หยุดได้หยุด! เหล่าคำพูดบั่นทอนจิตใจ โอบกอดตัวเองไว้เพราะคุณทำดีที่สุดแล้ว
.
“คราวก่อนก็ทำออกมาไม่ดี รอบนี้ก็คงทำไม่ได้หรอก”
“พูดออกไปอย่างนั้น เดี๋ยวต้องโดนเกลียดแน่ๆ”
“ไม่เก่งอะไรสักอย่างแบบนี้ จะไปทำอะไรได้”
.
คำพูดเหล่านี้ หากเป็นถ้อยคำที่เอ่ยออกมาจากปากใครสักคน ย่อมเป็นสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึกผู้ฟังไปไม่น้อยเลยทีเดียว แต่กลับกัน หากนี่เป็นเสียงสะท้อนอันแสนคุ้นเคยที่ดังก้องอยู่ในหัวของเราแทนล่ะ แถมยังมีเจ้าปีศาจตัวจิ๋วคอยกรอเทปคำพูดเหล่านี้วนอยู่ซ้ำๆเป็นประจำ ยิ่งเป็นการตอกย้ำ ให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดขึ้นไปอีกเท่าทวีคูณ
.
.
ตามลักษณะทั่วไปของมนุษย์ เป็นเรื่องปกติที่คนเรามักจะวางแผน ประเมินสถานการณ์ต่างๆ เอาไว้ล่วงหน้า เพื่อป้องกันสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต แต่หากการคาดการณ์เหล่านั้น เป็นการเฝ้าพะว้าพะวัง คอยคาดเดาถึงเหตุการณ์แต่ในแง่ลบ ว่าสิ่งนั้นจะต้องออกมาไม่ดีแน่ๆ แถมยังเฝ้าโทษตัวเองอีกว่า ที่เป็นแบบนี้ทั้งหมดนั้น ก็เป็นเพราะตัวเองไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ และไม่มีทางที่จะได้รับผลลัพธ์อะไรดีๆ กลับมา เราเรียกความคิดแบบนี้ว่าเป็น ‘Negative Self-Talk’
.
.
จะผิดอะไรก็แค่อยากเผื่อใจไว้ก่อน?
การเลือกใช้วิธีการในการจัดการแก้ไขปัญหาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน จึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่บางคนเลือกที่จะใช้วิธีเผื่อใจเอาไว้ก่อน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะออกมาไม่ดีในอนาคต แต่หากเป็นการคิดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ในแง่ลบแบบนี้บ่อยๆ อำนาจของความคิดนี้ สามารถส่งผลให้เกิดเป็นพฤติกรรมตามความคิดนั้นๆ ออกมาได้เช่นกัน
.
ตามหลักจิตวิทยาสังคมในเรื่องของ ABC หรือ CAB Model ได้พูดถึง ความคิดหรือการรับรู้ (Cognition) ที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกหรืออารมณ์ (Affection) ก่อนออกมาเป็นแนวโน้มพฤติกรรม (Behavior) และหากเกิดการทำซ้ำบ่อยๆ เข้า จะทำให้กลายมาเป็นทัศนคติ (Attitude) ที่เป็นเหมือนชุดความคิดฝังอยู่ในหัวตัวเองตลอดเวลา
.
ดังนั้น เมื่อมีความคิดในแง่ลบเช่นนี้บ่อยครั้งเข้า ในระยะยาวย่อมส่งผลให้กลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง และยังส่งผลต่อสุขภาพใจ ทำให้รู้สึกเหนื่อย ล้า ท้อ หมดหวัง เมื่อนานวันเข้าอาจกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคซึมเศร้าตามมาได้ด้วยเช่นเดียวกัน
.
.
อย่างไรก็ตาม การมี Negative Self-Talk อาจเรียกได้ว่าเป็นเกราะป้องกันหัวใจ เพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ในทางที่ดีควรมีความคิดนี้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพียงเพื่อคอยเตือนให้ตัวเองมีความระมัดระวัง แต่อย่าให้มีมากเกินไป จนกลายมาเป็นพลังลบแก่ใจตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้ว คงไม่มีใครสามารถทำร้ายใจเราได้ร้ายแรงเท่าเราทำร้ายใจตัวเองอีกแล้ว
.
และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ไม่เป็นไรเลยถ้าวันนี้คุณจะยังรู้สึกไม่ดีพอ” ไม่ต้องกดดันตัวเองมากจนเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือการค่อยเป็นค่อยไป และทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ผลลัพธ์จากความพยายามและความตั้งใจของคุณจะส่งผลให้เห็นเองในไม่ช้า และเมื่อถึงตอนนั้น ก็อย่าลืมที่จะชื่นชมตนเองเมื่อประสบความสำเร็จ และให้อภัยตนเองเมื่อเกิดข้อผิดพลาด
.
สุดท้ายนี้ ก็อย่าลืมที่จะให้รางวัลชีวิตแก่ตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดดีๆ คอยปลอบประโลมจิตใจตัวเองในวันที่ท้อ หรืออาจตอบแทนความสำเร็จด้วยการออกไปหาอะไรกินอร่อยๆ ปิ้งย่าง ชาบูสักมื้อ ไม่ก็ชานมไข่มุกหวาน 100% ให้ชื่นใจสักแก้ว มอบให้เป็นของขวัญกับตัวเราคนเก่ง ที่สู้จนผ่านพ้นวันแย่ๆ วันนี้ไปได้อีกวัน
.
.
เพราะท่ามกลางโลกที่แสนวุ่นวาย ปัญหาที่ต่างประเดประดังพร้อมใจกันถาโถมเข้ามาในชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ตอนนั้นจะทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าไม่มีใครเข้าใจหรืออยู่เคียงข้างกาย
.
แต่ในท้ายที่สุดยังไง เราก็จะยังมี
‘ตัวเรา’ ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้
‘ตัวเรา’ ที่ยังรักเรามากที่สุด
และมีเพียง ‘ตัวเรา’ ที่จะสามารถอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต
.
โปรดโอบกอดตัวเองไว้ ยิ้มให้กับตัวเราคนนั้นที่สะท้อนอยู่ในกระจก อย่างน้อยในวันที่แย่ที่สุด คนในภาพสะท้อนนี้ก็จะยังโอบรับและคอยให้กำลังใจตัวคุณได้เสมอ
.
.
ได้โปรดจงรักและให้กำลังใจตัวเองให้มาก เพราะตัวคุณนั้นมีคุณค่าที่สุดแล้ว
.
.
อ้างอิง:
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#behavior