Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
19 มิ.ย. 2021 เวลา 04:44 • ประวัติศาสตร์
“เสียงกรีดร้อง (The Scream)” หนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดภาพหนึ่งในโลกศิลปะ
“เสียงกรีดร้อง (The Scream)” อาจจะเป็นชื่อภาพวาดที่หลายคนไม่คุ้นหู ไม่รู้จัก
1
หากแต่เชื่อว่าหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบในศิลปะ ต้องเคยผ่านตาภาพนี้อย่างแน่นอน ภาพที่ดูบิดเบี้ยว และแสดงให้เห็นคนๆ หนึ่งอ้าปาก เหมือนจะกรีดร้อง
ภาพวาดนี้เป็นฝีมือการวาดของจิตรกรชาวนอร์เวย์ที่ชื่อ “Edvard Munch” โดยเป็นภาพที่วาดขึ้นในปีค.ศ.1893 (พ.ศ.2436)
Edvard Munch
สำหรับความเป็นมาของภาพนี้ Munch ได้เขียนลงในบันทึกว่าวันหนึ่ง ขณะที่ตนกำลังเดินเล่นบนสะพานในบริเวณอ่าวฟยอร์ด Munch ก็เกิดจินตนาการภาพประหลาดๆ ขึ้นมา
1
Munch จินตนาการว่าท้องฟ้านั้นเปลี่ยนเป็นสีเลือด อ่าวฟยอร์ดก็กลายเป็นสีดำ ธรรมชาติกำลังกรีดร้อง หากแต่มีเพียง Munch คนเดียวที่ได้ยิน
Munch ตั้งใจจะบันทึกสิ่งที่เห็นและได้ยินลงบนผ้าใบ และผลที่ได้ก็คือภาพที่โด่งดังไปทั่วโลก
“เสียงกรีดร้อง (The Scream)”
เสียงกรีดร้อง (The Scream)
นักวิจารณ์ศิลปะหลายรายได้ตั้งข้อสังเกตว่าสะพานในภาพนั้น เป็นสะพานที่มีชื่อเสียงว่ามีคนมาฆ่าตัวตายอยู่บ่อยๆ และตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลจิตเวชที่พี่สาวของ Munch ได้เข้ารักษาอาการทางจิต
นอกจากนั้น ตัว Munch เองยังมีภาวะซึมเศร้า จากความหวาดกลัวว่าอาการป่วยจะทำให้ชีวิตของตนต้องพังทลาย
นักวิจารณ์จึงเชื่อว่าภาพเสียงกรีดร้อง อาจจะเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากตัวของ Munch
อีกหนึ่งความคิดเห็นก็คือ Munch อาจจะเคยเห็นมัมมี่ที่นำมาแสดง และเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างภาพนี้ขึ้นมา โดยจำลองแบบมาจากมัมมี่
ผ่านไปกว่า 100 ปีหลังจากที่ภาพนี้ถูกสร้างขึ้น เสียงกรีดร้องก็โด่งดัง และไปสะดุดตาเหล่ามิจฉาชีพที่จ้องจะขโมยงานศิลปะชิ้นเอก
ในปีค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) ก็ได้มีโจรกลุ่มหนึ่งแอบปีนเข้าไปใน Oslo’s National Gallery และได้ขโมยภาพนี้ไป พร้อมทั้งทิ้งโน้ตที่เขียนว่า
“ขอบใจสำหรับการรักษาความปลอดภัยแสนห่วย”
ตำรวจใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการตามหาและนำภาพกลับมา และอีก 10 ปีต่อมา ก็ได้มีโจรอีกกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ และขโมยภาพไปสองภาพ
หนึ่งในสองภาพนั้นคือภาพเสียงกรีดร้อง
ตำรวจได้ทำการจับกุมโจรได้สามคน แต่ก็ไม่สามารถตามภาพนี้กลับมาได้ ภาพนี้ได้หายไปเป็นเวลานานกว่าสองปี
เมื่อเห็นว่าผู้คนกำลังให้ความสนใจในการหายสาปสูญของภาพชื่อดังนี้ “M&Ms” แบรนด์ของหวานชื่อดัง จึงออกแคมเปญ เสนอที่จะมอบ M&Ms จำนวน 2,000,000 เม็ดให้แก่ผู้ที่นำเสียงกรีดร้องกลับคืนมาได้
M&Ms
เพียงไม่กี่วันหลังจากที่โฆษณานี้ออกอากาศ ก็ได้มีผู้ต้องโทษรายหนึ่งติดต่อ และเจรจากับทนายความ ขอ M&Ms จำนวน 2,000,000 เม็ด และขอให้คู่รักของตนมาเยี่ยมตนในเรือนจำ โดยตนจะยอมบอกสถานที่ซ่อนภาพนี้ให้
ในที่สุด ก็สามารถตามหาเสียงกรีดร้องกลับมาจนได้ แต่ M&Ms ก็ปฏิเสธที่จะมอบ M&Ms จำนวน 2,000,000 เม็ดให้ผู้ต้องโทษรายนี้ แต่กลับมอบให้แก่ตำรวจนอร์เวย์เพื่อเป็นการขอบคุณในการทำงานหนักเพื่อตามหาภาพนี้กลับมาจนได้
แต่ทางตำรวจก็ขอไม่รับ แต่ขอให้ M&Ms มอบเงินเป็นจำนวนเท่ากับ M&Ms จำนวน 2,000,000 เม็ด ซึ่งเท่ากับเป็นเงินจำนวนราวๆ 780,000 บาท ให้แก่พิพิธภัณฑ์ Munch ในเมืองออสโล
ก็นับเป็นเรื่องวุ่นๆ ที่เกิดกับภาพเขียนชื่อก้องโลก
References:
https://historydaily.org/scream-edvard-munch-facts-stories-trivia
https://smarthistory.org/munch-the-scream/
https://www.edvardmunch.org/the-scream.jsp
https://www.khanacademy.org/humanities/ap-art-history/later-europe-and-americas/modernity-ap/a/munch-the-scream
https://totallyhistory.com/the-scream/
10 บันทึก
25
1
10
10
25
1
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย