอักษร (วรรณิภา, ๒๕๒๘; สมชาติ, ๒๕๒๙)
พื้นที่ของงานจิตรกรรมไทย
๑.จิตรกรรมบนพื้นที่เคลื่อนไหวได้ ได้แก่ การเขียนภาพบนแผ่นภาพเล่มสมุด ลับแลบังตาฉาก ตู้ โต๊ะ เตียง หรือบานประตูหน้าต่าง การเขียนภาพบนพื้นที่ที่เคลื่อนย้ายได้นี้ ทำได้โดยง่าย เพราะสามารถวางพื้นที่จะเขียนให้มีมุมเหมาะหรือสะดวกแก่การเขียนและระบายสี เช่น วางแผ่นภาพให้ขนานกับพื้น ทำให้ทำงานได้ง่ายกว่าการเขียนและระบายสีกับแผ่นภาพที่ตั้งได้ฉากกับพื้นซึ่งสามารถจะทำให้งดงามวิจิตรพิสดารอย่างไรก็ได้
๒.จิตรกรรมบนพื้นทีที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ได้แก่ การเขียนภาพบนผนัง ซึ่งเป็นถาวรวัตถุ มีมุมการเขียนและระบายสีที่ยากกว่า จะต้องมีการวางแผนเตรียมการฝึกหัดทำงาน
ภาพจิตรกรรมไทยบนสมุดข่อย
เนื้อเรื่องของงานจิตรกรรมไทย
เนื้อเรื่องที่นิยมนำมาเขียนเป็นภาพจิตรกรรมไทยได้แก่
๑.เรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา เช่น เรื่องพุทธประวัติ หรือปฐมสมโพธิ เรื่องสาวกประวัติ เรื่องทศชาติชาดก มหาชาติชาดก เรื่องไตรภูมิ เรื่องธุดงควัตร และเรื่องธรรมบทต่างๆ
๒.เรื่องเกี่ยวกับวรรณคดี เป็นเรื่องที่อาศัยความบันดาลใจจากความไพเราะในทางภาษา ใช้ภาพเขียนลำดับความแทนความไพเราะทางภาษา ทำให้จินตนาการปรากฏเป็นรูปธรรมมีอยู่ทุกยุคสมัย เช่น เรื่องรามเกียรติ์ อิเหนา สังข์ทอง ฯลฯ
๓.เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เป็นการบันทึกเหตุการณ์สำคัญ เพื่อเป็นอนุสรณ์และเตือนใจให้ระลึกบุคคลหรือเหตุการณ์เป็นภาพที่นิยมเขียนในชั้นหลัง แต่ก็แพร่หลายมาก
๔.เรื่องเกี่ยวกับขนบประเพณี เป็นเรื่องที่นิยมในชั้นหลังเหมือนกันเช่น พระราชพิธีสิบสองเดือนขบวนแห่ในพระราชพิธีถวายพระกฐิน ประเพณีเกี่ยวกับชีวิตชาวบ้าน เป็นการแสดงรูปแบบและความเชื่อถือของผู้คนในเวลานั้นๆ
๕.เรื่องเกี่ยวกับวิชาการ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรู้ ความคิด ความเชื่อของคนในเวลานั้น เช่นตำราไตรภูมิโลกสัณฐาน ตำราดูแมว ตำราหมอนวด ตำราพิชัยสงคราม มีทั้งเขียนลงในเล่มสมุด และเขียนลงในฝาผนัง (อภัย,๒๕๔๓)
ภาพพุทธประวัติ
การสร้างจิตรกรรมฝาผนังของไทยในสมัยโบราณแบ่งได้เป็น ๓ ขั้นตอน
๑. การเตรียมผนัง หรือ การเตรียมชั้นปูนน้าอ้อย เป็นขั้นตอนการเตรียมผนังชั้นปูนฉาบเพื่อความมั่นคงของโครงสร้างอิฐ และเพื่อเตรียมผนังให้เรียบเนียน
๒. การเตรียมชั้นรองพื้น เป็นการทารองพื้นลงไปบนผนังปูนฉาบก่อนการเขียนภาพ โดยเตรียมรองพื้นจากดินสอพองผสมกับกาวที่ได้จากเมล็ดมะขาม และขัดพื้นอีกครั้งเพื่อให้ผิวเรียบ ชั้นรองพื้นนี้จะทาหน้าที่ดูดซับ และยึดเกาะสีได้ดี มีส่วนช่วยให้สีสดใสตามธรรมชาติของสี
๓. การเขียนภาพ เป็นขั้นตอนเขียนภาพลงบนฝาผนัง โดยใช้สีจากธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ ดิน หรือ เขม่า โดยนาสีมาบดให้ละเอียดแล้วผสมกับกาวหนังสัตว์ หรือกาวยางกระถิน (อาภรณ์, ๒๕๕๔)
สีชาดเป็นสีไทยที่อยู่ในหมู่สีแดง ชาดเป็น "แร่ซินนาบาร์"
วิธีการดำเนินงาน
งานศิลปะทุกประเภทไม่เพียงแต่จิตรกรรมไทยเท่านั้น ย่อมมีกรรมวิธีในการสร้างสรรค์เฉพาะตามแบบความนิยมของแต่ละยุคสมัย กรรมวิธีนี้ย่อมขึ้นอยู่กับเทคนิคหรือความสร้างสรรค์ของช่างหรือสกุลช่างที่ถ่ายทอดสืบต่อกันลงมานั้นๆ ผลงานทางศิลปะแต่ละแห่งอาจจะเหมือนหรือคล้ายกัน แต่วิธีการกระทำหรือการสร้างสรรค์อาจจะไม่เหมือนกัน ตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้ศิลปกรรมในแต่ละยุคสมัย โดยเฉพาะภาพจิตรกรรม ไทยมีความแตกต่างกันนั้น เพราะวัสดุอุปกรณ์และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีย่อมมีความสำคัญ ทำให้ภาพจิตรกรรมมีความแตกต่างและมีลักษณะเฉพาะตัว
การสร้างภาพจิตรกรรมไทยแต่โบราณนั้น นิยมเขียนหรือวาดไว้บนฝาผนังอาคารเป็นส่วนใหญ่ฝาผนังอาคารนั้นส่วนใหญ่เป็นผนังก่ออิฐถือปูน ดังนั้น กรรมวิธีการวาดภาพบนฝาผนัง ย่อมมีความแตกต่างไปจากการวาดภาพบนผืนผ้า หรือพื้นกระดาษ ความแตกต่างนี้จะพิจารณาได้จาก การเตรียมพื้นก่อนการวาดภาพการเลือกใช้ชนิดของสี และอุปกรณ์ในการเขียนภาพ กรรมวิธีที่แตกต่างจากการเขียนภาพโดยทั่วไปนี้เองจึงทำให้ภาพจิตรกรรมมีลักษณะเป็นเฉพาะตัวมาโดยตลอด กรรมวิธีการสร้างภาพจิตรกรรมไทยตามที่จะได้กล่าวต่อไปนี้ เป็นกรรมวิธีที่ช่างเคยยึดถือปฎิบัติกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในปัจจุบันนี้วัสดุ-อุปกรณ์และวิธีการต่างๆได้ถูกพัฒนาไปบ้างตามความเหมาะสม(สมชาติ,๒๕๒๙)
๑. การบ่งชี้ หรือค้นหาความรู้
ทำการค้นหาความรู้หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำพื้นด้วยกาวเม็ดมะขาม
๒. การสร้างและแสวงหาความรู้
ผู้จัดทำได้ทำการวบรวมหนังสือ และข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต ดังนี้
วรรณิภา ณ สงขลา. (2528). การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 104-116.
สมชาติ มณีโชติ. (2529). จิตรกรรมไทย. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, 22-26,33.
อภัย นาคคง.(2543).ศิลปะไทยเอกสารประกอบการสอนวิชาศิลปะประจำชาติวิทยาลัยเพาะช่าง.กรุงเทพฯ : สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตเพาะช่าง, 27-30
สมปอง อัครวงษ์. (2550). จิตรกรรมไทย. กรุงเทพฯ : คณะศิษย์เก่าแผนกวิชาจิตรกรรมไทย คณะศิลปะ
ประจำชาติ โรงเรียนเพาะช่าง,130-134
สายไหม จบกลศึก ธงชัย รักปทุม และคณะ (เรียบเรียง).(2548). จิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถาน ตามแนวพระราชดำริ.กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 159-163
๓. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ
ผู้จัดทำได้มีการรวบรวม เรียบเรียงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำพื้นด้วยกาวมะขามจากหนังสือ และข้อมูลสื่อออนไลน์ เรียบเรียงให้เป็นระบบเพื่อให้ได้เป็นองค์ความรู้
๔. การประมวลและกลั่นกรองความรู้
จากการที่ได้รวบรวมข้อมูลเป็นองค์ความรู้ได้ในข้างต้นแล้วนั้น ผู้จัดทำได้ประมวลและกลั่นกรองเพื่อเป็นแนวทางในการทำพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามได้ ดังนี้
ส่วนผสมของสมุกรองพื้น
เม็ดมะขามเปรี้ยว
เม็ดมะขาม ได้จากมะขามเปรี้ยว (Tamarindus indica) เท่านั้น มะขามเปรี้ยวมีความฝาดจะจับติดผนังปูนได้ดี นาเม็ดมะขามคั่วให้สุก ขณะกำลังร้อนเทแช่ลงในน้ำเย็นทิ้งไว้ ๑ คืน เปลือกมะขามจะยุ่ยพองออก ล้างเอาแต่เม็ดในสีขาวนวล ส่วนเปลือกที่พองยุ่ยนำไปรองพื้นบนผนังไม้เพื่อเขียนจิตรกรรมบนผนังบานประตูหรือหน้าต่าง และผนังอาคารที่เป็นฝากระดานได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะทาสมุกรองพื้นกาวเม็ดมะขามและดินสอพอง
นำเม็ดมะขามที่คั่วบดให้ละเอียดเติมน้ำเล็กน้อยพอเหลว ใส่กระทะเคี่ยวเตาถ่าน ขณะเคี่ยวคุมไฟให้อ่อนๆ ประมาณ ๔๕ นาที และใช้ไม้พายคน เติมน้ำลงไปทีละน้อยอย่าให้แห้ง คนบ่อยๆ ระวังอย่าให้ไหม้ติดก้นกระทะ คุมไฟมิให้ร้อนจัด เพราะจะทำให้กาวหมดประสิทธิภาพความเหนียว น้ำกาวเกิดขึ้นจากเนื้อของเม็ดมะขามละลายออกมาเป็นน้ำเมือกเหนียว ได้เป็นน้ำกาวเม็ดมะขาม กรองด้วยผ้าขาวบาง ส่วนที่เหลือเป็นกากนำไปบดใหม่แล้วเคี่ยวอีกก็จะได้กาวเช่นกัน เมื่อได้น้ำกาวเม็ดมะขามแล้วควรนำไปใช้ทาสมุกรองพื้นทาผนังให้หมดภายในหนึ่งวัน ถ้าข้ามวันแล้วกาวเม็ดมะขามนี้จะหมดสภาพมีกลิ่นเหม็น ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
การหาเม็ดมะขามมาใช้เป็นเรื่องยากลำบากพอสมควร ยิ่งถ้าเป็นนอกฤดูกาลเพราะจะถูกมอดกัดกินเนื้อในของเมล็ดหมด โบราณมีวิธีเก็บด้วยการเอาเม็ดมะขามคลุกขี้เถ้าแล้วใส่ถุงเก็บไว้
เตรียมเม็ดมะขามสำหรับคั่ว
เม็ดมะขามที่ผ่านการคั่วและโขกในครกจนเปลือกสีดำกะเทาะหลุด
นำเม็ดมะขามใส่กระทะเคี่ยว
เติมดินสอพองผสมกับกาวมะขาม
ดินสอพอง
ดินสอพอง เป็นดินชนิดหนึ่งมีสีขาวอยู่ใต้ผิวดินธรรมดาลงไป ต้องขุดเป็นบ่อลงใต้ดินนำดินสอพองขึ้นมาใส่บ่อดินเกรอะด้วยการแช่หมัก แล้วถ่ายน้ำทิ้งบ่อยๆ ๔ -๕ น้ำ กรองด้วยผ้าขาวบางแยกดินออกมาจากดินสอพอง ดินสอพองนอนก้นรินน้ำทิ้ง เอาเนื้อดินสอพองมาผสมกับกาวเม็ดมะขามที่เตรียมไว้ ในอัตราส่วนดินสอพอง ๑ ส่วน กาวเม็ดมะขาม ๒ ส่วน และเติมกาวกระถินให้ดินสอพองและกาวเม็ดมะขามเข้าเป็นเนื้อเดียวกันประมาณ ๓๐ นาที จะได้เป็นน้ำเทือกสาหรับทาผนัง เป็นสมุกรองพื้น ใช้แปรงทาสีขนาดใหญ่ทาลงบนผนังให้หนาประมาณ ๑ เส้นตอก เส้นตอก คือไม้ไผ่จักเพื่อใช้สานภาชนะหรือใช้มัดของ เทียบกับความหนาประมาณ ๒ มิลลิเมตร ทาผนัง ๓ -๔ ครั้ง แต่ละครั้งที่จะทาทับต้องทิ้งตากลมให้แห้งผากเสียก่อน โดยเปิดช่องประตูหน้าต่างไว้ประมาณ ๑๐ วัน จึงเริ่มกวดผนังด้วยหอยเบี้ยขนาดใหญ่ ถ้าไม่มีเปลือกหอยอาจใช้ส่วนนูนของถ้วยหรือชามมากวดผนังได้ การกวดผนังนี้ควรกวดขณะที่พื้นสมุกยังหมาดๆ อยู่ ถ้าแห้งผากมากไปผิวผนังเป็นฝุ่นผงกระจาย และจะทำให้สมุกที่ลงไปแล้วนั้นหลุดออก
การกวดโดยใช้เปลือกหอยเบี้ย
การกวด คือ การทำให้แน่นมิใช่จะเป็นการขัดเอาออก เมื่อกวดผนังจนได้ความแข็งแกร่งดีแล้วปัดฝุ่นออกให้หมด แล้วจึงเตรียมสมุกรองพื้นทาลงบนผิวหน้าของสมุกที่ขัดไว้แล้วนั้นบางๆ เพียงชั้นเดียวโบราณเรียก “ปาดเกสร” แล้วปล่อยพื้นสมุกให้แห้งประมาณ ๑-๒ เดือน เพื่อให้ตัวสมุกแห้งสนิทและจะได้ดูอาการหรือผลของสมุกที่รองพื้นไปแล้วว่ามีความชื้นจากผนังขึ้นมาอีกหรือไม่ จับติดกับผนังได้ดีหรือไม่ จำเป็นจะต้องสำรวจเพื่อแก้ไขส่วนที่บกพร่อง
พื้นสมุกที่รองพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามและดินสอพอง มีคุณสมบัติพิเศษยิ่งกว่าสีรองพื้นชนิดอื่นๆ สรุปได้ดังนี้
๑. สมุกรองพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามและดินสอพอง จะไม่เป็นตัวเคลือบผนัง แต่จะทำให้ผนังมีโอกาสระบายความชื้นที่มีอยู่เป็นปกติในผนังก่ออิฐถือปูนออกมาได้ เหมือนมีจมูกหายใจไม่อุดตัน ตัวอย่างการทาสีน้ำพลาสติกลงบนผนัง ถ้าความชื้นในผนังไม่สามารถระบายออกได้ นานวันความชื้นจะดันรองพื้นออกเป็นแผ่นๆ ทำให้ภาพเขียนหลุดออก
๒. สมุกรองพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามและดินสอพอง เป็นวัสดุจากธรรมชาติเหมือนกับสีฝุ่นธรรมชาติที่นำมาใช้เขียนลงบนพื้นสมุกนี้ ทำให้วัสดุทั้งสองสิ่งจับติดกันแนบแน่นไม่หลุดออกจากกันง่าย
๓. เมื่อเขียน ระบาย สีฝุ่นธรรมชาติลงบนผนังสมุกชนิดนี้ สีฝุ่นจะมีความเรียบ เมื่อต้องการทับสีอื่นลงไม่ว่าจะเป็นสีน้ำหนักเบากว่า หรือสีน้ำหนักเข้มกว่าก็ตาม สีที่ระบายทับลงไปจะไม่ดึงสีพื้นเดิมออกมาผสมกับที่ระบายทับ ทำให้การเขียน ระบาย ทำได้บางไม่หนามาก ปัญหานี้มักพบกับสีโปสเตอร์หรือสีน้ำพลาสติกเสมอ ทาให้กะเทาะล่อนออกมาในภายหลังได้
๔.วัสดุที่นำมาทำสมุกรองพื้น เป็นวัสดุที่หาได้ไม่ยากนัก และราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่เหมาะสมกับยุคเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ (สมปอง,๒๕๕๐)
๕. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้
