27 มิ.ย. 2021 เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“สูตรคำนวณ” ที่ใช้วัดอิสรภาพทางการเงิน เพื่อให้เกษียณได้เร็วขึ้น
ถ้าพูดคำว่า “เกษียณ” ฟังแล้วอาจดูไกลตัวไปหน่อย โดยเฉพาะถ้าไปพูดกับคนอายุน้อยๆ หรือคนวัยทำงาน ในปัจจุบันนี้เราจึงมักจะได้ยินอีกคำที่ใช้บ่อยกว่านั่นคือคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” ส่วนตัวแอดคิดว่าคำนี้ฟังแล้วดูใกล้ตัวคนวัยทำงานมากกว่าในสมัยนี้
1
ถ้าลองค้นหาว่า อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร? คุณคงได้คำตอบประมาณนี้...
อิสรภาพทางการเงิน คือ คนที่มีรายได้จากสินทรัพย์ต่างๆ เช่น เงินปันผล ดอกเบี้ย ค่าเช่าอสังหาฯ ค่าสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ รวมผลตอบแทนจากสินทรัพย์เหล่านี้แล้วมีมากกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละปีหรือคิดแยกเป็นเดือนๆก็ได้
แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า...
1. ตอนนี้ตัวเรานั้นมีอิสรภาพทางเงินหรือยัง?
1
2. จุดไหนที่จะเรียกได้ว่าตัวเรานั้นมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ที่เป็นรูปธรรมมากกว่าความหมายที่ค่อนข้างจะเป็นนามธรรมในข้างต้น?
3. มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ตัวเราได้มีอิสรภาพทางการเงินกับเขาบ้าง ตามนิยามข้างต้น?
แอดก็เก็บความสงสัยมาตลอดนะคะ พยายามอ่านหนังสือ หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมากมาย จนเมื่อ ธ.ค. ปี 61 ก็ได้เจอกับคำตอบและค่อนข้างตรงกับจริตของแอด เมื่อได้อ่านหนังสือที่ชื่อว่า “เกษียณเร็ว เกษียณรวย” เป็นเล่มหนึ่งในซีรี่ย์หนังสือพ่อรวยสอนลูก ของนักเขียนผู้โด่งดังที่ชื่อว่า Robert T. Kiyosaki
1
หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบทำให้แอดได้พบกับ “อัตราส่วนทางการเงิน” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้วัดเกี่ยวกับเรื่องของอิสรภาพทางการเงินได้ ซึ่งเข้าใจง่ายและนำมาปฏิบัติได้จริงในชีวิตของเราในทุกๆเดือน เวลาผ่านไป 2 ปีกว่าแล้ว แอดก็ยังใช้จนถึงทุกวันนี้ และพบว่ามันมีประโยชน์มากๆ จึงอยากนำมาแชร์ต่อค่ะ
2
ตารางแสดงอัตราส่วนทางการเงิน และตัวอย่างของผู้เขียน
1.อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน [ให้เอาหนี้สินทั้งหมดของเราเป็นตัวตั้งแล้วหารด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของเรา ซึ่งตัวเลขที่ดีควร <1 ซึ่งหมายถึงเรามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินนั่นเองค่ะ]
1
2.อัตราส่วนความมั่งคั่ง [ให้เราเอารายได้จากทรัพย์สิน (เช่น ค่าเช่าอสังหาฯ ค่าสิทธิบัตรหรือลิขสิทธิ์) บวกกับรายได้จากพอร์ตโฟลิโอ (เช่น ปันผลหุ้น พันธบัตร และกองทุนรวม) จากนั้นนำรายจ่ายทั้งหมดมาหาร ซึ่งตัวเลขที่ดีควร >1 หรือ >100% นั่นหมายความว่าเรามี passive income มากกว่ารายจ่ายนั่นเองค่ะ ]
3
3.อัตราส่วนพลังทวี [พลังทวีในความเข้าใจของแอดคือ เครื่องทุ่นแรง ที่มาช่วยเราหาเงินนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่ทำให้เราได้กำไรหลังหักค่าใช้จ่าย อสังหาฯที่ทำให้เราได้ค่าเช่า หุ้นที่ทำให้เราได้ปันผลค่ะ ถ้าเรามีเครื่องทุ่นแรงเยอะๆ วันหนึ่งเจ้าพวกนี้ก็จะหาเงินได้มากกว่าที่เราหา เมื่อนั้นเราก็วางมือจากงานประจำเราได้]
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างการแทร็คอัตราส่วนทางการเงินของแอดมาตลอด 2 ปีครึ่งค่ะ จะเห็นว่า...
1.อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน : ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ด้วย 2 เหตุผลด้วยกันคือ แอดผ่อนคอนโดที่ปล่อยเช่าอยู่ตลอดทำให้ยอดหนี้ลดลงเรื่อยๆ และแอดซื้อทรัพย์สินเพิ่มทุกๆเดือน เช่น ซื้อหุ้น
2.อัตราส่วนความมั่งคั่ง : ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อย จากค่าเช่าอสังหาฯที่ได้รับและปันผลหุ้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ทำให้จาก 10% เพิ่มขึ้นมาเป็น 20-30% หรือโดยการที่เราพยายามลดตัวหารก็ได้ค่ะ นั่นคือการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนั่นเอง
3.อัตราส่วนพลังทวี : ของแอดจะเน้นหนักในเรื่องหุ้น เพราะชอบค่ะและรู้สึกว่ามันง่ายที่สุดใช้เวลาน้อยที่สุด ส่วนคอนโดปล่อยเช่านั้นรองลงมา และที่ยังไม่มีคือการสร้างธุรกิจซึ่งแอดยังไม่มีความรู้ในด้านนี้เลย คงต้องศึกษาหากความรู้กันอีกเยอะเลยค่ะ
1.ตั้งแต่แอดได้รู้จักอัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้ มันทำให้แอดเข้าใจมากขึ้นว่าวิธีในการพาตัวเองไปสู่อิสรภาพการเงินนั้นมีอะไรบ้าง เช่น เราควรโฟกัสกับการสร้างทรัพย์สินที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้เรา โดยการค่อยๆทยอยนำเงินเก็บออมของเราในทุกๆเดือนไปซื้อทรัพย์สิน เช่น การซื้อหุ้น เป็นต้น
1
2.อัตราส่วนพวกนี้มันทำให้แอดรู้แล้วว่าตอนนี้แอดยังไม่อยู่ในจุดที่เรียกว่ามีอิสรภาพทางการเงิน แต่อย่างน้อยแอดก็กำลังอยู่ในเส้นทางนั้นค่ะ วันนี้ทำมาได้แล้ว 30% เราก็ทำต่อไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายว่าวันนึงเราจะไปถึงจุดที่ >100% ให้ได้ค่ะ
1
แล้วคุณล่ะคะ ลองกรอกอัตราส่วนทางการเงินของคุณตามตารางนี้ได้นะคะ...
1
- สำหรับคนที่มีอัตราส่วนความมั่งคั่ง >100% แล้วแอดก็ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่งเลย คุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว
- สำหรับใครที่ยังไม่ถึง คุณมีเพื่อนแล้วค่ะคือแอดเอง 55 เรามาทำไปด้วยกันนะคะ
- แต่สำหรับใครที่มีเฉพาะรายได้ที่เป็นเงินเดือนประจำ ยังไม่มีรายได้จากทรัพย์สินหรือรายได้จากพอร์ตโฟลิโอ แอดคิดว่ายังไม่สายค่ะ ลองเริ่มสร้างมันตั้งแต่วันนี้เลย เช่น เร่ิมทำธุรกิจอะไรซักอย่าง เริ่มศึกษาเรื่องอสังหาฯ หรือจะเริ่มซื้อหุ้นก็ได้ค่ะ
โฆษณา