25 มิ.ย. 2021 เวลา 04:08 • ความคิดเห็น
ไม่นะ..ไม่ทุกคนแต่จะพิจารณาได้จากข้อเท็จจริงต่อไปนี้
1. คนที่มีการศึกษาน้อยกว่าจะเชื่อในเรื่องลี้ลับ อำนาจเหนือธรรมชาติ(Super Natural) ไสยศาสตร์ เวทย์มนต์..มากกว่าคนที่มีการศึกษาในระดับที่ดีกว่า
2. คนที่อยู่ในระบบการศึกษาที่ก้าวหน้ากว่าจะเชื่องมงายในเรื่องลึกลับน้อยกว่าระบบที่ล้าหลังกว่า
3. คนที่อยู่ในสังคมเผด็จการทุกรูปแบบจะเลื่อมใสศรัทธา..หรืองมงายในอำนาจลึกลับมากกว่าคนในสังคมที่มีระดับเสรีภาพมากกว่า
4. คนในยุคโบราณเทียบกับคนสมัยใหม่..คนยุคโบราณจะเชื่อในเรื่องลี้ลับ ไสยเวทย์ คาถาอาคมพวกนี้มากกว่าคนสมัยใหม่
5. คนในกลุ่มที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ จะเป็นพวกไม่เชื่อในอำนาจลึกลับแม้แต่พระเจ้า(Atheist) มากกว่าคนกลุ่มอื่น ๆ
6. ประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วจะเชื่อในเรื่องลี้ลับ แบบบั้งไฟพญานาค ล้อคเนสส์ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า..น้อยกว่าคนในประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา
7. คนที่มีวุฒิภาวะสูงกว่าจะหวาดกลัวภูติผีปีศาจน้อยกว่า
8. บอกได้ใช่ไหมว่าพวกโน้มเอียงไปทางศาสนา(Religious minded) กับพวกโน้มเอียงมาทางวิทยาศาสตร์(Scientific minded) ต่างกันอย่างไร ..คนกลุ่มแรกจะเลื่อมใส ปลาบปลื้มขนลุกไปกับสิ่งลึกลับที่ตนเองสัมผัส..ในขณะที่คนกลุ่มหลังจะตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างเป็นระบบ..ตอบได้หรือตอบยังไม่ได้นั่นเป็นอีกเรื่อง
สรุป..มนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากความเชื่องมงายในอำนาจลี้ลับ ภูตผีปีศาจเหมือนกันหมดในทุกอารยธรรม ภูติผีปีศาจแบบเบลอ ๆ มัว ๆ ..และมั่ว ๆ วิวัฒนาการมาสู่ระบบทวยเทพที่ซับซ้อน การเซ่นสังเวยบูชาอำนาจศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจากที่เคยเซ่นสังเวยด้วยชีวิตมนุษย์ สัตว์ค่อย ๆ ลดความโหดเหี้ยมลงเมื่อการนับถือทวยเทพพัฒนาอีกขั้นหนึ่งมาเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว..หรือศาสนาที่ไม่ต้องมีพระเจ้าเช่นศาสนาพุทธ
มาถึงวันที่วิทยาศาสตร์เริ่มมาเป็นวิถีหลักของการอธิบายสรรพสิ่ง..มนุษย์ที่เจริญแล้วก็เชื่อ ลุ่มหลงงมงายในอำนาจลี้ลับน้อยลงตามลำดับของการพัฒนาของตนเองและของสังคมนั้น ๆ
สิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ ยังไม่มีคำตอบ หรือยังแก้ปัญหาไม่ได้ในจักรวาลนี้มีมากกว่าสิ่งที่อธิบายได้มากแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปงมงายหลงใหลนับถือบูชาสิ่งที่ยังลึกลับเป็นปริศนาแต่อย่างใด
ระดับการเชื่องมงายในสิ่งลี้ลับ..จึงเป็นตัวชี้วัดที่ดีว่า ..เรามีพัฒนาการในระดับใด
โฆษณา