Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
no name
•
ติดตาม
25 มิ.ย. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
" ช่วงเวลาแห่งจักรพรรดิ "
ชื่อของ อาเดรียโน่ กลายเป็นชื่อนักเตะที่หลายคนคงรู้จัก แม้จะไม่ทันดูตอนที่เขายังค้าแข้งโลดแล่นอยู่บนเวทีกัลโช่ เซเรีย อา
เรื่องราวของ อาเดรียโน่ โดนนำมาฉายซ้ำในฐานะยอดนักเตะพรสวรรค์สูง แต่เกิดปัญหาในชีวิตทำให้เส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพต้องหลุดออกจากรางไป
เขาถูกยกว่าจะเป็นทายาทของ โรนัลโด้ R9 กับการเป็นยอดกองหน้าเบอร์ 1 ของบราซิลและของโลก ซึ่งจากคุณสมบัติที่เขามี มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะถูกมองแบบนั้น
มีนักเตะกี่คนในโลกที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ให้การยอมรับโดยไม่มีข้อแม้
ทั้งคู่เคยเล่นด้วยกันที่ อินเตอร์ มิลาน แม้จะไม่นานเพราะมันเป็นช่วงที่ อาเดรียโน่ หลุดจากเส้นทางพอดี แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ ซลาตัน จะสัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของ อาเดรียโน่
สิ่งที่ ซลาตัน มีในฐานะนักฟุตบอล อาเดรียโน่ มีหมดและอาจจะเหนือกว่าด้วย ไม่ว่าจะเป็น รูปร่าง ความแข็งแรง ความไว เทคนิค การจบสกอร์ ไปจนถึงเซนส์ฟุตบอล ต่างกันที่ อาเดรียโน่ ถนัดซ้าย
1
อาเดรียโน่ มาจาก ฟาเวล่า หรือชุมชนแออัด ที่มีชื่อเสียงเรื่องยาเสพติด ความรุนแรง และอาชญากรรม ทว่าสำหรับเขา นั่นคือชีวิต เขาไม่ได้รู้สึกแย่ เขาสนุกกับกิจกรรมที่ได้ทำตั้งแต่วัยเด็กจนเติบโตขึ้นมาในฟาเวล่า
ในฐานะนักเตะเขาเก่งแต่เด็ก เกือบโดน ฟลาเมงโก้ เขี่ยทิ้งตอนอายุ 15 เพราะจับไปเล่นแบ็กซ้าย แต่เมื่อสลับให้เขาไปยืนกองหน้า ฟลาเมงโก้ ถึงรู้ว่าตัวเองได้ค้นพบอสูรกายในสนาม
อายุ 18 ก็ระเบิดฟอร์มให้ฟลาเมงโก้ และติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ อายุ 19 อินเตอร์ มิลาน ก็คว้าตัวไปร่วมทีม เด็กจากฟาเวล่า กลายเป็น "จักรพรรดิ" ภายในเวลาแค่ 2 ปี มันรวดเร็วมาก
ขวบปีที่ปาร์ม่า บนวัย 20 ปีคือช่วงที่เขาบอกให้โลกลูกหนังรู้ว่าเขาคือของจริง จนอินเตอร์ มิลาน ต้องยอมจ่ายสัญญาแพง ดึงตัวกลับมาอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ
ทุกวันนี้ คนรู้กันว่า อาเดรียโน่ เสียหลักหลังจากพ่อของเขาเสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัวจากหัวใจวายเมื่อปี 2004 จนเขากู่ไม่กลับ
อย่างไรก็ตาม ขวบปีระหว่างซัมเมอร์ปี 2004 ถึงปี 2005 มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ อาเดรียโน่ มีฟอร์มที่พีคสุดในชีวิต มันคือช่วงเวลาแห่งจักรพรรดิ โดยแท้จริง
