Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Stories around The World. (เรื่องราวรอบโลก)
•
ติดตาม
25 มิ.ย. 2021 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์
ภูเขาทิ้งคนแก่ : ตำนานเรื่องเล่าของญี่ปุ่น
7
นานมาแล้วที่นครแห่งหนึ่ง มีเจ้านครหนุ่มคนหนึ่งปกครองอยู่ เจ้านครคนนี้เกลียดคนแก่มากที่สุด “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะไม่มีประโยชน์เท่ากับคนแก่ ถ้าคนแก่อายุ 61 ปีเมื่อไหร่ ให้นำไปทิ้งทันที” เจ้านครกล่าวพร้อมกับตั้งเป็นกฎเคร่งครัด ใครละเมิดกฎข้อนี้จะได้รับโทษหนัก
7
ช่างเป็นกฎที่โหดร้ายป่าเถื่อนจริงๆ แต่ทุกคนก็กลัวโทษทัณฑ์
ดังนั้นเมื่อพ่อแม่ของตนอายุ 61 ปีเมื่อไหร่ บรรดาลูกหลานก็พากันไปทิ้งบนเขา ต่างฝ่ายต่างก็ร่ำลาร้องไห้ เมื่อถึงในป่าลึกที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ นอกจากพวกนกพวกกาและเหยี่ยว พวกเขาก็ทิ้งคนแก่ไว้ที่นั่น ในนครแห่งนั้นก็เลยไม่มีคนแก่อยู่เลย
เจ้านครแห่งนั้นก็เลยอวดว่า “เห็นไหมล่ะ ในนครของข้ามีแต่หนุ่มสาวเต็มไปด้วยพละกำลังวังชา ดูแล้วเจริญหูเจริญตา” เมื่อกล่าวเสร็จ ก็พออกพอใจอยู่คนเดียว
ในเวลานั้นมีหมู่ชาวนาและหญิงชาวนากับลูกชายคนนึงอาศัยอยู่ในนครแห่งนั้น ลูกชายเป็นคนที่รักและกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ทำอะไรก็นึกถึงผู้เป็นแม่และให้การเลี้ยงดูแม่เป็นอย่างดี อายุของแม่มากขึ้นทุกที จนในที่สุดก็อายุถึง 61 ปี
หากว่าการโกงอายุทำได้ละก็ ลูกชายก็อยากจะทำเหลือเกินเพราะอยากให้แม่อยู่ด้วย แต่คนในหมูบ้านก็รู้เรื่องแม่กันหมดแล้ว
วันนึงลูกชายก็บอกกับแม่ว่า “เอ่อแม่ แม่ครับ แม่อายุ 61 แล้วใช่ไหม” เมื่อได้ยินผู้เป็นลูกพูดอย่างนั้น แม่ก็ตอบอย่างไม่เศร้าโศกแต่อย่างใด
“ใช่แล้วลูกเอ้ย รีบพาแม่ไปทิ้งเถอะ ปล่อยไวเดี๋ยวถ้าเจ้านครรู้ลูกจะโดนลงโทษนะ รีบพาแม่ไปไวๆเถอะ”
ลูกชายก็บอกว่า “แม่ยกโทษให้ข้าด้วยนะ” เสร็จแล้วเขาก็อุ้มแม่ขึ้นแล้วแบกออกเดินทางผ่านหมูบ้านมุ่งตรงไปยังภูเขา ลูกชาก็เดินไปตามทางนิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก แม่ก็เงียบ ลูกก็เงียบ
