22 มิ.ย. 2021 เวลา 02:43 • ธุรกิจ
สี Jotun สีที่ใช้ทา หอไอเฟล ในฝรั่งเศส และตึกที่สูงสุดในโลก ในดูไบ
1
โจตัน (Jotun) หรือที่บางคนเรียกกันว่า สีทาบ้าน ตรานกเพนกวิน
ซึ่งเรามักจะเข้าใจผิดกันมาเสมอ ว่ามาจากประเทศญี่ปุ่น
แต่แท้จริงแล้ว สีแบรนด์นี้ มีบ้านเกิดอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์..
2
รู้ไหมว่า สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ของโลก ใช้สีโจตัน ในการทาเคลือบพื้นผิวภายนอก
ยกตัวอย่างเช่น
- The Burj Khalifa ตึกที่สูงที่สุดในโลก ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- The Eiffel Tower หอไอเฟล ในประเทศฝรั่งเศส
- The Petronas Towers ตึกแฝดปิโตรนาส สัญลักษณ์ของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
- Marina Bay Sands โรงแรมและกาสิโนที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศสิงคโปร์
2
แล้วเรื่องราวของสีโจตัน ที่เริ่มต้นจากประเทศที่มีประชากรไม่มาก ปัจจุบันมีเพียง 5 ล้านคน
ได้กลายเป็นแบรนด์ ที่ได้รับความไว้วางใจ และมีชื่อเสียงไปทั่วโลกได้อย่างไร ?
ก่อนอื่นต้องย้อนความหลังไปยัง จุดกำเนิดของสีโจตัน กันก่อน
ในปี ค.ศ. 1920 คุณ Odd Gleditsch ได้เริ่มต้นธุรกิจสี จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสีในประเทศนอร์เวย์
โดยสีที่เขาจำหน่าย จะเป็นสีที่ใช้สำหรับทาเรือล่าปลาวาฬ ในประเทศนอร์เวย์
ซึ่งในช่วงนั้นเอง อาชีพล่องเรือล่าปลาวาฬ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
1
พอธุรกิจไปได้สวย จึงทำให้คุณ Gleditsch มีความคิดอยากเริ่มทำการผลิตสีเป็นของตัวเอง
ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1926 เขาได้เปิดบริษัท “Jotun Kemiske Fabrik A/S” ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 2 แสนบาท เพื่อผลิตสีจำหน่าย ภายใต้แบรนด์โจตัน
เวลาผ่านมาเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น สีโจตัน ก็มียอดขายถล่มทลาย จากนวัตกรรมสี “Arcanol” ซึ่งเป็นนวัตกรรมในการป้องกันการเกิดสนิม สำหรับสีทาเรือ
1
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นวัตกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษย์มาในทุกยุคทุกสมัย
ใครช่วงชิงพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์ ที่เสริมมูลค่าให้กับสิ่งของที่ดูธรรมดา ให้กลายเป็นของพิเศษได้ก่อน ก็ย่อมได้เปรียบ
3
จากความสำเร็จกับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สี Arcanol ในครั้งนั้น
จึงทำให้คุณ Gleditsch มองเห็นโอกาส ที่จะนำนวัตกรรมเข้ามาสู่ผลิตภัณฑ์สีทาภายนอกและภายในอื่น ๆอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
 
- สีทาภายนอกอาคาร “Drygolin” นวัตกรรมที่ทำให้สีเกิดความติดทนนาน สีไม่เปลี่ยน ทนแดด
- สีทาภายในอาคาร “Fenom” นวัตกรรมที่ทำให้สีเกิดความเรียบเนียน และลดกลิ่นที่แรง
2
สำหรับสี Fenom ตัวนี้ บริษัท โจตัน กรุ๊ป เอง ได้เล็งเห็นถึงการบุกสู่ตลาดค้าปลีก ด้วยการตั้งราคาสินค้าที่ไม่สูงมาก จึงทำให้สีโจตัน สามารถเจาะกลุ่มตลาดลูกค้ารายย่อย ได้ง่ายขึ้น
1
หลังจากบริษัท โจตัน กรุ๊ป กลายเป็นผู้ผลิตสีรายแรก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในประเทศนอร์เวย์
ในปี ค.ศ. 1965 บริษัทจึงได้เริ่มขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ
1
โดยการขยายในครั้งนี้ คุณ Gleditsch ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของ การจัดตั้งศูนย์กลางกระจายสินค้า และการจัดตั้งโรงงานผลิตสีในประเทศที่มีค่าแรงงานที่ถูก โดยจะต้องมีความสะดวกในการเป็นจุดศูนย์กลางในการขนส่งไปยังประเทศอื่น ๆ ในทวีป
3
ซึ่งประเทศแรกที่โจตัน เลือกไปตั้งโรงงานผลิตสี คือ ประเทศลิเบีย ซึ่งอยู่ติดกับประเทศอียิปต์ ในทวีปแอฟริกา
1
ส่วนที่มาของโลโกโจตัน คุณ Gleditsch ต้องการเปรียบคุณภาพของสีทาอาคารโจตัน ให้เหมือนกับ “นกเพนกวิน ที่นำสีสันมาสู่โลก”
 
ซึ่งนกเพนกวิน ในความเชื่อของชาวนอร์เวย์ จะเป็นนกที่สวรรค์สร้างขึ้นมา
