เมื่อโลกการลงทุน ใกล้คุณยิ่งกว่าเดิม
ปี 2020 คงเป็นปีที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ นานเท่านาน
ปีที่มี โรคระบาด ที่กระจายไปทั่วโลก ชนิดวิทยาการสมัยใหม่
ปกป้องไม่ได้เลย อะไรที่เราไม่คาดว่าจะได้เห็นได้พบ
โอลิมปิกไม่ได้จัด ไม่มีวันหยุดสงกรานต์เดือนเมษา
ปีที่มีคำสั่งให้อยู่บ้านนานที่สุด ครั้งนึงในชีวิตของคนทำงาน
จนมีวลี อยู่บ้านเฉยๆ ช่วยชาติได้
โลกหมุนช้าลงจาก Covid-19
และเป็น ปีที่ได้ตระหนัก ถึงเรื่องสำคัญ เรื่องหนึ่ง คือ
#การมีเงินเก็บเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะงานที่ทำอยู่ เงินที่หาได้ น้ำที่ยังพอไหลริน อาจจะเหือดแห้งไปก่อนที่เราจะรู้ตัว
เลยขอฝาก เรื่องการลงทุน ที่แบ่งออกมาเป็น 8 หัวข้อ
ร้อยเรียง เป็น เรื่องราวไว้ให้พิจารณา ปรับใช้ แลกเปลี่ยน พูดคุยกันนะคะ
เรื่องที่ 1
#ทุกเรื่องราวในโลกนี้เริ่มต้นที่ตัวคุณ
It Starts with You
มีเรื่องราวเล่าขานเมื่อตอนคุณตูน Bodyslam ล้มป่วยก่อนขึ้น คอนเสิร์ต คราม ที่รัชมังคลา คนดูกว่า 70,000 คน จนคิดว่าอาจจะไม่ได้เล่น แกโทรไปขอโทษคุณไพบูลย์ อากู๋ ที่แกรมมี่ แต่สิ่งที่คุณไพบูลย์ตอบกลับ เป็นข้อคิดที่ดีมาก นั่นคือ ไม่เป็นไรเลย คนเราก็เหมือนเลข หนึ่ง เงินทองที่หาได้ก็เหมือนเลขศูนย์ มันจะมีค่าก็ต่อเมื่อมาอยู่ต่อหลังเลขหนึ่ง ยิ่งมีเลขศูนย์ต่อหลังหลายตัวมันก็จะยิ่งมีค่ามากยิ่งขึ้น แต่หากเราไม่ดูแล เลขหนึ่งของเราให้ดี ต่อให้มีศูนย์กี่ตัว ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย เป็นข้อความที่กินใจมาก และพบว่ามันจริงเสียยิ่งกว่าจริง
และต่อให้เรา ไม่แน่ใจ แต่ความจริง ก็คือ เรื่องทั้งหมดในโลกนี้
แท้จริงตัวเราเป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น
เคยได้ยินคำว่า
Things in Life
ไหมคะ เขาบอกถึงประโยคที่สำคัญ อยู่ 3 ประโยค นั่นคือ
If you wish for unconditional love. Love yourself unconditionally.
ถ้าคุณอยากได้รับ ความรัก แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ คุณต้องเริ่มจากการรักตัวเอง อย่างไม่มีเงื่อนไขก่อน
If you wish to be accepted as you are, have the courage to accept yourself as you are.
ถ้าคุณอยากได้รับการยอมรับจากคนอื่น คุณ ก็ต้องกล้าที่จะยอมรับตัวเองอย่างที่คุณเป็น
If you wish to live your life with value.Value your life.
ถ้าอยากมีชีวิตที่มีคุณค่า คุณก็ต้องให้คุณค่ากับชีวิตของคุณ
และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ ทุกอย่างในชีวิต ต้องเริ่มต้นที่ตัวเรา เสมอ
Everything you want in life start with you.
