10 ก.ค. 2021 เวลา 08:03 • หนังสือ
มาเฟียบู๊ลิ้ม ของมันโดนใจจริง
ผมไม่ค่อยอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับนิยายจีนกำลังภายในสักเท่าไหร่ เหตุเพราะสำนึกเสมอมาว่าอ่านนิยายจีนกำลังภายในน้อยถึงน้อยมาก
ตัวละครเยอะ ชื่อเยอะ จำยาก
น่าจะเป็นสิ่งแรกๆที่พบเจอได้เป็นปกติ
ชื่อเป็นภาษาจีน ลักษณะการต่อสู้ต่างๆ
ไม่มีอยู่ในหัวครับ โหวงมาก
แต่ตัวนิยายเรื่องนี้ถ้าจะเทียบเคียงก็น่าจะเป็นนิยายจีนสากลที่ไม่ได้บอกเล่าว่าฝึกอะไรมาบ้าง เหตุการณ์ที่ตัวเอกประสบพบเจอก็คล้ายกับที่คนในสมัยปัจจุบันต้องพบ
มือใครยาวสาวได้สาวเอา
ไขว่คว้าทุกอย่างไว้
เล่ห์กลอุบายต่างๆงัดกันมาใช้ให้เต็มที่
นิยายเรื่องนี้จึงออกไปในโทนดาร์คเป็นส่วนใหญ่ครับ
cr. google มาเฟียบู๊ลิ้ม10เล่มจบ
ตัวนิยายกล่าวถึงชายหนุ่มสามัญคนหนึ่งนามหวังเทียนอี้ที่ร่ำเรียนวิทยายุทธในสำนักแห่งหนึ่ง
สารพัดจะเรียน
ตัวเอกของเราทำคะแนนได้ดี
แต่หลังๆคะแนนตกวูบจนถอยไปอยู่ในกลุ่มบ๊วย
ทำไม?
เรื่องมันมีอยู่ว่า ในครั้งหนึ่งตัวเอกของเราได้ปะทะฝีมือกับนักเลงกลุ่มหนึ่งด้วยความมั่นใจในฝีมือมาก แต่กลับถูกพวกนักเลงไล่เข่นเอาซะดื้อๆ
ที่ฝึกมามันไม่ได้ผลรึไง
ท่านใช้ท่าร่างอะไรรึ
ท่าร่างอะไร บ้าแล้ว ไม่มี ข้าแค่ใช้ทุกวิธีที่นึกได้ทุ่มสุดตัวใส่จุดตายของเจ้าต่างหาก นักเลงว่า
นั่นเป็นจุดแรกที่ตัวเอกของเราเริ่มสงสัยว่าท่าร่างต่างๆที่ฝึกมานั้นก็แค่ความสวยงาม ใช้ประโยชน์จริงๆไม่ได้เลย สู้แม้นักเลงข้างถนนก็ยังยาก
จุดเปลี่ยนต่อมาก็เมื่อออกเดินทางตามที่อาจารย์ใช้สอย นั่นทำให้โลกของหวังเทียนอี้เปิดกว้างขึ้น
ท่าร่างอันสวยงามไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป มุ่งสู่จุดตายจึงเป็นเรื่องที่ใช่
งานนี้เองทำให้หวังเทียนอี้รับรู้ว่าฝ่ายธรรมะหรืออธรรมก็ไม่ได้แตกต่างกัน มีการคบหาสมาคมและแบ่งผลประโยชน์กันได้ลงตัว
ไม่งั้นสำนักใหญ่จะเอาอะไรมาดันให้ตัวเองใหญ่ได้ล่ะ
หวังเทียนอี้เริ่มเป็นที่รู้จักของบรรดาลูกหลานเจ้าสำนักต่างๆ หลายคนชื่นชมในฝีมือและความคิด มีการเชื้อเชิญให้เข้าไปร่วมกลุ่มด้วย
ด้วยคุณธรรมประจำใจที่มีในตอนนั้นและยึดติดอยู่กับสำนักที่ตนเองอยู่มา หวังเทียนอี้จึงปฏิเสธทุกคนไปหมดแล้วกลับไปยังสำนักเดิม
จุดสุดท้ายที่ทำให้หวังเทียนอี้เปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิงน่าจะเป็นตอนที่สำนักถูกบุก
ทุกคนชี้นิ้วมาว่าเขาเป็นฝ่ายผิดที่ชักศึกเข้าบ้าน
แม้สหายสนิทที่สุดก็ยังหมางเมิน
ฉี่ใส่ข้าวให้กินตอนที่ถูกจับขัง
พวกถล่มสำนักคนหนึ่งที่ถูกจับขังอยู่ในห้องเดียวกันเยาะเย้ยสารพัด แต่พลันเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของหวังเทียนอี้อีกครั้ง คราวนี้มันถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
