24 มิ.ย. 2021 เวลา 13:26 • หุ้น & เศรษฐกิจ
👀 #เด็กการเงิน จะมารีวิวกอง K-WORLDX, TMBWDEQ และ KKP PGE-H
1
[กองไหนเหมาะกับ Core Port มี S&P500 หรือ Dow Jones แล้วซ้ำหรือไม่ ควรอ่าน]
2
สิ่งที่ได้จากบทความนี้
1. กอง K-WORLDX, TMBWDEQ, KKP PGE-H มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
2. MSCI ACWI Index vs MSCI World Index
3. ทำไมกองพวกนี้ถึงเหมาะใส่ไว้ใน Core port?
4. มี S&P500 / Nasdaq อยู่แล้วจะทับซ้อนกันไหม?
5. ลงทุนสามกองนี้ ยังลง Tech ได้หรือเปล่า?
3
📌กอง K-WORLDX, TMBWDEQ, KKP PGE-H แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
1
กอง K-WORLDX ลงทุนในกองหลัก iShares MSCI ACWI ETF ของค่ายดังอย่าง Blackrock นั่นเอง
2
กอง TMBWDEQ ลงทุนในกองหลัก Lyxor UCITS ETF MSCI WORLD
กอง KKP PGE-H ลงทุนในกองหลักเดียวกับ K-WORLDX ก็คือ iShares MSCI ACWI ETF
ทั้งสามกองเป็น Passive หมดเลย คือคาดหวังผลตอบแทนให้ล้อไปกับตลาด (Benchmark) ของตัวเอง
กอง K-WORLDX และ KKP PGE-H จะลงทุนให้ผลตอบแทนล้อไปกับ MSCI All-country World Index (MSCI ACWI) ขณะที่กอง TMBWDEQ ลงทุนให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ MSCI World ใช้กันคนละ Benchmark ซึ่งมีความแตกต่างกันอยู่
 
📌MSCI ACWI Index vs MSCI World Index
1
MSCI ACWI คือ Index ที่มีหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ใน 23 ตลาดที่เป็น Developed Market (DM) และอีก 27 ประเทศใน Emerging Market (EM) คือ MSCI ACWI จะได้ทั้ง Developed + EM
MSCI World คือ Index ที่มีหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ แต่มีแค่ 23 ตลาดที่เป็น DM เป็นข้อแตกต่างกับ MSCI ACWI ที่มี EM เสริมเข้ามาด้วย
📌Index ทั้งสองอันประกอบไปด้วยประเทศอะไรบ้าง?
1
ตลาด MSCI ACWI ประกอบไปด้วยประเทศ อเมริกา 57.84% ญี่ปุ่น 6% จีน 4.93% อังกฤษ 3.81% ฝรั่งเศส 3.04%
ตลาด MSCI World ประกอบไปด้วยประเทศ อเมริกาสูงถึง 66.57%, ญี่ปุ่น 6.9%, UK 4.38%, ฝรั่งเศส 3.49%, แคนนดา 3.39% เนื่องจากมันลงใน DM อย่างเดียว ก็เลยมีแต่สัดส่วนหุ้นอเมริกาและยุโรปเป็นหลัก
1
📌Index ทั้งสองอันมีหุ้นกลุ่มใดบ้าง?
MSCI ACWI มี Info. Tech 20.91%, Financials 14.76%, Consumer Discretionary 12.57%, Health Care 11.4%, Industrials 10.11%
MSCI World มี Infor. Tech 20.98%, Financials 14.23%, Healthcare 12.3%, Consumer Discretionary 11.92%, Industrials 10.93%
1
📌Index ทั้งสองอันมีอะไรเป็นน้ำหนักที่สูง?
MSCI ACWI มีหุ้น Apple 3.18%, Microsoft 2.72%, Amazon 2.10%, Facebook 1.20%, Alphabet A และ C รวมกัน 2.16% แต่ก็มี Taiwan Semiconductor (TSMC), JP Morgan, Tesla, Tencent
MSCI World มีหุ้น Apple 3.66%, Microsoft 3.13%, Amazon 2.42%, Facebook 1.39%, Alphabet A และ C รวมกัน 2.49% และก็ยังมี JP Morgan, Tesla, Johnson&Johnson, NVIDIA
ความแตกต่างของทั้งสอง Index คือ MSCI ACWI จะมีหุ้นฝั่งเอเชียด้วย เนื่องจากลงทุน DM + EM ขณะที่ MSCI World ก็จะมีแต่พวกหุ้นใหญ่ของตลาด DM ไม่มีเอเชียติดท้อปเลย
1
📌ทั้งสอง Index ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเป็นอย่างไรบ้าง?
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของตลาด MSCI ACWI Index
3 ปี – 13.86%
5 ปี – 14.18%
10 ปี – 9.58%
ตั้งแต่ปี 2000 – 6.52%
1
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของตลาด MSCI World
3 ปี: 14.41%
5 ปี: 14.23%
10 ปี: 10.31%
ตั้งแต่ปี 2000: 6.45%
ผลตอบแทนทั้งสองกองถือว่าอยู่ในระดับที่โอเคที่ 6-7% โดยตัว MSCI World ผลตอบแทนเฉลี่ยอาจจะมากกว่าเล็กน้อย 0.5-1% ต่อปี แต่ในอนาคตหาก EM เติบโตได้ดี เราอาจจะเห็น MSCI ACWI ทำผลตอบแทนได้มากกว่า MSCI World ที่ลงแค่ DM ก็ได้
1
เพราะฉะนั้นหากลงทุนใน K-WORLDX และ KKP PGE-H ก็จะได้ทั้งตลาดที่พัฒนาแล้ว และตลาด Emerging ส่วนถ้าลงทุนใน TMBWDEQ ก็จะได้แค่ตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างเดียว ผลตอบแทนตัว K-WORLDX และ KKP PGE-H หากไปดูดัชนี MSCI อาจจะน้อยกว่า TMBWDEQ เล็กน้อยในช่วงที่ผ่านมา แต่ในอนาคตประเทศอย่างจีน ไต้หวัน เติบโตดี หรือประเทศอื่นๆ ใน EM ตัว K-WORLDX ก็จะได้ประโยชน์และอาจจะ Outperform ตัว TMBWDEQ ได้
1
📌ทำไมกองพวกนี้ถึงเหมาะใส่ไว้ใน Core port?