เรื่องการลงทุนก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ เมื่อวาน หรือ วันที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เป็น Norm เดิม New Norm หรือ Next Normal จุดเริ่มต้นนี้ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ
และอย่าปล่อยให้ความกลัว ความไม่กล้า หยุดยั้งคุณไว้ เพราะแท้จริงแล้ว คำว่า
FEAR
มีความหมาย 2 อย่าง
Forget Everything and Run
Or
Face Everything and Rise
The choice is Yours
ลืมทุกอย่างแล้ววิ่งหนี หรือ เผชิญหน้ากับทุกสิ่งและยืนหยัดด้วยตัวเอง
ทางเลือกนี้แล้วแต่คุณ นะคะ
เรื่องที่ 2
2 เรื่องที่สำคัญมากสำหรับการลงทุน
#เวลาและผลตอบแทน
Time & Rate of Return
เรื่องที่ยกตัวอย่างเป็นเรื่องทีใช้ในการเล่าเรื่องเวลา และผลตอบแทนการลงทุนมาช้านาน
น่าจะกว่า 20 ปี และวันนี้ยังขอนำกลับมาอีก เผื่อใครที่เคยเห็นและจะได้จำได้
เริ่มต้นก่อน.. มีชัยไปกว่าครึ่ง
เวลาก็คือ การเริ่มต้นให้เร็วที่สุด Case แรกพูดถึงคนสองคน มีเป้าหมายเก็บเงินถึงอายุ 65 ปีเหมือนกัน เพียงแต่คนแรกเริ่มตอนอายุ 18 คนที่สอง เริ่มตอนอายุ 30
น้อง ก. ลงทุนปีละ 10,000 บาท ตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยได้ผลตอบแทนปีละ 10% และลงทุนถึงอายุ 30 ปี แล้วปล่อยเงินลงทุนทิ้งไว้ โดยไม่ลงทุนเพิ่ม จนอายุ 65 ปี
พี่ ข. ลงทุนปีละ 20,000 บาท ตั้งแต่อายุ 30 ปี โดยได้ผลตอบแทนปีละ 10% และลงทุนต่อเนื่อง จนอายุ 65 ปี
เมื่อเทียบอายุ 65 ปีเท่ากัน
น้อง ก. มีเงิน 6,900,000 บาท
พี่ ข. มีเงิน 5,420,000 บาท
ทั้งคู่ลงทุนด้วยเงินต้นต่างกันมาก คือ น้อง ก 10,000 บาท 13 ปี คือ 130,000 บาทแต่พี่ ข 20,000 บาท 35 ปี 700,000 บาท แต่เมื่อเริ่มต้นก่อน แม้เม็ดเงินน้อยกว่าก็ยังสามารถมีเงินได้เยอะกว่า
แต่สิ่งที่ท้าทายคือ ถ้าน้อง ก และพี่ ข เป็นคนๆเดียวกัน ตอนอายุ 18 เริ่มเก็บเงินปีละ 100,000 บาท เดือนละไม่ถึงหมื่นและพออายุ 30 เพิ่มเป็นปีละ 200,000 บาท เดือนล่ะ หมื่นนิดๆ ลงทุนได้อัตราผลตอบแทนที่ 10% ต่อปี ตอนที่อายุ 65 เขาจะเป็นคนที่มีเงิน กว่า 123 ล้านบาท ได้ค่ะ
อัตรผลตอบแทน
เรื่องของตัวเลข 72
ตัวเลขที่เมื่อนำอัตราผลตอบแทนมาหาร จะบอกว่าเงินที่ลงทุน จะเป็น สองเท่าภายในกี่ปี
72/10 = 7.2
72/20 = 3.6
72/2 = 36
72/1 = 72
เพื่อที่จะบอกว่าอย่าหมิ่น อัตราดอกเบี้ยที่น้อยหรือทิ้งเงินไว้โดยไม่ดูแล เงินก้อนเดียวกัน ถ้าศึกษาบริหารจัดการสามารถ หาดอกผลได้ ที่ประมาณ 10% ต่อปี โดยที่ไม่ใช่เรื่องเกินวิสัย หรือลึกลับซับซ้อน ที่เงินก้อนนั้นจะ สามารถเติบโตเป็นเท่าตัวได้ภายใน 7.2 ปี
หากแต่ถ้าทิ้งเงิน เพื่อรับดอกเบี้ยแค่ 1% ต้องใช้เวลา 72 ปีกว่าจะทบต้น และถ้าได้ 0.5% ในออมทรัพย์ กว่าเงินนี้จะโตเป็นสองเท่า คือ 144 ปี
การออมการลงทุนจึงไม่ใช่เพียงเก็บเงินไว้ที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้
มันคือการที่จะตอบตัวเองว่า
ต้องเริ่มวันนี้ และ ทำใก้ดีในทุกวัน
ต้องกล้าที่จะตั้งเป้าหมายถึงผลตอบแทน 10% ต่อปี
และถ้าปีใดทำได้เกินเลยกว่านั้น ก็ต้องถือเป็นกำไร
หากปีใดไม่ถึงก็ต้อง ออมเพิ่ม หรือ ขวนขวาย หารายได้เพิ่มเติม
เรื่องที่ 3
#การแบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อน
Need Want Invest
Need เงินที่ต้องใช้
Want เงินเพื่อซื้อของที่ต้องการ
Invest เงินสำหรับการลงทุน
