16 มิ.ย. 2021 เวลา 10:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
🛢 [Analysis] - ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง WTI และ Brent แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ! แต่การประชุมที่จะชี้ชะตาตลาดคืนนี้ และอาจดันให้น้ำมันไป 100 เหรียญได้ในอนาคต กลับไม่ใช่การประชุมที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำมันเลย !
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดทะลุ 72.5 เหรียญต่อบาร์เรลและ Brent ดีดทะลุ 74 เหรียญต่อบาร์เรล ถือเป็นระดับราคาน้ำมันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 เลยทีเดียว
มุมมองของเพจในเรื่องราคาน้ำมันตั้งแต่ต้นปียังคงไม่เปลี่ยนไป "ราคาน้ำมันดิบกำลังจะขึ้นไปทดสอบระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล" ตราบใดที่กลุ่ม OPEC ยังคงตัดสินใจที่จะไม่เปิดก็อกน้ำมันดิบเพิ่มกลับมาเหมือนเดิม
1
และเมื่อราคาไปถึง 80 เหรียญแล้ว เราคงต้องมาดูรายงานตัวเลขการผลิตนอกกลุ่มโอเปกกันต่อไปว่าการชะลอตัวในการลงทุนขุดน้ำมันเป็นเช่นไร และสามารถเป็นปัจจัยที่จะดันให้ราคาน้ำมันไปถึงระดับ 100 เหรียญได้หรือไม่ ?
1
#อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันจะยังคงขาขึ้นต่อไปได้หรือไม่ในระยะสั้น ก็ต้องดูผลการประชุม FED ในคืนนี้ก่อนเท่านั้น !
📌 การประชุม FOMC คืนนี้จะเป็นจุดตัดสินชะตาตลาดน้ำมันในระยะสั้น
1
นักลงทุนหลายคนเชื่อว่าการประชุมนโยบายการเงินของ FED ในคืนนี้อาจเป็นครั้งสำคัญที่สุดในอาชีพของ Jerome Powell เลยก็เป็นได้ เพราะนักลงทุนทั่วโลกกำลังกังวลเรื่อง #เงินเฟ้อ หลังจากที่เห็นรายงาน CPI ดัชนีที่ใช้วัดค่าเงินเฟ้อดีดสูงกว่า +4.5% มา 2 เตือนติดกันแล้ว (ในอาทิตย์ที่ผ่านมาออกมาสูงกว่า +5% ด้วยซ้ำ) โดยดัชนีนี้ไม่เคยออกมาวัดค่าเงินเฟ้อเทียบปีต่อปีสูงกว่า 3.5% เลยในช่วงหลายสิปปีที่ผ่านมา
สิ่งสำคัญที่นักลงทุนกำลังเฝ้ามองจาก Jerome Powell คือทาง FED จะยังทำท่าเหมือนกับว่าตัวเลขนี้ไม่มีความหมายอะไรอยู่ไหม ?
หลังจากที่ FED เน้นย้ำอยู่ตลอดว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้นั้น "#Transitory" หรือเป็นเพียงตัวเลขเงินเฟ้อในระยะสั้นจะหายไปเอง ทาง FED เชื่อว่าเงินเฟ้อที่เราเห็นนั้นมาจากความต้องการซื้อสินค้าจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นเพราะการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบมากเกินไป หากว่า FED ยังคงคำนี้อยู่ #ราคาน้ำมันก็จะเป็นขาขึ้นต่อไป
แต่หากทาง FED กลับคำพูดและบอกว่าจะหันกลับมาควบคุมค่าเงินเฟ้อนี้ไม่ว่าจะเป็นผ่านการ
1️⃣ เริ่มคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่จะลดระดับการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) หรือไม่ ?
2️⃣ ปรับ Dot Plot หรือเวลาในการที่จะขึ้นดอกเบี้ยนโยายให้ขึ้นมาเร็วขึ้น
หากเราเห็นทาง FED ทำเช่นนี้ก็อาจทำให้เกิดการ #เทขายของราคาน้ำมันในระยะสั้นได้
📌 ทำไมผลการประชุม FED ถึงสำคัญกับทิศทางราคาน้ำมันในระยะสั้นมาก ?