ทำให้มีความแข็งแกร่ง สามารถทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรง เฉกเช่นเดียวกับคุณภาพสีของโจตัน
เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของโลโกรูปนกเพนกวิน ที่ปรากฏทับอยู่บนลูกโลก นั่นเอง
1
ในปี ค.ศ. 1970 คุณ Odd Gleditsch Junior ซึ่งเป็นรุ่นลูก ก็ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจผลิตสีแห่งนี้ต่อจากคุณพ่อ
1
การเข้ามาของคุณ Gleditsch Junior กับความคิดในการนำนวัตกรรม เข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์สี
ก็ได้ทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่แพ้รุ่นพ่อ
ถึงแม้ว่าบริษัท โจตัน กรุ๊ป จะประสบวิกฤติครั้งใหญ่
โดยโรงงานผลิตสีในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญ เกิดไฟไหม้ใหญ่ขึ้นในปี ค.ศ. 1976
แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้คุณ Gleditsch Junior เกิดความย่อท้อ แต่อย่างใด
1
แทนที่เขาจะใช้เวลาในการฟื้นฟูโรงงานเพียงอย่างเดียว
คุณ Gleditsch Junior กลับมองว่าจังหวะนี้ เขาต้องรีบกู้ชื่อเสียง และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และหุ้นส่วนคืนมา โดยการทำตามแผนขยายสาขาที่วางไว้ตั้งแต่เดิม ก่อนเกิดไฟไหม้
หลังจากนั้นบริษัทได้ขยายสาขาและโรงงานการผลิต เข้ามาอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นครั้งแรก
และประเทศที่เหมาะสมกับการลงทุน ในมุมมองของคุณ Gleditsch Junior ก็คือ ประเทศไทย นั่นเอง
1
ปัจจุบันสีโจตัน ขยายไปไกลมากกว่า 45 ประเทศ และมีมากกว่า 100 สาขาทั่วโลก
รวมถึงจัดตั้งโรงงานผลิตสี 38 แห่ง ใน 23 ประเทศทั่วโลก
สีโจตัน ที่มีการขยายธุรกิจไปทั่วโลกแบบนี้ มีผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2019 มีรายได้ 74,300 ล้านบาท กำไร 5,800 ล้านบาท
ปี 2020 มีรายได้ 79,600 ล้านบาท กำไร 8,900 ล้านบาท
1
ผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้ดีที่สุด คือ สีทาภายในอาคาร คิดเป็นส่วนแบ่งรายได้ทั้งหมด 40%
โดยกลุ่มลูกค้าหลัก จะเป็นประเภทลูกค้ากลุ่มครัวเรือนทั่วไป
ถ้าถามว่า แบรนด์โจตัน มองโลกในอนาคต อีก 5-10 ปีข้างหน้า
และเตรียมพร้อมรับมือกับบทบาทของเทคโนโลยี ที่กำลังพัฒนาขึ้นตามยุคสมัยอย่างไร ?
คุณ Odd Gleditsch d.y. ผู้เป็นหลาน ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า
บริษัท โจตัน กรุ๊ป ได้มองการเติบโตไว้ใน 3 รูปแบบ
1. การโอบกอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม เหมือนที่บริษัททำมาอยู่ตลอด
แต่จะขยายไปยังเทคโนโลยี ในเรื่องของการทำความสะอาดสี และเรื่องของนวัตกรรม ที่จะทำให้สีสามารถเคลือบวัสดุได้คงทนมากขึ้น
2
2. พนักงานคือหัวใจสำคัญ
ไม่ว่าโลกจะหมุนไปเร็วหรือไกลเท่าไร
แต่มนุษย์ที่มีความคิดอิสระและสร้างสรรค์ ย่อมจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือเทคโนโลยีอย่างแน่นอน
3. การขยายความหลากหลาย ในการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ให้มากขึ้นกว่าเดิม
เช่น ขยายให้สี มีความสามารถพิเศษสำหรับวัสดุก่อสร้าง ที่ทันสมัยขึ้น
รวมไปถึงในส่วนของ การให้บริการ การออกแบบภายในและภายนอก กับลูกค้า
อ่านถึงตรงนี้ เราก็คงจะได้เห็นความเป็นมา กลยุทธ์ทางธุรกิจของแบรนด์สีทาอาคารและเรือระดับโลก อย่างโจตัน กันไปเรียบร้อยแล้ว
รู้ไหมว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท ก็คือ ทัศนคติของความเป็นผู้นำ อย่างคุณ Odd Gleditsch จากรุ่นพ่อสู่รุ่นหลาน
1
คุณ Odd Gleditsch ผู้ก่อตั้งบริษัท เคยเผยเคล็ดลับออกมาว่า
“ถ้าผมมีอาวุธลับ นั่นคงเป็นความสามารถของผม ในการหาพนักงาน การตั้งใจฟังแนวความคิด และคำแนะนำจากพวกเขาเหล่านั้น”
2
ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาพนักงานให้มีความสามารถ และเฟ้นหาพนักงานที่มีความสามารถหลากหลาย แบบนี้เอง เป็นอีกหนึ่งวิธีการคิดที่สำคัญ ที่ทำให้โจตันประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อย่างทุกวันนี้
โฆษณา