หลักการของการจัดพอร์ต คือ เราอยากจะมีสินทรัพย์ที่หลากหลาย หุ้นที่หลากหลาย เพราะว่าเราต้องการที่จะกระจายความเสี่ยง ถ้าเป็นหุ้น เราก็อยากมีหุ้นในหลายอุตสาหกรรม หรือหุ้นหลายตัว เพราะหากเกิดหุ้นตัวใดตัวหนึ่งหรืออุตสาหกรรมไหนแย่ แต่เรายังผลตอบแทนจากอุตสาหกรรมที่ดีอันอื่น การจัดพอร์ตกองทุนก็เหมือนกัน หากประเทศใดหนึ่งแย่ด้วยปัจจัยภายในประเทศเองก็ดี เราก็คาดหวังว่าจะมีผลตอบแทนจากประเทศอื่นในพอร์ตเรามาชดเชย การที่เราเลือก TMBWDEQ, K-WORLDX และ KKP PGE-H คือลงกองเดียว ได้หลายประเทศเลย มันคลอบคลุมหลายประเทศ แม้ทั้งสองกองจะมีสัดส่วนเมกาที่สูงเองก็ตาม บวกกับมันได้ในเรื่องของค่าฟีที่จะถูกกว่ากอง Active ซึ่งจะทำให้หากเราเลือกเป็น Core (ตั้งใจถือยาว) เราก็จะได้ประโยชน์ทั้งประหยัดฟี การกระจายความเสี่ยงเพราะมีหลายประเทศด้วย
1
📌มี S&P500 / Nasdaq อยู่แล้วจะทับซ้อนกันไหม และยังลงหุ้นกลุ่ม Tech ได้หรือเปล่า?
คำถามนี้ถูกถามบ่อยมาก ถ้าเราเลือกกอง Passive แบบพวก S&P500, Dow Jones และ NASDAQ ไปแล้ว มันจะทับซ้อนกันไหม แน่นอนว่ามันต้องไปดูน้ำหนักในส่วนอื่นของพอร์ตเราด้วยเหมือนกัน สมมติเราตั้งใจมี K-WORLDX 40% ของพอร์ต แต่ K-WORLDX มีหุ้นอเมริกาเป็นไส้ในราว 60% นั่นหมายความว่าเราก็มี 24% ในสัดส่วนหุ้นเมกา (40% x 60%) ถ้าคิดว่าอยากได้ Exposure หุ้น Tech เพิ่มหรืออเมริกาเพิ่มมากกว่า 24% ก็สามารถทำได้ หรือยกตัวอย่างอีกแบบคือก็สามารถลงพวก ONE-UGG, K-CHANGE พวกนี้ไว้สำหรับ Satellite เพิ่มขึ้นมาก็ได้ เพราะเชื่อว่ากองเหล่านี้จะ Outperform ตลาดได้ และมองว่ามีหุ้นกลุ่มเทคน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก็รับได้ โดยจากที่เราศึกษา correlation ระหว่าง TMBWDEQ, KKP PGE-H และ K-WORLDX พบว่าเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับ S&P500 และ Dow Jones เพียงแต่อาจจะขึ้นลงแรงน้อยกว่า (Draw Down ต่ำกว่า) แต่กองทั้งหมดด้านบนไม่สอดคล้องกับ NASDAQ จึงพอจะแนะนำได้ว่า ถือ NASDAQ แยกได้ แต่ถ้ามี S&P500 และ Dow Jones อยู่แล้ว สามกองนี้อาจจะไม่จำเป็น
1
ก่อนจะปิดท้ายเราคงต้องมาดูค่าธรรมเนียม‼️ประกอบ เพราะกองมันก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่เหมือนกัน และเป็น Passive ด้วย
K-WORLDX มี TER ที่ 0.4819 ไม่มี Front-end แต่มี Back-end 0.15%
TMBWDEQ มี TER ที่ 1.1345 ไม่มี Front-end และ Back-end
KKP PGE-H มี TER ที 0.70645 ยกเว้น Front-end ไปจนถึงกันยายน และไม่มี Back-end
จะเห็นว่า K-WORLDX ค่าธรรมเนียมถูกที่สุด
เทียบกันมาถึงจุดนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเลือกได้แล้วว่ากองไหนดี
📌สรุป หากเป็นคนที่เชื่อว่า DM จะยัง Outperform อยู่ก็เลือก TMBWDEQ หากมองว่ายังไงตลาด EM ก็น่าสนใจและจะเติบโตได้ดี อยากได้ Index ที่เปิดกว้างลง EM ด้วยก็เลือก KKP PGE-H และ K-WORLDX แต่ถ้าอยากได้ DM+EM และค่าฟีถูกก็ให้รางวัลนี้กับ K-WORLDX
Source: MSCI, Finnomena
1
โฆษณา