27 มิ.ย. 2021 เวลา 03:30 • ความงาม
ทำไม “การทาเล็บมือ” ถึงเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในหมู่ผู้ชาย
หากถามผู้ชายส่วนใหญ่ว่าคิดจะลอง “ทาเล็บ” ดูบ้างหรือไม่
เชื่อว่า ถ้าเขาคนนั้น ไม่ได้เป็นสายแฟชั่นนิสโต (Fashionisto) ตัวพ่อ
อาจจะทำหน้างง พร้อมปฏิเสธว่า ไม่เอาดีกว่า
เพราะบางคนอาจคิดว่าการทาเล็บ หรือเพนต์เล็บสวย ๆ เป็นกิจกรรมของผู้หญิง
แต่เชื่อหรือไม่ว่า มีผู้ชายอีกจำนวนไม่น้อยที่คิดต่าง
เพราะพวกเขามองว่า นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมจะต้องเป๊ะแล้ว
ถ้าจะอัปลุกให้ดูดีแบบครบสูตร ตั้งแต่หัวจรดปลายนิ้ว เล็บมือทั้ง 10 ก็ต้องปังด้วย
ซึ่งเราอาจจะเคยได้เห็นเหล่าคนดังฝั่งฮอลลีวูดอย่าง Harry Styles, Brooklyn Beckham, Johnny Depp, Anwar Hadid, A$AP Rocky, Zac Efron
รวมไปถึงซุปตาร์ของจีนและไทยอย่าง Kris Wu อดีตสมาชิก EXO, ต้นหน ตันติเวชกุล นักแสดงวัยรุ่น, เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ หนึ่งในสมาชิกวง TRINITY และอีกหลาย ๆ คนที่หันมาตามเทรนด์นี้
ด้วยการครีเอตลุกเก๋ ๆ บนเล็บมือ พร้อมอวดลงโซเชียลกันเป็นว่าเล่น โดยไม่แคร์ว่าคนจะมองว่า “ไม่แมน”
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมหนุ่ม ๆ ยุคนี้ ถึงหันมาสนใจการทาเล็บ ?
แล้วยาทาเล็บที่พวกหนุ่ม ๆ ใช้จะเป็นแบบเดียวกับสาว ๆ หรือเปล่า ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ในขณะที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า การทำเล็บเป็นกิจกรรมของผู้หญิง
แต่ถ้าย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของการทาเล็บ จะพบว่า
มนุษย์เราเริ่มทาเล็บมาตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย หรือราว 3,200 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว
โดยจุดเริ่มต้นของการคิดค้นน้ำยาทาเล็บ ไม่ใช่เพื่อความสวยความงาม
แต่เกิดขึ้นเพราะมนุษย์ต้องการหาอะไรบางอย่างมาปกปิดเล็บ
ซึ่งคนสมัยก่อนมองว่า ไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์​
ที่น่าสนใจ คือ คนที่เริ่มทาเล็บไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นหมู่ชนชั้นสูงและนักรบผู้ชาย
และการทาเล็บ​นี้ ยังเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แบ่งแยกชนชั้นทางสังคม
โดยสีหลัก ๆ ที่ใช้ มี 2 สี คือ สีดำ และสีเขียว
ซึ่งคนที่ทาเล็บสีดำ จะเป็นการบ่งบอกว่า อยู่ในชนชั้นสูงกว่าคนที่ทาเล็บสีเขียว
จวบจนมาถึงสมัยอียิปต์ หรือ 1,300 ปีก่อนคริสต์ศักราช
สีทาเล็บไม่ได้จำกัดความนิยมอยู่แค่ในหมู่ผู้ชายอีกต่อไป แต่ผู้หญิงก็เริ่มทาเล็บเช่นกัน
1
โดยผู้ที่นำเทรนด์ความงามมาสู่ปลายนิ้วของผู้หญิง คือ พระนางเนเฟอร์ติติ ราชินีแห่งอียิปต์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหญิงงามที่สุดของอียิปต์
และพระนางพระองค์นี้เอง ก็ยังเป็นผู้บุกเบิกการทาสีเล็บในหมู่สตรีสูงศักดิ์
จนค่อย ๆ ขยายมาสู่กลุ่มสามัญชน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คงทำให้หลายคนเห็นภาพแล้วว่า จริง ๆ แล้วการทาเล็บไม่ใช่กิจกรรมที่สงวนไว้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายเอง ก็ทาเล็บมาตั้งแต่ในอดีต​
เพียงแต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เป็นไปได้ว่า ด้วยค่านิยมทางสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ชายไม่จำเป็นต้องทาเล็บเพื่อบ่งบอกชนชั้นอีกต่อไป
ทำให้เราไม่ได้เห็นผู้ชายทาเล็บเท่าไร และมีแต่ผู้หญิงที่ทาเล็บเพื่อความสวยงามเท่านั้น
ซึ่งที่ผ่านมา ถ้าจะเห็นภาพผู้ชายที่ทาเล็บส่วนใหญ่ จะจำกัดกลุ่มอยู่ในหมู่ศิลปินเฉพาะกลุ่ม
อย่าง David Bowie นักร้องระดับไอคอนในยุค 70
1
Steven Tyler นักร้องนำวง Aerosmith รวมไปถึงนักร้องขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 อย่าง Kurt Cobain
 
ก่อนจะส่งต่อมาถึงศิลปินรุ่นใหม่ ๆ อย่าง Harry Styles, Adam Lambert, Travis Scott และอีกหลายคนที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น
 
โดยเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เทรนด์การทาเล็บกลับมาฮิตในหมู่ผู้ชายอีกครั้ง
อาจเป็นเพราะ นิยามของแฟชั่นยุคนี้ ได้ทลายกฎเกณฑ์ และกำแพงของเรื่องเพศลงไปอย่างสิ้นเชิง
 
