23 มิ.ย. 2021 เวลา 11:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จัก BEM เจ้าของสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดิน
BEM หรือชื่อเต็มๆคือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เกิดจากการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) และ รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ในช่วงเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2558 โดยมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) จำนวน 4,787,121,829 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 31.32% (อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 22/06/64)
3
โดยลักษณะธุรกิจของ BEM สามารถแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจหลักๆ ได้แก่
1.ธุรกิจทางพิเศษ (ทางด่วน) โดยทาง BEM และบริษัทย่อย NECL(บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด) ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับก่อสร้างและบริหารทางพิเศษ เป็นผู้รับสัมปทานในการก่อสร้างและบริหารทางพิเศษรวม 3 เส้นทาง ประกอบด้วย
-ทางพิเศษศรีรัช (ส่วน A พระราม 9–รัชดาภิเษก, ส่วน B พญาไท–บางโคล่, ส่วน C รัชดาภิเษก–แจ้งวัฒนะ, ส่วน D พระราม 9 - ศรีนครินทร์) มีระยะทางรวมกันที่ 38.5 กิโลเมตร โดยเป็นการทำสัญญากับทางการพิเศษแห่งประเทศไทย หรือเรียกย่อๆว่า กทพ. ในระยะเวลาสัมปทานเป็นเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2540
 
-ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ภายใต้สัญญาร่วมกันกับ กทพ. มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2555 มีระยะทาง 16.7 กิโลเมตร
- ทางพิเศษอุดรรัถยา เป็นโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด กับทาง กทพ. เป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2539 โดย NECL (บริษัทย่อย BEM) เป็นผู้ก่อสร้างและบริหารทางพิเศษอุดรรัถยา ซึ่งประกอบด้วยทางพิเศษ 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 แจ้งวัฒนะ-เชียงราก และระยะที่ 2 เชียงราก-บางไทร โดยจะเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 32 กิโลเมตร
 
ส่วนลักษณะของการเก็บเงินนั้น
จะเป็นทางกทพ.ที่ทำการเก็บเงินทั้งหมดไว้ แล้วจึงนำไปจ่ายให้กับ BEM ทีหลัง ซึ่งจะนำรายได้จากทางพิเศษมารวมกันและแบ่งตามเกณฑ์พื้นที่ ดังนี้
9 ปีแรก BEM ได้รับส่วนแบ่ง 60% กทพ. 40%
9 ปีหลัง BEM ได้รับส่วนแบ่ง 40% กทพ.60%
และในระยะเวลาระหว่าง 9 ปีแรกและ 9 ปีหลัง จะได้รับส่วนแบ่งเท่ากันที่ 50%
1
โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา ทาง BEM ได้รับการต่อสัมปทาน เส้นทางศรีรัช ส่วน A, B, C, D ให้ไปสิ้นสุดพร้อมกันในเดือน ตุลาคม ปี 2578 เพื่อแลกกับการที่บริษัทฯต้องยุติข้อพิพาทกับการทาง กทพ. จำนวนทั้งสิ้น 17 คดี ที่คิดเป็นมูลค่ากว่า 58,873 ล้านบาท ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่าได้คลายความกังวลของนักลงทุนส่วนใหญ่ ที่กังวลเกี่ยวกับคดีความฟ้องร้องและสัมปทานที่ใกล้จะหมดอายุไปได้สักที
2.ธุรกิจระบบราง (รถไฟฟ้าใต้ดิน) ปัจจุบัน BEM เป็นผู้รับสัมปทานการให้บริการเดินรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนจำนวน 2 โครงการ จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ได้แก่
- โครงการรถไฟฟ้าเฉลิมรัชมงคล(สายสีน้ำเงิน) ระยะทางรวม 48 กิโลเมตร 38 สถานี โดย BEM เป็นผู้มีสิทธิในรายได้ทั้งหมดของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เป็นระยะเวลา 30 ปี
- โครงการรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม(สายสีม่วง) ระยะทาง 23 กิโลเมตร เป็นสถานียกระดับทั้งหมด 16 สถานี โดยในส่วนนี้ รฟม. เป็นผู้มีสิทธิในรายได้ทั้งหมด โดยได้จ้าง BEM เป็นผู้บริหารการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษาตลอดอายุสัมปทาน 30 ปี
2
โดยในปัจจุบัน BEM ก็เพิ่งจะได้รับขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อีก 30 ปี โดยจะไปสิ้นสุดในปี 2592 อีกทั้งบริษัทฯยังได้สัญญาจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงเพิ่มอีก 30 ปี ในส่วนของสายสีม่วงอีกด้วย
ภาพเส้นทางการเดินรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน-ม่วง (ที่มา bemplc.co.th)
3.ธุรกิจเชิงพัฒนาพาณิชย์ (สื่อ โฆษณา ร้านค้า ในเขตพื้นที่ทางพิเศษและรถไฟฟ้าใต้ดิน) โดย BEM และบริษัทย่อย BMN(บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด) ที่ทำธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ ร่วมกันบริหารในการจัดหาสื่อโฆษณา จัดสรรพื้นที่ให้เช่า และให้บริการสำหรับตัวโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
นอกจากนี้ ในส่วนของทางพิเศษ ทางบริษัทฯได้เปิดให้บริษัทเอกชนและบุคคลทั่วไปใช้พื้นที่ในการทำป้ายโฆษณาในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งให้ใช้พื้นที่ทำร้านค้าบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง และการดำเนินธุรกิจอื่นๆอีกด้วย
อย่างไรก็ตามจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 63 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ในเขตกทม.ต้องอยู่แต่ในบ้าน และไม่สามารถเดินทางตามปกติได้นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อตัวธุรกิจ BEM เต็มๆ เนื่องจากสัดส่วนรายได้หลักนั้น มาจากทางพิเศษ ที่คิดเป็น 60% ของรายได้หลัก และระบบรางที่ 33% และพาณิชย์อีก 7% หรือถ้าจะพูดง่ายๆ คือ ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ รายได้ของ BEM ก็จะลดลงตามนั้นเอง
โดยในไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้รวม 3,185 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 305 ล้าน ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับในไตรมาสเดียวกัน ของปี 63 ที่ 3,889 ล้านบาท กำไรสุทธิ 508 ล้านบาท
1
สืบเนื่องจากในปัจจุบัน ยังคงมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และปัญหาการเลื่อนฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป ที่หวังจะเร่งทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในจำนวนประชากรส่วนมากต้องล้าช้าออกไปอีก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครสามารถบอกได้เลยว่า ภายใน 120 วันที่ประเทศไทยมีแผนจะเปิดประเทศนั้น ถึงตอนนั้นสถานการณ์จะคลี่คลายและพวกเราจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติได้จริงหรือไม่
1
ทั้งนี้ในมุมมองของตัวธุรกิจ BEM นั้น ถือว่าเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งและค่อนข้างจะผูกขาดในระดับหนึ่ง เนื่องจากตัวโครงการส่วนใหญ่นั้นเป็นสัมปทานระยะยาวทั้งหมด อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทฯก็ได้มีการร่วมทุนกับทางกลุ่ม ซี.พี. คว้าสัมปทาน 50 ปี ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ด้วยวงเงินกว่า 2.5 แสนล้าน มาครองและยังมีการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีคู่แข่งอย่าง BTS เข้าร่วมประมูล ที่คาดว่าจะรู้ผลกันในปีนี้อีกด้วย
1
ซึ่งนักลงทุนอย่างเราก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า พอสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว ในอนาคต BEM จะสามารถเดินไปได้อีกไกลแค่ไหน
2
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลุงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก bemplc.co.th, set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
โฆษณา