เงินสามก้อนนี้ เงินที่ให้ความสุขในปัจจุบันมากที่สุด คือ ก้อนที่ 2 เมื่อเราสามารถมีเงินไปซื้อสิ่งที่ต้องการ ได้ แต่ถ้าเราเอาเงินของเรามาใช้ในส่วนนี้ก่อนเราจะลำบากมากเพราะ เงินที่เหลืออาจจะไม่พอสำหรับก้อนที่หนึ่ง แถมไม่ต้องพูดถึงก้อนที่สามที่เอาไว้เพื่อลงทุน
ฉะนั้นเมื่อเราตั้งมั่นที่จะเริ่มเก็บเงินเริ่มจัดสรรการลงทุน เงินสามก้อนนี้จึงต้องถูกจัดเรียงใหม่ โดยแบ่งเงินไปลงทุนก่อน Invest First ที่เหลือถึงเอาไว้ใช้ในเรื่องจำเป็น Need Second แล้วสุดท้ายจึงจะไปซื้อ สิ่งที่อยากได้ Want come last
ถ้าเงินไม่พอก็ต้องตัด Want ออกไปก่อน คงเหลือ แค่ Invest และ Need นะคะ
เรื่องที่ 4
4 #เรื่องที่ใช้จัดการการลงทุน
Key Elements on Investment Design
เมื่อโลกของ Design thinking มีบทบาททั้งจากการคิดสินค้าและบริการ ก็เลยอยากจะเอา
หลักคิดบางส่วนของ การติดตามนั้นใน 4 เรื่อง เพื่อการวางแผนการลงทุน
1. People-centered
2. Highly Creative
3. Hands-on
4. Iterative
นั่นคือการมองการลงทุน ที่มุ่งเน้นในส่วนที่เกี่ยวกับผู้คน อะไรที่เขาสนใจ อะไรที่อยู่ใน trend อะไรที่มีประโยชน์ตอผู้คนทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต มองคนเป็นศูนย์กลาง People-centered
แล้วใช้ จินตนาการทำงาน ลองปรับเปลี่ยนวิธีการ และรวบรวมความรู้ ความสามารถในกลากหลายแนวทาง Highly Creative : Come up with new solution and integrative thinking is key
เมื่อร้อยเรียงแล้วก็ลงมือทำ ใส่ใจ และยอมรับในผลงาน มีทั้งการลองผิดและลองถูก แต่ถ้าใส่ใจ กับเรื่องราวที่ตั้งใจ จาก ผิดเยอะไจะเริ่มกลายเป็นถูกมากขึ้น
Hands-on :Stop discussing, Start working, Make ideas tangible.
Experiments with trail and error are key.
สุดท้าย คือ Iterative :Road of success is not a straight line
เมื่อเริ่มลงมือ ก็จะมีการประมวลผล และปรับปรุง และมันต้อง Real time communication คือพร้อมจะโต้ตอบได้ในทันทีนั่นหมายถึงการ ศึกษาข้อมูลและเตรียมพร้อมกับการตัดสินใจ เมื่อมีผลกระทบต่อการลงทุนนั้นๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยน การลงทุนได้ทันที
เรื่องที่ 5
5 #เรื่องที่สำคัญของนักลงทุน
Factors for intelligent Investor
1. Mindset การอยากเรียนรู้ และความเชื่อว่าคนเราพัฒนา ตัวเองขึ้นได้
2. Strategy กลยุทธการลงทุน
3. Process ขั้นตอนการลงทุน
4. Data ข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวกับการลงทุน
5. Skill ทักษะการลงทุน
เคยมีคำถามที่มีมาเสมอว่าการเป็นนักลงทุนที่ดีควรประกอบด้วยจุดเด่นอะไรบ้าง เลยอยากพูดถึงเรื่องที่ เป็นปัจจัยสำคัญ ในการ ปรับปรุงงานที่ทำอยู่ได้ ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องที่เกี่ยวแต่ การลงทุน แต่เมื่อเรา นำมาพูดเรื่องการลงทุน ทั้ง 5 เรื่อง ล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญ และคงต้องใช้พื้นที่มากกว่านี้ในการอธิบาย
แต่ทั้ง 5 เรื่องนี้ เรื่องไหนสำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้น Mindset เพราะเรื่องอื่นสามารถ หาผู้เชี่ยวชาญ มาช่วยแนะนำ ใช้ Software ในการคำนวณ มีบทวิเคราะห์ และการพยากรณ์หรือคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ จากหลายสำนัก แต่เรื่อง Mindset เป็นเรื่องของเราโดยแท้ ถ้าเราไม่มั่นใจในตนเองว่าจะเก่ง และสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ เรื่องอื่นต่อให้ดีแค่ไหน ก็อาจจะไม่มีประโยชน์
