28 มิ.ย. 2021 เวลา 09:12 • สุขภาพ
ชาวสิงคโปร์เริ่มเหนื่อยสู้กับไวรัสที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่
ปรับแผนเป็นใช้ชีวิตร่วมกับมันให้ได้แทน
1
การต่อสู้กับโรคระบาดที่ยาวนานกว่า 1 ปีครึ่งที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติการแพร่ระบาดของไวรัสได้ในเร็ววัน กำลังทำให้หลายๆ ประเทศเริ่มหมดแรง ทั้งหมดแรงกายที่ต้องรับมือรบรากับโรค โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ต้องเสี่ยงชีวิตเผชิญกับไวรัสในทุกๆ วันตลอดปี
3
ทั้งยังหมดแรงใจเพราะไม่สามารถรับมือกับการระบาดใหม่ๆ ซ้ำๆ ที่เหมือนจะลดลงก็ไม่ลด กลับม่าเห่อระบาดอีกครั้งจนต้องแก้ปัญหากันใหม่ วนลูปซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น ทำให้ความเหนื่อยเริ่มสะสมในตัวและในใจ จนแทบอยากจะปล่อยให้ธรรมชาติคัดสรรตามชะตากรรม
6
สิงคโปร์เป็นอีกประเทศที่มีความพยายามอยากมากในการจัดการกับโรคระบาดครั้งนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่ามันไม่มีทางหายไปจากประเทศได้อย่างแน่นอนแล้ว สิ่งที่สิงคโปร์จะทำคือ การปรับแผนรับมือเพื่ออยู่กับเชื้อไวรัสให้ได้แทน
4
มีการร่างพิมพ์เขียวของนโยบายสำหรับไวรัสตัวนี้ ให้กลายเป็นโรคประจำถิ่นแทน รวมถึงการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันยาวนานอีกหลายปี เช่น การให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ การเปลี่ยนจากการติดตามผู้ป่วยรายวัน และการที่ให้สามารถกลับมาชุมนุมรวมกลุ่มผู้คนจำนวนมากได้ เช่น การจัดขบวนพาเหรดวันชาติประจำปีของประเทศ
7
แกน คิมยง, ออง เยคุง และลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีของสิงคโปร์ทั้ง 3 คนที่ร่วมเป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อรับมือกับไวรัสของรัฐบาล ได้เขียนบทความผ่านคอลัมน์ของ The Straits Times ว่าพวกเขากำลังร่างแผนนโยบายในการใช้ชีวิตกับโรคระบาดอยู่ ในขณะที่ประชาชนเริ่ม "เหน็ดเหนื่อยในการต่อสู้" มากขึ้นหลังจากผ่านไป 18 เดือนของการระบาดครั้งใหญ่
5
ความคิดเห็นของพวกเขาเป็นไปตามคำแนะนำล่าสุดของรัฐบาลประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ว่าอาจต้องใช้แนวทางอื่นในการจัดการกับโรคระบาดใหญ่ เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่าไม่มีหนทางที่จะกำจัดไวรัสนี้ให้หมดไปจากโลกได้
2
🔵 ยอมรับว่าไม่มีทางจัดการเชื้อให้หมดไป
2
สิงคโปร์ ซึ่งอยู่ท่ามในมาตรการจำกัดการรวมตัวกันในที่สาธารณะตั้งเดือนพฤษภาคม ภายหลังที่มีจำนวนผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลกก็ตาม
2
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลระบุว่า ประชากรมากกว่าครึ่งได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยมีผู้รับวัคซีนต่อวันที่ 80,000 คน นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 47,000 คน
1
นอกจากนี้การฉีดวัคซีนจะขยายให้ครอบคลุมผู้อยู่อาศัยถาวรและผู้ถือวีซ่าในฐานะผู้พำนักระยะยาวที่มีอายุ 12-39 ปี โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
1
แต่สิ่งที่ประชาชนทุกคนถามกลับมายังรัฐบาลคือ โรคระบาดจะสิ้นสุดเมื่อใด? แกน คิมยง, ออง เยคุง และลอว์เรนซ์ หว่อง ได้ยอมรับผ่านการให้ความคิดเห็นว่า “ข่าวร้ายก็คือไวรัสจะไม่มีวันหมดไป ข่าวดีก็คือเราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ตามปกติ ซึ่งหมายความว่า มันจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น”
6
เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่จะยังคงกลายพันธุ์และอยู่รอด แต่ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและใช้ยาเพียงเล็กน้อยหรือไม่ใช้เลยก็ตาม
4
“เราสามารถทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน เราไม่สามารถกำจัดมันได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนการแพร่ระบาดให้เป็นสิ่งที่คุกคามน้อยกว่ามาก เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก หรืออีสุกอีใส และใช้ชีวิตต่อไปได้”
5