ทางนั้นไกลเหลือเกิน อีกทั้งยังเงียบสงัดมาก ทางเดินค่อยๆหายไป จนเขาต้องแหวกหญ้าและไม้ป่าปีนป่ายไปเรื่อยๆ แม่ของเขาอยู่บนหลังลูกชาย แม่ก็หักกิ่งไม้ เขาเดินไปได้ห้าหกก้าว แม่ก็หักกิ่งไม่อีก
ลูกชายแปลกใจมากก็เลยถามแม่ว่า “แม่ แม่หักกิ่งไม้ทำไม” แม่ก็ตอบไปว่า”หักทิ้งน่ะสิ”
“แล้วแม่จะหักทิ้งทำไมล่ะ”
“ที่แม่หักกิ่งไม้ทิ้งเพราะจะได้เป็นเครื่องหมายบอกทาง แม่ถูกทิ้งไว้บนเขาแม่ไม่เป็นไร แต่ทางจะกลับไปบ้านเรามันไกลเหลือเกิน แม่กลัวลูกหลงทาง แม่ก็เลยหักไม้ทิ้งไว้เป็นระยะๆ บอกทางให้ลูกกลับโดยปลอดภัย”
หลังจากที่แม่บอกเหตุผลเสร็จ คำพูดขอแม่ทำให้ลูกยืนนิ่งด้วยความตื้นตัน “โถ่แม่ ถึงขนาดนี้แล้วแม่ยังมีใจห่วงข้าอีก” ลูกพูดได้แค่นี้แล้วก็ร้องไห้
แม่ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “มันไม่ลำบากอะไรแม่มากมายหรอก แม่อุ้มท้องเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา”
“เรากลับบ้านกันเถอะแม่ ถึงข้าจะถูกลงโทษจากเจ้านครใจร้ายนั่นยังไง ข้าก็ไม่กลัวแล้ว ข้าจะไม่เอาแม่ไปทิ้งอีกแล้ว” พูดจบเขาก็รีบแบกแม่เดินทางลงจากเขา รออยู่จนมืดค่ำถึงจะแอบพาแม่เข้าบ้านได้
เขารีบขุดหลุ่มในบ้าน สร้างห้องเล็กๆให้แม่อยู่ แต่ละวันเขาจะเอาข้าวเอาน้ำให้แม่วันละสามครั้ง เวลาเขาออกไปทำไร่ทำนาก็จะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
วันเดือนปีผ่านไปจนกระทั่งนครแห่งนี้เกิดความไม่สงบขึ้น เจ้านครใหญ่เพื่อนบ้านข้างเคียงได้ส่งคนมาตั้งปัญหาท้าทายความสามารถ โดยตั้งเงื่อนไขไว้ว่า หากตอบปัญหาไม่ได้ก็จะล้อมตีนครแห่งนี้ให้แหลกเป็นผุยผงเลยที่เดียว
เจ้านครหนุ่มก็ตกใจ รีบป่าวประกาศระดมไพร่พลมาแก้ปัญหา แต่ก็ไม่มีใครแก้ได้ ก็รีบประกาศหาคนตามในเมืองและหมู่บ้านมาแก้ปัญหาซึ่งมีอยู่ว่า ให้ทำเชือกขี้เฒ่ามาพันเส้น และต้องเป็นเชือกที่ได้รูปด้วย
ขี้เฒ่าปกติแล้วจะเป็นผงละเอียดอ่อนไม่ใช่ของนำมาทำเป็นเชือกได้ ไพร่พลก็รีบเขียนปัญหาใส่กระดาษติดป้ายทั่วเมือง ลูกชายของหญิงชาวนาพบเข้าก็จนปัญญา
ก็เอากลับมาถามแม่
แม่หัวเราะชอบใจแล้วบอกว่า “ลองทำได้เลยไม่อยากเลยลูก เอาเชือกธรรมดาเนี่ยแหละแช่น้ำเกลือไว้นะ จากนั้นก็เอาขึ้นตากแดดให้แห้งแล้วจุดไฟเผา เท่านี้ก็จะได้เชือกขี้เฒ่าคงรูปด้วย พันเส้นก็ไม่มีปัญหาลำบากอะไร”
