23 มิ.ย. 2021 เวลา 05:35 • หนังสือ
sputnik sweet heart
รักเร้นในโลกคู่ขนาน
ผู้แต่ง : haruki murakami
สำนักพิมพ์ : กำมะหยี่
จำนวนหน้า : 271 หน้า
ราคาปก : 240 บาท
นี่มันนิยายอะไรกันเนี่ย!!!
มันคือเสียงอุทานของฉันเองในตอนที่อ่านนิยายเรื่อง sputnik sweet heart จบ
ปกติแล้วตัวของฉันเองไม่ค่อยจะถูกโรคกับนิยายของ haruki murakami เสียเท่าไหร่ ที่ไม่ชอบนี่ก็คงจะเป็นเพราะว่า เขาเป็นคนที่สามารถจะเขียนเรื่องราวความเป็นจริงในสังคมออกมาได้อย่างตรงไปตรงมามากเกินไปละมั้ง หรือไม่ มันก็เป็นตัวของฉันเองที่เสแสร้งมากเกินกว่าที่จะยอมรับความจริงของโลกได้ หรืออาจทั้งสองอย่าง
เราต้องยอมรับเรื่องของสำนวนการแต่งและสำนวนการแปลของนิยายเรื่องนี้ ถ้าหากใครคนหนึ่งคิดอยากจะได้นิยายที่อ่านเพลินๆ เรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่ฉันแนะนำ หรือถ้าหากใครคนหนึ่งบอกว่าอยากที่จะอ่านนิยายที่ต้องใช้ความคิด ฉันก็แนะนำนิยายเรื่องนี้อีก
การแต่งนิยายเรื่องนี้ของเขา ฉันสามารถพูดสั้นๆได้แต่ว่า อ่านได้เรื่อยๆแล้วก็ต้องต้องพลิกหน้าต่อไปอยู่ตลอดเวลาเพราะมันไม่สามารถที่จะหยุดได้ มันเหมือนกับนิยายสืบสวนอยู่หน่อยๆนะ ตรงที่ทุกๆหน้าที่จบลง หรือแต่ละบทที่จบลง มันกระตุ้นให้ตัวของฉันเอง อยากที่จะรู้เนื้อหาต่อไปอยู่ตลอดเวลา และในขณะที่อ่าน ฉันก็จะมีแต่คำถามภายในใจเต็มไปหมด นี่มันอะไรเนี่ย นี่มันอะไร แบบนี้ค่ะ
murakami เป็นคนที่แต่งนิยายไปเรื่อยๆค่ะ บทบรรยายของตัวเขาเองนั้นก็ไหลลื่นและทำให้เราสามารถที่จะจินตนาการถึงสภาพแวดล้อมรอบๆตัวละครได้อย่างแจ่มชัดในหัว แน่นอนว่าถ้าเขาบรรยายได้ละเอียดขนาดนี้ ถ้าพูดถึงบทของเรื่องบนเตียง หรือบทที่อธิบายเกี่ยวกับรูปร่างลักษณะของผู้หญิง ผู้ชายคนนี้ก็พูดเสียละเอียดลออเหมือนกันค่ะ นี่ก็นับว่าเป็น signature ของเขาแหละ ไม่ว่าจะอ่านหนังสือของเขามากี่เล่ม ฉันก็เจอแบบนี้เสมอๆค่ะ
นิยายเรื่องนี้ยังออกแนวรักชุลมุน และก็เป็นความรักที่เปิดกว้างไปตามยุคสมัย
มันเป็นเรื่องของตัวเอก 3 คน ซึ่งก็คือ สุมิเระ มิว และผมซึ่งเป็นคนบรรยายนิยายเรื่องนี้เกือบตลอดทั้งเล่ม พูดง่ายๆก็เหมือนกับว่านิยายเรื่องนี้ส่วนมากนั้นมาจากคำบอกเล่าของคนว่าผมนั่นเอง
และที่บอกว่ารักชุลมุนนี่ก็คือ ผมหลงรักสุมิเระ แต่สุมิเระไม่ได้รักผมกลับไปรับมิว ส่วนมิวเองนั้นก็กลับมีสามีอยู่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสนใจสุมิเระอยู่เหมือนกัน อ้อ ฉันคงลืมบอกไปว่า สุมิเระ และ มิวนะ เป็นผู้หญิงทั้งคู่
เรื่องราวความสัมพันธ์ของคนทั้งสามนั้น เกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ แถมในตอนจบของเรื่อง ฉันคิดว่าน่าจะมีคนอ่านที่แบ่งเป็น 2 พวก ก็คือหนึ่ง มันช่างเป็นตอนจบที่น่าประทับใจอะไรอย่างนี้ กับ 2 นี่มันนิยายอะไรกันเนี่ยแบบฉัน
จะมีประโยชน์วรรคทองสำหรับตัวฉันที่ชอบมากๆอยู่ 2 ประโยคจากนิยายเรื่องนี้
ประโยคแรกคือประโยคที่มิวพูดกับสุมิเระในตอนที่สุมิเระถามกับมิวว่า “คุณเลิกเล่นเปียโนง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง หนูคิดว่าคุณยอมสละหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อจะเป็นนักเปียนโนจริงไหม”
แล้วมิวก็ตอบกลับมาว่า “ฉันไม่ได้เสียสละหลายสิ่งเพื่อเปียโน ฉันเซ่นสังเวยทุกสิ่งที่มี”
ฉันชอบคำว่า เซ่นสังเวยทุกสิ่งที่มี มาก มันให้อารมณ์ที่บีบคั้นและกดดัน จนบางทีฉันก็อดคิดถึงบางช่วงในชีวิตของฉันไม่ได้
ส่วนอีก 1 ประโยคที่ฉันชอบมาก ก็เป็นประโยคที่ผมคิดในใจว่า ‘มิวคนที่ผมเห็น ไม่ใช่มิวที่โบกมืออำลาผมในเวิ้งอ่าวของเกาะกรีก เวลาผ่านไปปีหนึ่ง เธอเป็นคนอื่นคนใหม่ คนแปลกหน้า’
ประโยคนี้มันทำให้ฉันคิดอะไรหลายอย่าง บางที อาจจะมีตัวของเราอีกคนนึง อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลก หรืออาจจะเป็นที่ไหนสักแห่งที่เราไม่รู้จัก ถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะถือว่าเป็นเราหรือเปล่านะ หรือแม้กระทั่งว่า เราในวันนี้จะถือว่าเป็นเราในอดีตหรือเปล่า แล้วเราในวันนี้จะใช่เราในอนาคตอีกหรือเปล่า
เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ข้อสรุปง่ายๆสำหรับการอ่านนิยายเรื่องนี้ บางทีการอ่านแค่ครั้งเดียวอาจจะมอบความบันเทิงให้กับคุณได้ แต่ถ้าคุณอยากให้ชีวิตได้มีอะไรที่ต้องขบคิด อ่านไปหลายๆรอบน่าจะดีกว่า
โฆษณา