ไม่เพียงแค่ผลงานกับ อินเตอร์ มิลาน แต่รวมไปถึงในนามทีมชาติด้วย อาเดรียโน่ กระชากบราซิล เข้าป้ายเป็นแชมป์ 2 รายการ คือ โกปา อเมริกา 2004 และ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2005 โดยเป็นการเอาชนะอริตลอดกาลอย่าง อาร์เจนติน่า ในนัดชิงชนะเลิศทั้ง 2 ครั้ง
อาเดรียโน่ ยิงให้บราซิลในปี 2004 ไปทั้งสิ้น 9 ประตูจาก 11 นัด และยิงในปี 2005 อีก 10 ลูกจาก 12 นัด นั่นคือเวลาทองของเขา
1
โกปา อเมริกา 2004 ที่เปรู เขาทำไปทั้งสิ้น 7 ประตู คว้าดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ไปครอง แต่ประตูสำคัญสุดคือในนัดชิงชนะเลิศที่เจอกับ อาร์เจนติน่า
ทีมฟ้าขาวของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ได้ประตูนำบราซิล 2-1 ในนาทีที่ 87 เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของอาร์เจนติน่า แต่ในนาทีที่ 90+3 บราซิลเปิดโด่งเข้าเขตโทษ บอลมาตกใส่ อาเดรียโน่ ที่กลับตัวยิงด้วยซ้ายเต็มข้อตีเสมอ 2-2 แน่นอน อาร์เจนติน่า พังแล้วในเรื่องของสภาพจิตใจ เมื่อมาถึงการดวลจุดโทษ บราซิลจึงชนะไปไม่ยาก 4-2 โดย อาเดรียโน่ ยิงเปิดหัวให้บราซิลด้วย
1 ปีต่อมา เยอรมัน เป็นเจ้าภาพคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ทัวร์นาเมนต์ที่เป็นเหมือนการซ้อมใหญ่ก่อนจัดฟุตบอลโลกในปี 2006
คราวนี้ บราซิล ไม่ได้มาเล่นๆ ไม่ได้ใช้นักเตะ ชุดรอง และนักเตะในประเทศมาผสมผสานเหมือน โกปา อเมริกา เพราะหนนี้ แข่งกันในทวีปยุโรป ที่เยอรมัน แข้งดาวดังส่วนใหญ่ที่เล่นในลีกใหญ่ยุโรปอยู่แล้วจึงพาเหรดมากันครบ
ดีด้า, ลูซิโอ, โรเก้ จูเนียร์, เอเมอร์สัน, เซ โรแบร์โต้, ไมค่อน, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่, โรบินโญ่ และ 3 จาก 4 มหัศจรรย์คือ กาก้า, โรนัลดินโญ่ และ อาเดรียโน่ ขาดไปเพียง โรนัลโด้ ที่ขอถอนตัวเพราะมีปัญหาส่วนตัวในขณะนั้น
บราซิล มาเอาจริงเมื่อถึงรอบน็อคเอาท์ พวกเขาเอาชนะเยอรมันเจ้าภาพ 3-2 โดยที่ อาเดรียโน่ ทำ 2 ประตู จากนั้นเข้าไปชิงชนะเลิศกับ อาร์เจนติน่า ที่หนนี้เปลี่ยนกุนซือจากบิเอลซ่า มาเป็น โฮเซ่ เปเกร์มัน
ทุกคนคาดหวังเกมสุดมันสุดสูสีและตื่นเต้นเหมือนเมื่อ 1 ปีก่อน แต่หนนี้ มันเป็นฟุตบอลที่บราซิลอาศัยความหนักหน่วงและแม่นยำกว่าของเกมรุก อัดอาร์เจนติน่ากระจาย 4-1
อาเดรียโน่ทำไปอีก 2 ประตู มันเป็นช่วงที่เขาไม่สามารถหยุดยั้งได้จริงๆ เมื่อบวกกับ กาก้า และโรนัลดินโญ่ อีกคนละประตู เกมจึงจบตั้งแต่นาทีที่ 47 แม้ว่า ปาโบล ไอมาร์ จะโหม่งให้อาร์เจนติน่าไล่มา 1 ประตู แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นแล้ว
ระหว่าง 2 ทัวร์นาเมนต์นี้เองที่ อาเดรียโน่ ต้องรับมือกับปัญหาสภาพจิตใจอย่างหนัก แม้ฟุตบอลในฤดูกาล 2005/06 ของเขาจะทำได้ไม่เลว ผลงานในฟุตบอลโลก 2006 ก็ไม่น่าเกลียด เพราะยิงไป 2 ประตูจาก 4 นัด แต่มันคือ อาเดรียโน่ ในสภาพที่ไม่ใช่ จักรพรรดิ คนเดิม
