27 มิ.ย. 2021 เวลา 05:55 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รู้จักหุ้น " CRC " ธุรกิจค้าปลีกแสนล้านของเครือเซ็นทรัล
หุ้น CRC หรือชื่อเต็มๆคือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีต้นกำเนิดมาจาก คุณเตียง และ คุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์(ลูกชาย) ได้เปิดร้านค้าเล็กๆของครอบครัวขึ้น ในปี 2490 โดยกิจการได้เติบโตเรื่อยมาสู่การเปิดห้างเซ็นทรัลสาขาแรกที่ย่านวังบรูพา ในปี 2499
ปัจจุบันบริษัทฯมีร้านค้าอยู่ 2,115 ร้านค้า ใน 55 จังหวัดของประเทศไทย, 118 ร้านค้าใน 39 จังหวัด ในประเทศเวียดนาม(โดย CRC ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านค้าปลีกของเวียดนามเลยทีเดียว) และมีห้างสรรพสินค้า 9 แห่งใน 8 เมืองของประเทศอิตาลี (อ้างอิงจาก ข้อมูล ณ วันที่ 31/03/2564)
1
และในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมี บริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในปัจจุบัน จำนวน 2,114,284,890 หุ้น ในสัดส่วน 35.06% (อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 26/06/2564)
โดยรายได้จากตัวธุรกิจของบริษัทฯสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.กลุ่มฟู้ด (แบรนด์ค้าปลีกกลุ่มอาหาร) เช่น ท็อปส์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่มาร์ท, GO! เวียดนาม, ลานชีมาร์ท มินิโก (go!)
รายได้ในกลุ่มนี้อยู่ในสัดส่วน 43 % ของรายได้รวมทุกกลุ่ม ซึ่งถือเป็นรายได้หลัก
.
1
2.กลุ่มแฟชั่น (แบรนด์ค้าปลีกกลุ่มแฟชั่น) เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล (CENTRAL), ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINSON), ซูเปอร์สปอร์ต (SUPERSPORT) เป็นต้น และมีสัดส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 22%
.
3.กลุ่มฮาร์ดไลน์ (แบรนด์ขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าตกแต่งบ้าน) เช่น ไทวัสดุ, บ้าน แอนด์ บียอนด์, เพาเวอร์บาย, อ็อฟฟิตเมท เป็นต้น ในกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนรายได้รวม อยู่ที่ 35%
.
1
ซึ่งรายได้หลักของบริษัทฯจะมาจากขายสินค้าผ่านร้านค้าต่างๆ นั้นเอง โดยรายได้จะมาจากในประเทศไทยที่คิดเป็นสัดส่วน 74% และต่างประเทศอีก 26%
1
อย่างไรก็ตาม จากการเกิดภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 63 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน โดยทาง CRC ก็เป็นอีกหนึ่งในบริษัทฯที่ได้รับผลกระทบเต็มๆจากการระบาดในครั้งนี้ ที่ส่งผลให้คนมาเดินห้างน้อยลงนั้นเอง และถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ท้าทายของบริษัทฯที่ต้องปรับเปลี่ยนช่องทางในการหารายได้ให้มากขึ้น โดยรายได้รวม ของปี 63 อยู่ที่ 194,311.43 ล้านบาท ลดลงจาก ปี 62 ที่ 222,486.15 ล้านบาท
โดยในปี 63 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้เน้นให้มีการเปิดช่องทางการขายอย่างหลากหลายผ่านทางออนไลน์มากขึ้นในประเทศไทย(Omni channel) เช่น ช้อปง่าย ในกริ๊ง เดียว(โทร 1425), ช้อปง่ายๆ แค่แชท (ผ่านline @central official) หรือสั่งผ่านแอปของทางเซ็นทรัลเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปรับตัวที่ดีสำหรับในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน
จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 บริษัทฯ มีรายได้รวม 49,030.52 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 401.41 ล้านบาท โดยถือว่ายังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 63 จากรายได้รวม 54,285 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 742.76 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจคือ บริษัทฯสามารถทำยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เติบโตถึง 224% ในไตรมาสที่ 1/64 เมื่อเทียบจากในไตรมาสเดียวกันของ ปี 63 ที่ 61% โดยมีสัดส่วนมาจากกลุ่มแฟชั่น 55% ฮาร์ดไลน์ 32% อาหาร 13%
1
แต่ในสัดส่วนรายได้รวมก็ยังคงสะท้อนให้เห็นถึง มุมมองความเป็นจริงที่ว่า สุดท้ายแล้วช่องทางออนไลน์ก็ยังไม่สามารถมาทดแทนได้ทั้งหมด และคงจะปฎิเสธไม่ได้ว่า ลึกๆแล้วคนส่วนใหญ่ก็ยังอยากที่จะออกไปเดินห้าง ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตเลือกซื้ออาหาร ผัก ผลไม้สดๆด้วยตัวเอง อยู่นั้นเอง
2
และสิ่งที่น่ากังวลที่สุดในปัจจุบัน ก็คงจะเป็นในส่วนที่ประเทศไทยของเราจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้จริงๆเมื่อไหร่ เพราะในปัจจุบัน ประเทศไทยมี เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก อยู่ที่ 8.3 %(อ้างอิง ข้อมูล ณ วันที่ 20/06/64) ซึ่งถือว่ายังคงห่างไกลจากแผนที่จะให้ประชากรส่วนมากมีภูมิคุ้มกันหมู่อยู่อีกมากเลยทีเดียว
1
บวกกับการเริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ อย่างสายพันธุ์เดลต้า ในประเทศไทย ที่อาจจะมีความรุนแรงมากกว่าเดิม และมีแนวโน้มที่วัคซีนที่ไทยใช้อยู่อย่างซิโนแวค อาจจะเอาไม่อยู่ในการฉีดวัคซีน 2 เข็ม จนต้องมีการเพิ่มเข็มที่ 3 อีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก
1
โดยทาง CRC เองก็เป็นอีกหนึ่งศูนย์ที่เปิดให้บริการในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปที่ครอบคลุมไปในหลายจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งทางบริษัทฯและภาคเอกชนอื่นๆก็มีความตั้งใจที่จะช่วยกระจายวัคซีนให้ได้รวดเร็วที่สุด
1
อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้มีการประกาศมาตการเพิ่มเติม โดยหนึ่งในนั้นคือ ให้ทางร้านอาหารปิดพื้นที่นั่งรับประทานเป็นเวลาอีกกว่า 30 วัน ซึ่งจะเริ่มใช้มาตการกันใน วันที่ 28 มิถุนายน 2564 นี้เป็นต้นไป และคงเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ทำให้คนมาเดินห้างสรรพสินค้าน้อยลงไปอีก และที่กระทบหนักๆก็คงจะหนีไม่พ้นร้านอาหารที่จะต้องเป็นฝ่ายปรับตัวอีกครั้ง
ซึ่งนักลงทุนอย่างเราก็คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์มันจะยิ่งกระทบต่อมุมมองในภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมากแค่ไหน และไม่ต้องพูดถึงแผน 120 วันเปิดประเทศเลยว่าก็คงมีโอกาสสูงที่จะต้องเลื่อนไปอีกเป็นแน่ ถ้ายังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
1
หรือจะเป็นโครงการที่ภาครัฐจะใช้เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง คนละครึ่งเฟส 3, ยิ่งใช้ ยิ่งได้ หรือ PHUKET SANDBOX ที่ก็ไม่รู้ว่าจะมาตอบรับความหวังให้กับภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ได้มากน้อยแค่ไหนกัน เพราะคนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ประกอบการในประเทศ ไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ ก็คงต้องแบกรับกับภาระที่หนักอึ้งแบบนี้กันต่อไป และไม่รู้ว่าจะทนไปได้อีกนานแค่ไหนกัน หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายได้โดยเร็ว
3
ซึ่งก็คงจะเป็นอีกหนึ่งปี ที่ท้าทายกับบริษัทฯที่ทำธุรกิจค้าปลีกอย่าง CRC แน่นอน
1
**หมายเหตุ** ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง อย่าลืมศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจ ก่อนลุงทุนทุกครั้งเสมอ
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก centralretail.com, set.or.th
-กดติดตาม รู้ก่อนลงทุน-
อัพเดทบทความน่ารู้เกี่ยวกับการลงทุนในทุกวัน
โฆษณา