สงบศึกดราม่าน้ำจิ้ม "บาร์บีคิว" พี่ก้อนชนะใสๆ บิ๊กอสังหาแสนสิริร่วมแจม จับมือพาร์ทเนอร์เดินหน้าขยายฐานลูกค้า
.
จากที่ติดตามดราม่าร้อนแรงในโซเชียล ศึกชิงไหวชิงพริบ
น้ำจิ้มปิ้งย่างบาบีคิว สังเวียนนี้ดูเหมือนว่า "พี่ก้อน" จะเป็นผู้ชนะแบบไร้ข้อครหา อาจจะไม่ใช่ในแง่ของยอดขาย แต่ก็ได้ใจแฟนๆไปเต็มๆ กับการแก้เกมสวนหมัดเด็ด น้ำจิ้มที่เขาว่า ของไม่จริงก็คือ "ปลอม" จบศึกไปแบบสวยๆ ถ้าให้เดาหลังจากนี้ ยอดขายน้ำจิ้มของบาบีคิวพลาซ่า น่าจะดีวันดีคืน
.
กลับมาดูสภาพการแข่งขันในตลาดน้ำจิ้มหน่อย ลองไปค้นข้อมูลดูว่า น้ำไมระดับยักษ์ใหญ่อย่าง CP ถึงอยากกระโดดเข้ามาร่วมวงตลาดน้ำจิ้มปิ้งย่างนัก และทำไมต้องเป็นน้ำจิ้มที่คล้าย "บาบีคิวพลาซ่า" เห็นตัวเลขก็ถึงบางอ้อเลยทีเดียว
.
ตลาดซอสปรุงรสหรือน้ำจิ้มเป็นตลาดใหญ่มากค่ะ จากการสำรวจของกระทรวงพาณิชย์พบว่า มีมูลค่าตลาดมากกว่า 40,000 ล้าน ตัวเลขของปี 63 พอมีโควิดเข้ามา ตลาดน้ำจิ้มยิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป หลายครอบครัวปรับตัวมากินปิ้งย่างในบ้านแทน เชื่อมั๊ยคะว่า ค่าเฉลี่ยการบริโภคน้ำจิ้มของคนไทย ตกคนละ 5.8 กิโลกรัม ต่อ/คน/ปี
.
ขุนพระ!!! ไม่อยากจะคิดถึงน้ำตาลในเลือด เอาเป็นว่า ตลาดน้ำจิ้มปิ้งย่างเติบโตสดใสแน่นอน แต่อยู่ที่ว่าสินค้าของใครจะเด็ดกว่ากัน
.
กลับมาที่ "บาบีคิวพลาซ่า" หมากเกมนี้ หลายคนยกนิ้วให้กับกลยุทธ์พลิกเกมจากวิกฤติเป็นโอกาสต่อสู้กับพี่ใหญ่อย่างชาญฉลาด บาร์บีคิวสู้ด้วยจุดแข็งของตัวเองล้วนๆ เพราะคอนเซปของเขา บอกมาตลอดว่า บาร์บีคิวพลาซ่าตัวจริงเรื่องปิ้งย่าง และก็เป็นตัวจริงในตลาดปิ้งย่างจริงๆเสียด้วย
.
ผู้บริหารก้อน เคยบอกว่า เขาใช้งบการตลาดน้อยมากในการสร้างแบรนด์ แต่สามารถพาบาร์บีคิวพลาซ่าเข้าไป connect กับผู้บริโภค จนทำให้เป็นที่พูดถึงปากต่อปาก มากไปกว่านั้น บาบีคิวยังปลุกปั้นคาแรคเตอร์ “บาร์บีกอน” หรือพี่ “GON” ทำ Character Marketing มาตลอดจนกลายเป็น Brand Asset ที่โครตจะแข็งแกร่ง
.
อย่างการแก้เกมสงครามน้ำจิ้มเมื่อวานนี้ บาร์บีคิวก็ให้พี่ก้อนมาเป็นมาสคอสสื่อสารด้วยประโยคง่ายๆ " ก้อนอยากเปิดขาย 24 ชม. แต่ก้อนอดนอนไม่ไหว" เป็นประโยคสั้นๆแต่สร้างอิมแพค พี่ก้อนเป็นดั่งซุปเปอร์ฮีโร่กู้วิกฤติจนกลายเป็นไวรัลชั่วข้ามคืน นอกจากลยุทธ์การตลาดที่แข็งแรงอยู่แล้ว รสชาติของน้ำจิ้มที่เพจร้านสะดวกซื้อเอาไปรีวิว บางเสียงบอกว่า ก็แค่คล้ายๆ ไม่ได้อร่อยเท่า เพราะด้วยความเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับบาร์บีคิว นี่จึงเป็นจุดเด่นสร้างการจดจำอย่างมาก ไม่ใช่จะใครจะก้อปกันง่ายๆ
.
อีกจุดที่น่าสนใจ คือ การพูดถึงสถานะของแบรนด์ บาร์บีคิวมองตัวเองเป็นแบรนด์เล็กๆค่อนไปขนาดกลาง แต่ไม่คิดจะง้อแบรนด์ใหญ่ สะท้อนจาก Vision ของผู้บริหารประกาศชัดว่า เขามาชวนแล้วแต่เราไม่เอา เพราะไม่ได้ต้องการเอาแบรนด์บาร์บีคิวไปอยู่ในร้านสะดวกซื้อ จากการทำตลาดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จะเห็นว่าบาร์บีคิวทำตลาดเองได้ มีช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นของตัวเองอยู่แล้วจากจำนวนสาขาในห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก ไม่นับดิลิเวอรี่ คงจะทำตลาดตามกลยุทธ์ที่วางไว้ แต่ก็ไม่ใช่จะเลือกเดินคนเดียวแบบสุดโต่ง บาร์บีคิวเลือกจับมือกับพันธมิตรหลายราย แต่พันธมิตรนั้นต้องมีคุณภาพมาช่วย cross แบรนด์ลูกค้าพาบาบีคิวไปต่อได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แบรนด์ "แสนสิริ"
.
จริงๆหลายคนอาจจะแปลกใจ ที่เห็นบิ๊กวงการอสังหาฯ อย่างคุณเศรษฐา ทวีสิน จากแสนสิริก็ลงมารวมแจมศึกน้ำจิ้มผ่านทวิตเตอร์กับประโยคที่ว่า "Me too Marketing" การตลาดแบบนี้ทำง่าย แต่คนทำตามดันเป็นตัวใหญ่กว่าผู้นำน่าสนใจดี อ่านแล้วก็เกิดอาการงงๆนิดๆว่า ระดับคุณเศรษฐา ก็สนใจตลาดอาหารอย่างซอสปรุงรสด้วย
.
เรื่องนี้มีที่มา เรื่องของเรื่องก็มาจากการจับมือทำธุรกิจร่วมกัน ผ่านโมเดล Licensing Partnership แคมเปญ “แสนสิริ x บาร์บีคิวพลาซ่า กระจายความสุข” สร้าง Win-Win ให้กับทั้งแสนสิริ และบาร์บีคิวพลาซ่า