19 มิ.ย. 2021 เวลา 11:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จักหุ้น "AOT" เจ้าของธุรกิจบริหารสนามบิน มูลค่าอันดับ 1 ของโลก
1
AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือเรียกสั้นๆว่า ทอท. ถูกจัดตั้งขึ้น โดยการแปลงสภาพจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจมาเป็นบริษัทจำกัดมหาชน เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2545 ปัจจุบัน บริษัทฯมีมูลค่าทางการตลาด หรือ "Market Cap" อยู่ที่ 942,856.20 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 2 ของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นรองเพียง บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT อีกทั้งยังจัดเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการตลาดสูงที่สุดอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มสายการบินในปัจจุบัน โดยมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ กระทรวงการคลัง จำนวน 10,000,000,000 หุ้น ที่คิดเป็นสัดส่วน 70% ของหุ้นทั้งหมด (อ้างอิงข้อมูล จาก set.or.th ณ วันที่ 18 มิ.ย. 64)
โดยธุรกิจหลักของ AOT ประกอบไปด้วย การจัดการ การดำเนินงานและการพัฒนาท่าอากาศยาน ในปัจจุบันมีท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบแล้ว 6 แห่ง ประกอบไปด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานหาดใหญ่, ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ซึ่งสนามบินทั้งหมดมีการให้บริการทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศ โดยทั้ง 6 สนามบินนี้ได้มีการครองส่วนแบ่งการตลาด ที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 86 % จากสนามบิน 38 แห่งทั่วประเทศ และสนามบินที่มีผู้โดยสารมากที่สุดก็คือ สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง โดยทั้ง 2 สนามบินยังมีจำนวนผู้โดยสารที่เกินขีดความสามารถของตัวสนามบินไปอย่างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติก่อนเกิดการระบาดของโรค โควิด-19
1
ในสัดส่วนของรายได้ของ AOT นั้นมาจาก 2 ทางหลักๆ ได้แก่
1.รายได้จากกิจการการบิน (Aeronautical Revenues) ประกอบด้วย ค่าบริการในการขึ้น – ลง ของอากาศยานและค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Landing & Parking Charges), ค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges), ค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charges)
2.รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non – Aeronautical Revenues) ประกอบด้วย ค่าเช่าสำนักงานและพื้นที่ (Office and Real Property Rents),รายได้จากการให้บริการ (Service Revenues) และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (Concession Revenue)
โดยรายได้หลักของในส่วนนี้ คือ ค่าบริการผู้โดยสารขาออก ซึ่งถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ รายได้หลักในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังคงมีการระบาดของโรค โควิด-19 ภายในประเทศอยู่นั้น ทำให้ไม่สามารถมีการเดินทางหรือท่องเที่ยวได้ตามปกตินั้น ซึ่งถือได้ว่าส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยสัดส่วนของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น คิดเป็นประมาณ 10% ของจำนวน GDP ทั้งประเทศเลยทีเดียว ซึ่ง AOT ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อภาวะการระบาดของโรคในครั้งนี้
โดยจากผลการดำเนินงานในปี 2563 ที่ผ่านมา AOT มีรายได้รวมลดลง 31,291.28 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ที่ 64,384.75 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นจำนวนเกินกว่าครึ่งนึงเลยทีเดียวจากรายได้ที่เคยทำได้ในอดีตผ่านมา และในส่วนของกำไรสุทธินั้นอยู่ที่ 4,320.68 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 20,705.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 82.74 โดยจากการลดลงของรายได้นั้น ก็มาจากสาเหตุหลักๆ คือการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ซึ่งส่งผลต่อการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย และทั่วทุกภูมิภาคโลกต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวนั้นเอง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการในสนามบินและทางสายการบินเองก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและต้องประสบกับภาวะขาดทุนสะสมของตัวธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยทาง AOT ก็ได้มีมาตรการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและทางสายการบิน เบื้องต้น ไปจนถึง วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งมีการครอบคลุมเนื้อหาหลักๆในเรื่องของ การยกเว้นค่าเช่าพื้นที่ของผู้ประกอบการและสายการบินที่ยกเลิกการทำกิจการชั่วคราว, ปรับลดค่าเช่าพื้นที่ร้อยละ 50 ให้กับผู้ประกอบการที่ยังประกอบกิจการ, การยกเว้นค่าบริการที่เก็บอากาศยาน, ส่วนลดค่าให้บริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ในอัตราร้อยละ 50 เป็นต้น
1
อย่างไรก็ตามเมื่อเย็นวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ ทางด้าน นายกรัฐมนตรี ได้มีการออกมาประกาศว่า จะให้มีการเปิดประเทศ ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่สำคัญของทางรัฐบาลเองว่าจะสามารถทำได้อย่างที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ได้จริงหรือไม่ เพราะถ้าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่สามารถคลี่คลายได้โดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการควบคุมการแพร่ระบาดหรือการเร่งกระจายวัคซีนให้กับประชาชนเอง โดยกรณีที่ทำไม่ได้ตามเวลาที่กำหนดก็คงจะต้องทำการเลื่อนกำหนดการเปิดประเทศออกไปอีก ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะถือเป็นอีกปีนึงที่เลวร้ายสำหรับทาง AOT และ กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างแน่นอน
1
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลุงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก airportthai.co.th, set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
โฆษณา