และถ้าเรายังทำอย่างเดิม และหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง คงเป็นไปได้ยาก
If you always do what you always did you will always get what you always got
เรื่องที่ 6
6 #เรื่องในการพิจารณาหาบริษัทที่ดี
Key factors for best issuers
ทุกครั้งที่เรามองเรื่องการลงทุน ต่อให้เป็นการฝากเงิน ไปจนการซื้อหุ้น หรือตราสารการเงินที่มีเงื่อนไขที่ซับซ้อนมากมาย สิ่งที่อยากให้พิจารณามากๆ ก็คือตัวบริษัทผู้ออกตราสาร Issuers เพราะต่อให้เป็นเครื่องมือทางการเงิน หรือตราสารทางการเงินที่ดี แต่ตัวตนที่เป็นความเสี่ยงคือผู้ออกตราสารนั้นๆนั่นเอง
จึงขอรวบรวม 6 ประเด็น ในการคัดเลือกบรที่ดี นั่นคือ
1. Growth มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ
2. Market Penetration มีสินค้าหรือบริการที่เป็นผู้นำตลาด หรือมีความโดดเด่น
3. Management มีทีมผู้บริหารที่เข้าใจและรู้เรื่องในธุรกิจที่บริษัททำ
4. Financial Status มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
5. Technology มีการนำ เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจ
6. Corporate Governance มีการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส และเป็นธรรม
บริษัทที่ดี ควรมีคุณสมบัติ ทั้ง 6 เรื่องที่สำคัญ อาจมีบางเรื่องที่ต้องเน้นมากขึ้นในแต่ล่ะช่วงเวลา แต่ไม่ควรขาดข้อใดข้อหนึ่งเลย
เรื่องที่ 7
กฏการลงทุน 7 ข้อ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์
Warren Buffett’s Principles to investing
ในฐานะบุคคลที่ประกอบอาชีพเป็นนักลงทุนในหุ้น แต่สามารถร่ำรวยระดับโลก จึงทำให้หลายตนสนใจในวิธีที่เขาลงทุน ซึ่งถ้าติดตามการพูดของเขามาโดยตลอด จะพบว่า แกยกตัวอย่าง 7 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งน่าสนใจมากสำหรับใครที่สนใจลงทุนในหุ้น หรือเลือกกองทุนหุ้น
1.Managers must have integrity & talent ผู้จัดการการลงทุนที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์มีคุณธรรมและต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน
2.Invest by facts not emotions การลงทุที่ดี ควรยึดหลักจากข้อมูลและข้อเท็จจริง ไม่ควรใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
3. Buy wonderful business not cigar butts เมื่อเลือกจะลงทุน ควรเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่มั่นคง ไม่ควรสนใจบริษัทที่อยู่ในภาวะยากลำบากแม้ว่าราคาจะเย้ายวนเพียงใด
4. Only buy stock that you understand เลือกลงทุนในกิจการที่คุณมีความเข้าใจ
5. When you see a great opportunity,take it เมื่อเห็นโอกาส ก็ควรตัดสินใจทันที
6. Don’t sell unless the business fundamentals changes เมื่อลงทุนในบริษัทที่ดีแล้ว ก็อย่าพึ่งรีบขาย ยกเว้น พื้นฐานของธุรกิจนั้นมีการเปลี่ยนแปลง
7. Buy at a price below intrinsic value เมื่อตัดสินใจลงทุนในหุ้น ก็น่าจะพิจารณาเลือกที่ราคาที่เหมาะสมนั่นคือ ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
มีการพูดถึง มูลค่าที่แท้จริง และการคำนวณ ราคาหา Valuation แนะนำหลากหลายวิธี แต่ส่วนมากมักจะเป็นการคำนวณถึงผลประกอบการณ์ในอนาคต และคิดย้อนกลับมาเป็นราคาปัจจุบัน