เมื่อไม่นานมานี้เองที่เขาให้สัมภาษณ์ชัดเจนอีกครั้งว่าเหตุผลง่ายๆ สำหรับเขา ที่ทำให้เขาใจสลาย หันเข้าหาแอลกอฮอล์ ก็คือเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตกระทันหัน ทุกอย่างมันหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือกลับสู่รากเหง้าของตัวเอง สังคมและชุมชนอันอบอุ่น ที่แม้ภายนอกจะมองยังไงก็ตาม มันคือ"ครอบครัว"ของเขา ในที่สุด มัสซิโม่ โมรัตติ ก็ยอมปล่อยเขากลับบราซิล
เขาเปิดเผยรายละเอียดถึง 9 วัน ที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง และนั่นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ อาเดรียโน่ เปลี่ยนไปตลอดกาล
1
"คุณรู้ไหม บางครั้งผมคิดว่าผมเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่โดนเข้าใจผิดมากสุดในโลก ผู้คนไม่เข้าใจจริงๆว่าอะไรเกิดขึ้นกับผม พวกเขาเข้าใจเรื่องผิดหมด มันง่ายๆ ตรงไปตรงมา"
1
"มันเป็นช่วงเวลา 9 วัน ผมเดินจากวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิต สู่วันที่เลวร้ายสุดในชีวิต มันตกจากสรวงสวรรค์สู่นรกอย่างแท้จริง"
"25 กรกฎาคม 2004 โกปา อเมริกา นัดชิงชนะเลิศกับ อาร์เจนติน่า ซึ่งชาวบราซิลทุกคนจำเกมนั้นได้ดี เรากำลังจะแพ้ให้พวกเชี่ยนั่นในช่วงอีกไม่กี่นาทีสุดท้าย พวกนั้นเริ่มกวนตีนเรา ล้อเรา พยายามยั่วโมโหเราเพื่อจะได้ถ่วงเวลาได้อีก หลุยส์ ฟาเบียโน่ อยากจะตั๊นหน้าพวกมันทุกคน! ฮ่าๆๆ 'ลืมเกมการแข่งขันแล้ว ไปไล่กระทืบพวกเชี่ยนั่นเหอะ' เขาบอก"
"หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นบทกวี เหมือนในหนังเลย มันคือบทเพลง ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่มันไม่ใช่ความจริงแหงๆ"
"บอลมันลอยเข้ามาในเขตโทษ ยังงงๆ กันอยู่ ทั้งชน ทั้งศอก ผมมองไม่เห็นเชี่ยอะไรเลย ถ้าคุณย้อนไปดูวีดีโอ ผมชักศอกใส่ใครเข้าสักคนนี้แหละ แต่แล้ว ทันใดนั้นบอลก็ตกมาที่เท้าผม ของขวัญจากสวรรค์"
"ผมคิดในใจ 'โอ บอลตกมานี่ซะงั้น สวยมากเลยไอ้ห่าเอ้ย' ผมคงโกหกหากผมบอกว่าผมเล็งยิงไปตรงไหน ผมแค่ยิงมันด้วยเท้าซ้าย ให้แรงที่สุดเท่าที่แรงได้"
"ตูม"
"แด่พวกอาร์เจนติน่าทั้งหลาย บอลเข้าไปจูบก้นตาข่าย ผมอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้จริงๆ"
1
"เราแค่เสมอก็จริง แต่เรารู้ว่าเราทำลายพวกมันได้แล้ว เรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการดวลจุดโทษ และมันก็เป็นแบบนั้น"
"ฮวนเซา (ฮวน - กองหลังบราซิล) ยิงจุดโทษเปรี้ยงเข้าไป เราก็เป็นแชมป์!! ส่วนอาร์เจนติน่า ไม่ใช่"
"การเอาชนะอาร์เจนติน่าได้แบบนั้น ให้แก่ประเทศของผม กับครอบครัวผมที่ดูอยู่ มันน่าจะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผม"
"ลองคิดดูสิ เด็กจากฟาเวล่านั่นอะนะ จะไม่ให้ผมคิดได้ไงว่าพระเจ้าเอื้อมพระหัตถ์ลงมาจากเบื้องบนมาสัมผัสชีวิตผม?"