ผู้ชายยุคนี้ ไม่เพียงสนุกกับการแต่งตัวมากขึ้น แต่ยังหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง
โดยเฉพาะผิวหน้า มีการใช้เมกอัปและสกินแคร์ เข้ามาเสริมความหล่อเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับผู้หญิง
เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าวันนี้ ผู้ชายจะลุกขึ้นมาสร้างศิลปะบนปลายนิ้ว ด้วยการทาเล็บบ้าง
 
ที่น่าสนใจ คือ หนุ่ม ๆ ยุคนี้ ไม่ได้จำกัดกรอบตัวเอง
ด้วยการทาเล็บด้วยโทนสีเข้ม ๆ หรือแค่สีดำเหมือนแต่ก่อน
แต่พวกเขาสนุกกับการทาเล็บมือด้วยสีสัน และลวดลายที่แตกต่าง
เพื่อสะท้อนตัวตน ไม่ต่างกับการเลือกเสื้อผ้า ​
อย่างไรก็ตาม งานนี้สาว ๆ ไม่ต้องกลัวว่าหนุ่ม ๆ จะต้องมาอาศัยหยิบยืมยาทาเล็บของสาว ๆ มาปลดปล่อยตัวตน
เพราะในเมื่อเทรนด์ทาเล็บในหมู่หนุ่ม ๆ มาแรงเบอร์นี้
บรรดาแบรนด์ความงามต่าง ๆ ก็พร้อมใจแตกไลน์ผลิตภัณฑ์มาเพื่อหนุ่ม ๆ โดยเฉพาะ
จากแต่ก่อน เราเห็นคอนซีลเลอร์ ลิปสติก สกินแคร์ สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ
แต่ตอนนี้หลายแบรนด์ชั้นนำ ได้เปิดตัว ยาทาเล็บสำหรับคุณผู้ชายมาเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็น​ OPI, Chanel, Gucci หรือแม้แต่ Estée Lauder ก็ยังสนใจในตลาดนี้
ที่ล่าสุดไปร่วมลงทุนในสตาร์ตอัปของแคนาดา ที่ชื่อว่า Faculty
โดย Faculty มีความตั้งใจที่จะปฏิวัติการดูแลตัวเองของคุณผู้ชาย ด้วยผลิตภัณฑ์เสริมหล่อต่าง ๆ
และผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่เปิดตัวแบรนด์ คือ “ยาทาเล็บผู้ชาย ฉบับวีแกน” ประเดิมด้วยสี Moss หรือ สีเขียวเข้ม
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ ที่เห็นแล้วว่า เทรนด์นี้มาแน่ จึงไม่รอช้าที่จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาด ไม่ว่าจะเป็น
 
- Machine Gun Kelly นักร้อง นักแต่งเพลง แรปเปอร์ และนักแสดงชื่อดัง ที่ล่าสุดมาร่วมงานกับ Unlisted Brand Lab เปิดตัวแบรนด์ยาทาเล็บแบบยูนิเซ็กส์ ในชื่อ “UN/DN”
- Alex Rodriguez อดีตนักเบสบอลที่ผันตัวมาเปิดแบรนด์ความงามสำหรับคุณสุภาพบุรุษ ในชื่อแบรนด์ Hims ที่นอกจากจะเปิดตัวด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับเมกอัปและสกินแคร์ ยังมียาทาเล็บสำหรับผู้ชายด้วย
อย่างไรก็ตาม นอกจากอิทธิพลของคนดังที่หันมาปลุกกระแสการทาเล็บให้ฮิตแล้ว
อีกปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เทรนด์นี้มาแรง เพราะได้อานิสงส์จากสถานการณ์โรคระบาด
ที่ทำให้หลายคนต้องกักตัวอยู่บ้าน จึงมีเวลาหันมาดูแล ใส่ใจตัวเองมากขึ้น
พร้อมทดลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ รวมถึงการลองแต่งแต้มสีสันให้เล็บ​
และถ้าถามว่า ยาทาเล็บสำหรับผู้ชาย ต่างกับของผู้หญิงอย่างไร..
จริง ๆ ถ้าเจอสีสันที่ถูกใจ ผู้ชายจะใช้ยาทาเล็บของผู้หญิงก็ไม่น่าจะมีปัญหา
เพียงแต่ถ้าใช้ยาทาเล็บที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ ก็อาจจะตอบโจทย์การใช้งานมากกว่า
เพราะอย่างยาทาเล็บสำหรับผู้ชายของ Chanel ทางแบรนด์ออกแบบ แปรงสำหรับทาเล็บให้หน้ากว้างขึ้น
เพื่อให้เข้ากับทรงเล็บของผู้ชาย ทำให้ทาง่ายด้วยการปาดเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังแห้งเร็วอีกด้วย
 
และใครจะรู้ว่า ถ้าเทรนด์การทาเล็บนี้ เกิดจุดติดและกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคุณผู้ชายขึ้นมาจริง ๆ
ในอนาคตเราอาจจะได้เห็น คู่รักยุคใหม่ เปลี่ยนจากจูงมือกันเข้าโรงหนังมาเข้าร้านทำเล็บ
แทนที่จะใส่เสื้อคู่ ก็ทำเล็บเป็นทีมคู่รักแทน
 
เพียงแต่ก่อนจะไปถึงวันนั้น สาว ๆ อาจต้องเช็กให้ชัวร์ก่อนว่า
หนุ่มข้างตัว กล้าพอหรือไม่ ที่จะทลายกำแพง ลุกขึ้นมาเติมสีสันให้นิ้วมือทั้งสิบ..
 
References:
โฆษณา