เหตุผลนั้นก็เพราะว่าหาก FED ยังไม่คิดจะเข้ามาจัดการคุมค่าเงินเฟ้อ เหล่าผู้จัดการกองทุน (Fund Managers) ทั่วโลกก็จะทยอยเทเงินเข้ามาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อพยายามป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินเฟ้อ เพราะในเวลาที่ค่าเงินเฟ้อสูงสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีปริมาณอุปทานคงที่ในตลาดก็จะมีมูลค่าสูงตามไปด้วย (รวมไปถึงราคาที่ดินก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือปิดความเสี่ยงที่นิยมใช้กัน)
หากจะเปรียบภาพใหญ่ในตลาด ทุกวันนี้มีสินทรัพย์มูลค่า 88 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่กำลังถูกบริหารโดยผู้จัดการสินทรัพย์ทั่วโลกอยู่ โดยในปริมาณนั้นมีเงินจำนวน 0.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่กำลังลงทุนในดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ หรือคิดเป็น 0.7% ของสินทรัพย์ทั้งหมด
แต่หากย้อนกลับเมื่อปี 2011 ตอนที่ FED ลดดอกเบี้ยต่ำๆหลังวิกฤตเศรษฐกิจ Subprime ครั้งก่อน ตอนนั้นดัชนีค่าเงินเฟ้อยังอยู่ที่ 3% (ซึ่งถือว่าสูงแต่ยังไม่สูงขึ้นขนาดเท่าทุกวันนี้) เหล่าผู้จัดการกองทุนได้ถือทรัพย์สินเป็นกองทุนดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์อยู่สูงถึง 1.2%
1
นั้นหมายความว่าหาก FED #ยังไม่เปลี่ยนคำพูด และยังไม่คุมค่าเงินเฟ้อเหล่าผู้บริหารกองทุนอาจหันมาถือสินค้าโภคภัณฑ์ในพอร์ตเป็นสัดส่วนมากขึ้น และจากสถิติด้านบนอาจเพิ่มมากขึ้นได้ถึง 2 เท่าจากระดับปัจจุบันนี้ #จึงเป็นสิ่งที่เราต้องจับตามองอย่างยิ่ง
1
📌 เงินที่กำลังจะถูกโยกเข้ามาในดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์จะกระทบราคาน้ำมันแค่ไหน ?
ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่บนโลกนี้จะลงทุนในมันเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สัดส่วนโดยรวมประมาณเกือบครึ่งทีเดียว รวมๆแล้วกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกมีสัดส่วนดังนี้
1️⃣ ลงทุนใน #น้ำมัน ประมาณ 40% - 50%
2️⃣ #ทองคำ ประมาณ 5%-10%
3️⃣ #สินค้าเกษตร ประมาณ 20%-25%
4️⃣ #โลหะต่างๆ ประมาณ 20%-25%
5️⃣ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ อีกประมาณ 10%-15%
นั้นหมายความว่าทุกๆ 1 ดอลล่าร์สหรัฐที่นักลงทุนซื้อกองทุนเหล่านี้ จะมีเงินไหลเข้ามาซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) ของน้ำมันอยู่สูงถึง 0.4 - 0.5 ดอลล่าสหรัฐ (โดยแบ่งออกเป็น น้ำมันดิบ Brent และ WTI, น้ำมันสำเร็จรูป Gasoline, และ Diesel ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแต่ละกองทุนเลย)
และเวลาหัวหน้ากองทุนคิดที่จะปรับพอร์ตขึ้นมา #สิ่งที่พวกเขาโฟกัสคือการพยายามกระจายความเสี่ยงเพื่อป้องกันค่าเงินเฟ้อ ทำให้พวกเขาไม่สนว่าปัจจัยพื้นฐานในตลาดน้ำมันจะเป็นเช่นไร (น้อยคนมากที่จะพยายามเข้าไปลงทุนในแต่ละตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์เอง) หากผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะถือกองทุนรวมของสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ ยังไงก็จะทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดน้ำมันเกือบครึ่งแน่ๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้การประชุม FOMC คืนนี้จะเป็นจุดตัดสินชะตาตลาดน้ำมันในระยะสั้น
🙏 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากครับ 👍😊
#ทันโลกกับTraderKP
โฆษณา