ลูกชายก็รีบนำความไปบอกเฉลยกับเจ้านคร เจ้านครก็ดีใจมากให้รางวัลอย่างงดงาม
หลายวันต่อมา นครเพื่อนบ้านก็มาท้าทายด้วยปัญหาที่สอง “ในรูเล็กๆ มีทางคดเคี้ยวลดเลี้ยวไปมา จะเอาเส้นด้ายผ่านลอดรูไปได้ยังไง” ลูกชายก็นำไปถามแม่
แม่ยังหัวเราะชอบใจเหมือนเคย “ลองทำดูสิลูกเอ่ย ให้ทาที่ปากทางนึงด้วยน้ำตาล แล้วก็ทาที่ปากทางอีกข้างนึง จากนั้นให้เอาเชือกผูกมดไว้ แค่นี้แหละ พอมดมันอยากจะกินน้ำตาลมันก็จะเดินไปในรูเพื่อจะออกอีกทางนึง เห็นไหม แค่นี้เชือกก็รอดรูไปได้”
ลูชายก็รีบไปบอกเจ้านคร แล้วก็ได้รางวัลมากมาย หลายวันต่อมาปัญหาที่สามก็ตามมา ซึ่งยากมากจนต้องป่าวประกาศหาผู้แก้อย่างครั้งก่อนๆอีก
“ให้ทำกลองที่ไม่ต้องตีก็ดังมาให้ดู” กลองที่ไม่ต้องตีให้ดังจะหามามันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ครุ่นคิดขนาดไหนก็สุดปัญญาความสามารถ ลูกชาวนาก็ต้องพึ่งเข้าหาแม่อีก
คราวนี้แม่หัวเราดังกว่าครั้งก่อน “เที่ยวนี้มันง่ายกว่าสองครั้งที่แล้วอีก นำกล่องกระดาษมา แล้วใส่ตัวตั๊กแตนไว้ในกล่อง แค่นี้ก็เสร็จแล้ว” ลูกชายรีบนำความไปแจ่งให้เจ้านครทราบ เจ้านครก็ดีใจมาก แต่ว่าเอะใจก็เลยถามว่า
“ปัญหาทั้งหมดนี้เจ้าคงไม่ได้แก้ด้วยปัญญาของเจ้าเองใช่ไหม เจ้าถามใครมา บอกข้ามาตามตรง” ไม่มีทางเลี่ยงลูชาวนาก็เลยต้องบอกความจริงออกไป
“ขอรับ ความจริงข้าขัดคำสั่งของเจ้าเมือง ข้าซ่อนแม่ชราของข้าไว้ ปัญหาทั้งสามข้อแม่ข้าเป็นคนแก้เองทั้งหมด ได้โปรดพิจารณายกโทษให้ข้าด้วยเถอะ”
เจ้านครไม่ได้โกรธเลย เจ้านครรู้ซึ้งถึงปัญญาเฉลียวฉลาดของคนแก่เป็นครั้งแรก จึงรีบยกเลิกประกาศกฎหมายที่โหดร้ายนั่นเสีย จากนั้นนครแห่งนี้ก็ไม่ต้องมีการแบกคนแก่ทิ้งบนเขาอีก คนแก่คนเฒ่าก็ได้อยู่ร่วมกับลูกหลานอย่างมีความสุข
ฝ่ายเจ้านครข้างเคียงได้รู้ถึงปัญญาสามารถของนครเพื่อนบ้านก็รีบยกทัพกลับไปและก็ไม่กล้าตั้งปัญหามารบกวนอีกเลย
ถ้าคุณอ่านแล้วได้ความรู้หรือข้อคิดต่างๆจากเรื่องราวเหล่านี้
ถ้าไม่อยากพลาดเรื่องราวข่าวสารดีๆที่น่าสนใจของทางเพจ ก็ขอฝากทุกท่านติดตาม กดไลค์ กดแชร์เพจ Stories around The World.(เรื่องราวรอบโลก) กันด้วยนะคะ
1
5 บันทึก
13
3
16
5
13
3
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย