24 มิ.ย. 2021 เวลา 13:00 • หนังสือ
'Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น'
หลายคนคงจะเคยตั้งเป้าหมายที่อยากจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นในด้านต่างๆตอนเริ่มปีใหม่ เเล้วคุณเคยได้ลองถามตัวเองหรือไม่ว่าตัวคุณได้เข้าใกล้สู่เป้าหมายของคุณมากแค่ไหนแล้ว
ปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญอยู่ก็คือ เมื่อเริ่มทำตามเป้าหมายที่ตนเองตั้งไว้ไปได้สักระยะกลับรู้สึกท้อและไม่มีแรงจูงใจที่จะทำสิ่งๆนั้นต่อ อาจจะเป็นเพราะเป้าหมายบางอย่างต้องใช้ระยะเวลานานที่จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เช่น ในเรื่องการลดน้ำหนักที่ไม่ว่าออกกำลังกายไปเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลด หรือในด้านการฝึกภาษาที่ไม่ว่าเราจะท่องคำศัพท์หรือฝึกฝนภาษาไปมากมายเพียงใดแต่เราก็ยังไม่สามารถเก่งในภาษานั้นๆได้สักที ถ้าคุณยังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ หนังสือเล่มนี้จะมาเป็นคำตอบให้คุณเอง วันนี้เพจรีวิวทุกอย่างที่อ่านออกจะพาทุกคนมารู้จัก Atomic Habits กันค่ะ
หนังสือ Atomic Habits มาจาก atomic ที่มีความหมายว่าสิ่งที่มีขนาดเล็กที่สุด กับ habits ที่แปลว่านิสัยหรือกิจวัตรที่เราทำอยู่เป็นประจำทุกวัน มารวมกันเป็นเเนวคิดที่ว่า ‘ความเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยและไม่สำคัญในตอนเริ่มแรกสุดท้ายเเล้วจะกลายมาเป็นผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ถ้าคุณตั้งใจทำสิ่งนั้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน’ โดยการสร้างนิสัยที่ดีอย่างเป็นขั้นเป็นตอนนั้นไม่ทำให้เรานิสัยดีขึ้นแค่ในชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่จะทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นในตลอดชีวิต
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเเนวคิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนเราผ่านกฎสี่ข้อ ได้เเก่ ปัจจัยกระตุ้น, ความปรารถนา, การตอบสนอง เเละรางวัล ตัวอย่างที่จะยกมาให้ฟังเป็นเเนวคิดบางส่วนจากเรื่องเรื่องปัจจัยกระตุ้นค่ะ ที่มีหลักการสำคัญว่าเราต้องทำให้ปัจจัยที่ดีนั้นมีความชัดเจนเเละมองเห็นได้ง่ายที่สุด โดยเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆคือระบุให้เจาะจงไปเลยว่าเราจะทำเป้าหมายนั้นในเวลาใด สถานที่ไหน เเละเป็นระยะเวลานานเพียงใด เพื่อลดโอกาสในการผัดวันประกันพรุ่ง อย่างเช่น ฉันจะเริ่มออกกำลังกายในวันพรุ่งนี้ที่บ้านตอนหกโมงเย็นต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 30 นาที นอกจากนี้เราอาจจะนำเป้าหมายของเราไปผูกกับกิจวัตรประจำวันของเราที่ทำอยู่ในทุกๆวันเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างเช่น เขียนเพิ่มไปว่าเมื่อเราเลิกงานแล้วถึงบ้านเราจะเปลี่ยนชุดออกกำลังกายทันที นั่นจะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นที่จะเริ่มออกกำลังกาย
เรายังสามารถนำเเนวคิดนี้ไปประยุกต์เพื่อนำนิสัยที่ไม่ดีออกจากตัวเราได้เช่นกัน โดยปรับจากการทำให้ปัจจัยกระตุ้นที่ดีมีความชัดเจน เปลี่ยนเป็นเราต้องทำให้สิ่งกระตุ้นที่ไม่ดีนั้นหายไปหรือทำให้เราเห็นมันน้อยที่สุด เพราะคงไม่มีใครที่ทำพฤติกรรมที่บวกได้อย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่เป็นลบ พูดให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือถ้าเราอยากมีเวลาอยู่กับตัวเองให้มากขึ้นแล้วเราค้นพบว่าเวลาส่วนใหญ่ของเรานั้นสูญเสียไปอย่างมากกับการดูทีวีเราก็ควรเอาทีวีออกจากห้องนอน หรือในช่วงที่เราจัดการงานไม่เสร็จซักชิ้นเราก็ควรปรับสภาพแวดล้อมให้กับให้เข้ากับการทำงานโดยการเก็บโทรศัพท์ไว้ห่างจากตัว 2-3 ชั่วโมง เป็นต้น