สีหน้าและแววตาของมันกลับกลายเปลี่ยนแปลงไปจนหมดสิ้น นับว่าน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
เอาเป็นว่าทั้งคู่ออกมาจากที่คุมขังได้สำเร็จด้วยวิธีการที่เละเทะเอาการอยู่ แต่มันทำให้ทั้งคู่กลับกลายเป็นสหายกัน
แล้วหวังเทียนอี้ก็เปลี่ยนไปนับจากนั้น
เริ่มในช่วงที่2 หวังเทียนอี้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นมือสังหารแบบมีสังกัดที่อาศัยการค้าเกลือเถื่อนบังหน้า
เนื้อเรื่องที่แท้จริงน่าจะเริ่มจากตอนนี้ครับ
เนื้อหาช่วงหลังค่อนข้างดุเดือดและดาร์คดี แสดงถึงการทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมีอำนาจในมือ ไส้ศึก หนอนบ่อนไส้ กลลวง แผนเจ้าเล่ห์ อุบายสารพัดประเคนใส่ผู้คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่
หรือว่าจะเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ตาม
ดูเหมือนจะเข้าไปใกล้กับการเมืองเรื่องอำนาจอยู่กลายๆ
แต่สุดท้ายนิยายเรื่องนี้เหมือนจะถูกตัดจบครับ บทสรุปมันดูห้วนๆ
น่าเสียดายจริง กำลังมัน
เชิญหาอ่านได้ตามสะดวกครับ
ตอนที่หานิยายเรื่องนี้มาอ่านน่าจะเป็นเพราะเริ่มอยากหานิยายของนักเขียนกำลังภายในท่านอื่นมาอ่านบ้างเท่านั้นเอง
อ่านไปก็ติดหนึบ แนวทางใหม่ก็สนุกดีเหมือนกันครับ
หลายท่านให้ความเห็นว่ามันเป็นนิยายที่ไร้คุณธรรมไร้ศีลธรรมจริงๆ เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ทำทุกอย่างเพื่อตัวกู ของกู
Any means to an end ครับ
แต่บ้างก็ว่า นี่ล่ะของจริง เรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นอย่างที่เขียนไว้
เคยอ่านจากหลายที่ครับว่า คนแต่งน่าจะต้องการสะท้อนภาพของสังคมจีนยุคใหม่มากกว่า
ตัวคนแต่งก็เป็นใครกันล่ะ
บางกระแสก็ว่าเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ บ้างก็ว่าน่าจะเป็นนักเขียนมือเก่าที่อยากเปลี่ยนแนวเขียนนิยายบ้าง
ก็ว่ากันไปครับ
ผมอ่านจบไปนานหลายปีแล้ว ที่พิมพ์ความเรียงเรื่องนี้ได้นี่ก็กระท่อนกระแท่นพอสมควรครับ ต้องกลับไปค้นหนังสือที่เก็บไว้ในกล่องขึ้นมาอ่านอีกรอบก็สนุกดีครับ
อาจจะรู้สึกไม่ดีนักเกี่ยวกับเรื่องคุณธรรมที่มีคนวิพากษ์กัน
ผมเป็นคนหัวเก่าเลยค่อนข้างเห็นด้วยกับประเด็นนี้
แต่ที่เห็นด้วยที่สุดน่าจะเป็นเรื่องนี้ครับ
ในเรื่องมีลูกหลานสำนักใหญ่สำนักหนึ่ง แกเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักคุณธรรมมากๆ
1
แต่สุดท้ายแกก็ประจักษ์กับตัวเองว่าทุกอย่างที่แกยึดถือเป็นเรื่องที่จัดว่าไร้สาระในโลกแห่งความเป็นจริงตามท้องเรื่อง
พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไปไม่เป็น
หมดสภาพไปเลย
เราต้องให้เขาแสดงออกในเรื่องนี้เต็มที่ต่อไปตามที่เราเห็นสมควร ภาคีมาเฟียบอกกล่าวกันอย่างนั้น
มันต้องให้เขาแสดงออกบ้างนะ ไม่งั้น...
หัวเราะเยาะเย้ย
การเมืองจริงไรจริง
ถึงบอกไงครับว่ามันโดนใจจริงๆ
หัวร่อร่าน้ำตารินครับ
โฆษณา