หรือเราอาจจะเก็บข้อมูลจาก บทวิเคราะห์ที่ผลิตจากบริษัทหลักทรัพย์ และพิจารณาว่าเรา เชื่อในข้อมูลที่เขาแสดงหรือไม่
ฉะนั้นการลงทุนในหุ้นจึงมักแนะนำให้ถือหุ้นไม่มากตัวจนเกินไป จะได้มีโอกาสติดตามใกล้ชิด หรือเลือกกองทุนหุ้นให้ผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่วิเคราะห์แทนเรา
Be smart no one cares about your efforts,Only the result matters
สุดท้าย เราใช้วิธีไหน จะหาข้อมูลอย่างยากลำบากเพียงใด เราถูกวัดที่ผลลัพธ์ของการลงทุนอยู่ดี
เรื่องที่ 8
8 #พฤติกรรมที่จะทำให้การวางแผนการเงินการลงทุนเติบโตในทิศทางที่วาดหวัง
8 Habits to keep your investment growing
สิ่งที่อยากฝากเป็นประเด็นสุดท้าย คือการสร้างพฤติกรรม ที่ดีต่อการลงทุน
1. Pay yourself first ตระหนักว่า รายจ่ายแรกที่ควรจ่ายให้ คือ อนาคต ตัวเอง ฉะนั้นเงินสำหรับออมสำหรับลงทุน ควรเป็นก้อนแรกที่เราจะจ่ายออกเมื่อได้รับเงิน สิ่งที่เราต้องจำ ถ้าจะต้องจ่ายเงินให้ใครหรืออะไร คนแรกที่ควรจ่าย คือตัวเอง
2. Look rich or Be rich หลายคนอยากดูรวย ด้วยการเลือกใช้ของหรือมี lifestyles ในการใช้ชีวิตเกินเลยจากเงินในกระเป๋า คนที่ดูรวยกับคนที่มีเงินมักต่างกันตรงนี้ และสุดท้ายเรามักได้ยิน คนที่รวยเขาใช้ชีวิตสมถะมาก ไม่จำเป็นต้องกินหรู ถือแบรนด์ มีทริปท่องเที่ยวตลอดเวลา ถ้าเราไม่อยู่ในวิสัยที่ทำได้
3. Use your credit card wisely บริหารบัตรเครดิตให้ดี การที่เราได้รับโอกาสไม่ต้องจ่ายเงินทันทีที่ซื้อของหากแต่ Delay ได้เป็นเดือนคือความโชคดีในการบริหารเงินหากแต่ควรที่จะชำระเต็มจำนวนเมื่อถึงกำหนด และไม่ควรกดเงินสดมาใช้เลย
4. Organized your financial account เมื่อตัดสินใจลงทุน ก็ควรจะมีการจดบันทึกและทำการ update ให้เป็นปัจจุบัน เพื่อติดตามวัดผลการลงทุน และบริหารจัดการให้เป็นไปตามเป้าหมาย
5. Don’t getting comfort on debt อย่าปล่อยให้การเป็นหนี้ เป็นเรื่องง่ายๆสบายๆ ควรที่จะรีบปิดหนี้และเลือกชีวิตที่เป็นหนี้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
6. Plan first spend less การวางแผนที่ดีจะทำให้คุณมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง และมีประสิทธิภาพในการใช้เงินมากขึ้น
7. Investment help your tax planning การลงทุนและการออมหลายอย่าง ช่วยหักลบเงินภาษีที่ต้องจ่ายรัฐลดลง ไม่ว่ากองทุน RMF SSF ผ่อนบ้าน ซื้อประกันเป็นต้น ควรต้องมีการวางแผนบริหารจัดการสม่ำเสมอ
8. Don’t wait to long to start สุดท้าย เมื่อจะตัดสินใจเริ่มลงทุน ก็ขอให้เริ่มให้เร็วที่สุด เพราะไม่มีใครรู้อนาคต เรามีแค่การคาดเดา เมื่อเป็นเช่นนั้น หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดและตัดสินใจลงทุน ก็ควรจะเดินหน้า ไม่ควรเสียเวลาอะไรอีก
ทั้ง 8 เรื่องคงเป็นส่วนหนึ่ง ที่อยากจะฝากไว้ เผื่อท่านที่สนใจ เพราะอนาคตข้างหน้าจะเริ่มคาดเดาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้สิ่งใดที่ยังวางแผนได้ บริหารจัดการได้ ก็ควรรีบทำโดยทันที และท่านอาจจะเป็นคนที่กลับมาเติม เรื่องที่ 9 และเรื่องที่ 10 ที่เป็นเรื่องต่อเนื่องของท่านเอง คงมีเพียงข้อความ ที่มักหยิบยกขึ้นมาพูดเสมอ
เงิน ไม่ได้ทำให้เกิดความคิด
การคิดได้ ต่างหาก ที่ทำให้เกิดเงิน
สุวภา เจริญยิ่ง
- 222
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