อีกหนึ่งเเนวคิดที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ที่โดยส่วนตัวชอบคือกฎ 2 นาที ที่กล่าวไว้ว่า ‘ถ้าคุณจะเริ่มฝึกนิสัยใหม่ควรใช้เวลาฝึกทำน้อยกว่า 2 นาที’ เช่น ถ้าอยากเริ่มนิสัยตัวเองให้อ่านหนังสือมากขึ้นอาจเริ่มจากการอ่านหนังสือหนึ่งหน้า ตอนเเรกที่อ่านก็เกิดความสงสัยเหมือนทุกคนค่ะว่าการฝึกฝนในเวลาที่น้อยขนาดนั้นจะช่วยเราให้เก่งขึ้นได้อย่างไร เเต่เมื่ออ่านไปเรื่อยๆก็เข้าใจมากขึ้นค่ะว่าที่กฎนี้ให้เราใช้เวลาฝึกทำน้อยกว่า 2 นาที เพราะหลักการสำคัญของกฎนี้ก็คืออยากให้เราเริ่มนิสัยใหม่ให้ได้ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยพัฒนานิสัยนั้นๆให้ดีขึ้นไป
ตัวอย่างที่เอามาเล่าให้ฟังเป็นเพียงเเค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีตัวอย่างดีๆอีกมากในหนังสือเล่มนี้ที่อยากให้ทุกคนได้อ่านและนำไปปรับใช้ โดยเนื้อหาตลอดหนังสือเล่มนี้มีการเล่าทฤษฎีพร้อมทั้งยกตัวอย่างบุคคลที่เป็นสุดยอดในด้านต่างๆที่พวกเขาเริ่มจากการพัฒนานิสัยที่ดีทีละน้อยอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็นสุดยอดในสายอาชีพต่างๆ เช่น ทีมนักปั่นจักรยานชาวอังกฤษที่เคยนำเเนวคิดนี้มาปรับใช้จนประสบความสำเร็จมาเเล้ว นอกจากนี้ยังมีการเล่าที่สอดแทรกการทดลองเรื่องพฤติกรรมของมนุษย์ที่น่าสนใจมากมาย ที่จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่หนังสือต้องการจะสื่อได้ดีมากยิ่งขึ้น
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่มีความคิดอยากจะเริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นแต่อาจจะยังไม่รู้วิธีว่าเราจะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย โดยวิธีในหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ได้ทำให้เราเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ใครหลายคนต้องการแต่เชื่อเถอะค่ะว่า ถ้าเราได้เริ่มเปลี่ยนตัวเองจากเรื่องเล็กๆน้อยๆตามหนังสือเล่มนี้ในทุกๆวัน ในวันหนึ่งเราอาจกลายเป็นคนที่ดีขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็ได้ค่ะ 🙂
ชื่อหนังสือ : Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น
นักเขียน : James Clear (เจมส์ เคลียร์)
ความยาว : 328 หน้า
ราคา : 242 บาท
สำนักพิมพ์: @HowtoChangeplus
Overall : 4.5/5
Score Explanation:
Writing Style: 4/5 มีการใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเเละมีการยกตัวอย่างประกอบ ทำให้เราสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
Time worthiness: 4/5 หนังสือมีความยาวกำลังดี เหมาะสมกับเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ
Content usefulness: 5/5 หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะหนังสือเล่มนี้ให้เเนวคิดพื้นฐานที่สำคัญที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองได้ เเละโดยส่วนตัวคิดว่าทุกคนต้องอยากทำตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ว่าในด้านในด้านหนึ่ง:)
โฆษณา