รัฐมนตรีกล่าวว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นส่วนสำคัญของแนวทางใหม่นี้ โดยอ้างว่าประสบการณ์ของอิสราเอลที่แสดงให้เห็นว่าอัตราการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนนั้นต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนถึง 30 เท่า อัตราการรักษาในโรงพยาบาลในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนก็ลดลง 10 เท่าเช่นกัน
2
🔵 ฉีดเข็มที่ 2 3 4 5 และเข็มต่อๆ ไปอีกหลายปี
ในสิงคโปร์มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน 120 ราย ที่กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง และไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในบ้านพักคนชราหรือผู้ป่วยในในโรงพยาบาล ทุกคนไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ในทางตรงกันข้าม ประมาณ 8% ของผู้ไม่ได้รับวัคซีนมีอาการร้ายแรง
2
“เพื่อรักษาระดับการป้องกันในระดับสูง และเพื่อป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อต่อวัคซีนในปัจจุบัน อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข้าไปเพิ่มอีกในอนาคต เราอาจต้องรักษาโปรแกรมการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมและใช้เวลาหลายปี”
3
และสิงคโปร์กำลังดำเนินการที่จะให้ประชากร 2 ใน 3 ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มเข้าไปอีกในเข็มถัดไปภายในต้นเดือนกรกฎาคม และประชาชนที่ฉีดเข็มแรกแล้วต้องได้รับเข็มที่ 2 ก่อนวันชาติสิงคโปร์ปีที่ 56 ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้
1
🔵 จัดหาชุดทดสอบติดเชื้อด้วยตัวเอง
2
นอกจากาการจัดการเรื่องการแพร่ระบาดด้วยการฉีดวัคซีนแล้ว รัฐบาลเตรียมจัดหาชุดทดสอบด้วยตัวเองและเครื่องวิเคราะห์ลมหายใจที่จะสามารถทำให้รับรู้ผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในสนามบิน ท่าเรือ อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษาของประเทศ โดยสามารถใช้ชุดทดสอบที่เร็วกว่าซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 – 2 นาทีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์
3
รวมทั้งการพักฟื้นที่บ้านแทนที่จะต้องมานอนโรงพยาบาลในกรณีที่ติดเชื้อหลังจากฉีดวัคซีนและมีอาการไม่รุนแรง เนื่องจากมีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่ำ
อีกทั้งการที่มีชุดตรวจเชื้อด้วยตัวเองจะเป็นการลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ตรวจคัดกรองที่ต้องกักกันตัว เนื่องจากมีผลทดสอบที่รวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งช่วยให้สามารถยืนยันได้ว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่
1
🔵 ยกเลิกการกักตัวเมื่อเดินทางเข้าและออกประเทศ
.
ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ชาวสิงคโปร์กลับมาเดินทางไปไหนมาไหนได้อีกครั้ง อย่างน้อยก็ไปยังประเทศที่ควบคุมไวรัสได้ดี ผู้เดินทางสามารถเข้ารับการตรวจเมื่อออกเดินทางและได้รับการยกเว้นจากการกักกันเมื่อผลตรวจเป็นลบเมื่อกลับถึงบ้าน
2
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำของกองกำลังเฉพาะกิจในวันพฤหัสบดีว่า ทางการกำลังดำเนินการเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเพื่อลดข้อจำกัดการเดินทางสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน
2
“เป็นไปได้ว่า เรากำลังดำเนินการตามแนวทางใหม่สำหรับผู้คนในสิงคโปร์เพื่อให้สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ จากนั้นเมื่อคุณกลับมา คุณสามารถใช้เวลากักกันที่สั้นลง หรืออาจถูกยกเว้นทั้งหมดและแทนที่ด้วย การทดสอบบางอย่างแทน”
1
อย่างไรก็ตามในขณะที่สิงคโปร์กำลังวางนโยบายใหม่ไปข้างหน้า แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวย้อยกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มได้ทุกครั้งหากจำเป็น ก่อนที่เราจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง เพื่อให้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ เพราะสุดท้าย ชาวสิงคโปร์ก็ต้องอยู่กับไวรัสไปอีกนาน หรือไม่ก็ตลอดไป
1
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
1
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
โฆษณา