"และนั่นคือบทเรียนสำหรับทุกคน เพราะไม่ว่าคุณเป็นใคร คุณสามารถอยู่บนจุดสูงสุดของโลก คุณอาจเป็นจักรพรรดิ แต่ชีวิตคุณสามารถเปลี่ยไปได้ใน ... เพี๊ยะ!. แค่เพียงดีดนิ้ว...แบบนั้นเลย"
"4 สิงหาคม 2004 หรืออีก 9 วันให้หลัง ผมกลับไปเข้าแคมป์กับอินเตอร์ ผมได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน พวกเขาบอกผมว่าพ่อผมเสียแล้ว หัวใจวาย"
"ผมไม่อยากพูดถึงมันเลยจริงๆ แต่ผมจะบอกคุณว่าหลังจากวันนั้น ความรักของผมที่มีต่อฟุตบอลไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย เขารักฟุตบอล ดังนั้นผมเลยรักฟุตบอล มันง่ายๆ แค่นั้นแหละ มันเป็นชะตาที่ขีดไว้ของผม เมื่อผมเล่นฟุตบอล ผมเล่นเพื่อครอบครัวของผม เมื่อยิงได้ ผมยิงให้กับครอบครัวของผม ดังนั้นเมื่อพ่อของผมตาย ฟุตบอลไม่มีวันเหมือนเดิมอีก"
"ผมอยู่อีกฟากฝั่งของมหาสมุทรในอิตาลี ห่างไกลจากครอบครัวผม และผมไม่สามารถรับมือกับมันได้ ผมซึมเศร้า ผมเริ่มดื่มเยอะมาก ผมไม่อยากไปซ้อม มันไม่ได้เกี่ยวกับอินเตอร์หรอก ผมแค่อยากจะกลับบ้าน"
"ผมบอกคุณตามตรง แม้ว่าผมยิงประตูได้มากมายใน เซเรีย อา ตลอดขวบปีเหล่านั้น และแม้ว่าแฟนบอลรักผม แต่ความสนุกของผมมันไม่เหลือแล้ว มันอยู่ที่พ่อของผม คุณรู้มั้ย? ผมไม่สามารถที่จะแค่เปิดปิดสวิทช์ แล้วกลับมาเป็นคนเก่าได้อีก"
"อาการบาดเจ็บ มันไม่ใช่แค่เฉพาะทางกาย คุณเข้าใจไหม?"
"เมื่อพ่อของผมเสียชีวิต มีรอยแผลอยู่ในตัวผม"
"เฮ้ พวก เกิดอะไรขึ้นกับอาเดรียโน่?"
"คืองี้ มันเรื่องง่ายๆ"
"ผมมีบาดแผลหนึ่งที่ข้อเท้า และอีกแผลในจิตวิญญานของผม"
หลังจากฤดูกาล 2005/06 อาเดรียโน่ ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก กระทั่งปี 2009 ที่โมรัตติ ยอมปล่อยเขากลับบ้าน เขากลับไปสู่บราซิล ไปยังฟาเวล่าของเขา ที่ริโอ เด จาเนโร และเล่นให้ ฟลาเมงโก้ ต้นสังกัดแรกของเขา นั่นเองที่เขากลับมาสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง ยิงไป 19 ประตูจาก 30 นัด
ทว่าอาการบาดเจ็บหนักที่ข้อเท้าตอนปี 2010-2011 ก็ทำให้เขายอมรับว่าสมดุลร่างกาย และความสามารถเฉพาะตัวที่เคยมีมันหายไป ต่อให้ อาเดรียโน่ จะกลับมายังอิตาลี กับโรม่า ช่วงสั้นๆ หลังจากนั้น หรือย้ายไปเล่นให้โครินเธียนส์ และไมอามี่ ยูไนเต็ด แต่ อาเดรียโน่ ที่เรารู้จักมันหายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรายังจดจำ อาเดรียโน่ ในช่วงพีคได้ดี ในช่วงแรกที่เขาต้องรับมือกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต
อาเดรียโน่ ขวบปี 2004-2005 คือช่วงเวลาแห่งจักรพรรดิโดยแท้จริง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
www.cheerball.com/news/talk
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Line :
https://line.me/R/ti/p/@cheerballth
Facebook :
www.facebook.com/cheerball
Twitter :
www.twitter.com/cheerballth
Website :
www.cheerball.com
Youtube :
www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย