1. หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
1.1 ความพอประมาณ – ตามตัวอย่างข้างต้น ถ้าเรากำลังจะซื้อบ้านราคา 30 ล้านบาท เนื้อที่ 2 ไร่ แล้วอยู่กัน 3 คน พ่อแม่ลูก ควรพิจารณาว่าใหญ่เกินความจำเป็นไหม ราคาบ้านแพงเกินความสามารถในการผ่อนชำระของเราหรือเปล่า แล้วค่าใช้จ่ายทางด้านสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น เราแบกรับภาระได้ไหม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างคนดูแลสวน ค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาดบ้าน ค่าซ่อมแซม เป็นต้น
1.2 ความสมเหตุสมผล – จากตัวอย่างการซื้อบ้าน ก่อนซื้อบ้าน ควรต้องเปรียบเทียบว่า ระหว่างซื้อบ้านและเช่าบ้าน อย่างใดคุ้มค่ามากกว่ากัน หากเราคิดจะอยู่เป็นการถาวร การซื้อบ้านเป็นของตัวเอง น่าจะคุ้มกว่าการเช่า แต่ถ้าเราอยู่อาศัยเป็นการชั่วคราวในช่วงที่เราทำงานหรือลูกเรียนหนังสือ แล้วเรามีที่ดินหรือบ้านอยู่ต่างจังหวัดแล้ว การเช่าอาจจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เพราะไม่ต้องมาเสียค่าบำรุงรักษาในระยะยาว และหากซื้อแล้วไม่ได้อยู่เอง คิดจะปล่อยเช่า ถ้าเราอยู่ต่างจังหวัดไม่มีเวลามาดูแลรักษา บ้านเช่าก็อาจทรุดโทรมได้
1.3 ภูมิคุ้มกัน – ในที่นี้หมายถึงภาระในการชำระหนี้ต้องไม่สูงเกิน ไม่กระทบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และมีเหลือเก็บ
ถ้าเช็กทั้ง 3 ข้อแล้วผ่านก็ถือว่าเราสามารถเป็นหนี้ก้อนนี้ได้
2. รู้ศักยภาพในการชำระหนี้ของตัวเอง
ก่อนที่จะสร้างหนี้ก้อนใหญ่ อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจจนกว่าจะรู้ศักยภาพในการชำระหนี้ของตัวเอง โดยคำนวณได้ง่าย ๆ จากภาระผ่อนต่อเดือนของเรา เช่น หากมีค่างวดบ้าน และรถยนต์รวมกัน ต้องไม่เกิน 40% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต่อเดือน และไม่ควรเยอะเกินกว่านี้ เพราะในชีวิตจริงอาจมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมาได้ ฉะนั้นควรวางแผนให้รอบคอบเสียก่อน
3. ศึกษาเรื่องสินเชื่อให้พร้อม อีกสิ่งสำคัญที่จะทำให้หนี้ของคุณเป็นหนี้ที่ดีได้ คือ การเลือกสินเชื่อ ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการซื้อ ควรศึกษาข้อมูล และอัตราดอกเบี้ยของแต่ละสินเชื่อแต่ละประเภทให้ดี
สินเชื่อบ้าน การกู้ซื้อบ้านเป็นหนี้ระยาว ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยหลาย ๆ ธนาคาร และเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระให้เหมาะสม หากเป็นไปได้ควรเลือกกู้ในช่วงที่มีการจัดโปรโมรชั่นของธนาคารต่าง ๆ เช่น มีส่วนลดค่าจดจำนอง หรือโปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เป็นต้น
สินเชื่อรถ ก่อนจะซื้อรถ เก็บเงินดาวน์ให้มากหรือซื้อรถด้วยเงินสดได้ยิ่งดี เพราะรถเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลงดังนั้นรอเก็บเงินให้พร้อมแล้วค่อยซื้อก็ได้ อีกทั้งดอกเบี้ยรถ ยังแพงกว่าดอกเบี้ยบ้านเนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ไม่ลดต้นลดดอกเหมือนดอกเบี้ยบ้าน
สินเชื่อเพื่อการทำธุรกิจ ในการทำธุรกิจ ควรเริ่มต้นจากการลงทุนน้อย ๆ โดยใช้เงินออมของตัวเองก่อน หากธุรกิจมีการเติบโตสูงขึ้นและจำเป็นต้องขยายกิจการ อาจจะพิจารณาแหล่งเงินกู้ เช่น การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งวิธีนี้ถือว่าเป็นการระดมทุนที่ดีมากวิธีหนึ่ง