พื้นวัสดุเขียนรูปที่ทำการรองพื้นด้วยกาวมะขามนั้นสามารถนำไปบูรณาการ สร้างสรรค์ หรือประยุกต์กับงานศิลปะด้านสาขาวิชาต่างๆได้
๖. การเข้าถึงความรู้
กระบวนการที่เข้าถึงความรู้นั้นเกิดจากการค้นหาข้อมูล การรวบรวมข้อมูล และการทดลองปฎิบัติงานตามข้อมูลที่ได้รวบรวมมา
๗. การเรียนรู้
ได้เป็นองค์ความรู้เทคนิคการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวเม็ดมะขาม
พื้นที่ด้วยกาวเม็ดมะขามลงบนแผ่นไม้อัด
การพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามลงบนผ้าดิบ
สรุปและอภิปรายผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน
การศึกษาค้นคว้าการจัดการความรู้ด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น หัวข้อ เทคนิคการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณด้วยกาวมะขาม เป็นการรวบรวมข้อมูลที่ได้จากเอกสาร จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนได้ทำลงมือปฎิบัติเอง เพื่อให้ได้องค์ความรู้ด้านการทำพื้นวัสดุเขียนรูปแบบโบราณจากกาวเม็ดมะขามมากที่สุด
อภิปรายผลการดำเนินงาน
ทำพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามลงบนแผ่นไม้อัด มีรูปแบบที่นิยมทำกัน2แบบคือ
๑. แบบปูผ้า คือ การนำผ้าขาวบางหรือผ้าป่านมัสลินมาปูลงบนแผ่นไม้อัดรีดขึงให้ตึงทั้งสี่ด้านรอให้กาวที่ทาแห้ง จึงทำการทางรองพื้นด้วยกาวมะขามผสมดินสอพอง
๒. แบบไม่ปูผ้า คือ การทารองพื้นด้วยกาวมะขามผสมดินสอพองลงบนแผ่นไมัอัดโดยตรง
การทำพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามผสมดินสอพองลงบนแผ่นไม้อัดสามารถทาได้หลายรอบจนหนาพอประมาณ พื้นประมาณนี้จะมีความแข็งแรงทนทานเพราะด้วยตัววัสดุที่รองพื้นเป็นแผ่นไม้อัดที่มีความแข็งแรง กาวมะขามผสมดินสอพองยังเกาะกันได้ดีด้วย
ทำพื้นด้วยกาวเม็ดมะขามลงบนผ้าดิบ คือ การทารองพื้นด้วยกาวมะขามผสมดินสอพองลงบนผ้าดิบที่รีดขึงให้ตึง โดยอัตราส่วนในการผสมดินสอพองกับกาวมะขามจะต่างจากการทำพื้นลงบนแผ่นไม้อัดกล่าวคือ ต้องลดอัตราส่วนผสมของดินสอพองลง การทำพื้นลงบนผ้าไม่สามารถทาได้หลายรอบจนหนาเนื่องจากวัสดุที่รองพื้นเป็นผ้าดิบมีความยืดหยุ่น ทำให้จำนวนรอบที่ทารองพื้นทาได้น้อยครั้ง
จากการศึกษาการทำพื้นทั้งสองวัสดุนี้ มีข้อดี ข้อเสียคือ
ทารองพื้นด้วยกาวมะขามผสมดินสอพองลงบนไม้ ข้อดีคือ สามารถทารองพื้นได้หลายชั้น พื้นที่ทามีความแข็งแรงทนทานการยึดเกาะดี ข้อเสียคือ พื้นวัสดุประเภทแผ่นไม้อัดถ้าเป็นขนาดใหญ่จะมีปัญหาในการเคลื่อนย้ายหรือจัดเก็บผลงาน
ทารองพื้นด้วยกาวมะขามผสมดินสอพองลงบนผ้าดิบ ข้อดีคือ สามารถม้วนเก็บชิ้นงานที่ทำพื้นแล้วได้ง่าย เคลื่อนย้ายง่ายกว่าแผ่นไม้อัด ข้อเสีย คือ ไม่สามารถทารองพื้นให้หนาได้ พื้นที่ทานั้นมีโอกาสเกิดการแตกร่อนหลุดได้เนื่องจากวัสดุที่ใช้เป็นผ้าดิบมีความยืดหยุ่นพื้นที่ทำจึงมีความเปราะบาง และส่วนอีกหนึ่งมาจากอัตราส่วนผสมระหว่างดินสอพองกับกาวมะขาม ถ้าใส่ดินสอพองเยอะจะทำให้พื้นทาแตกหลุดได้ง่ายกว่าปกติ
โฆษณา