29 มิ.ย. 2021 เวลา 09:49 • ท่องเที่ยว
😎อาชีพอะไร สบายจัง เค้าจ้างไปเที่ยว ได้เงินดีด้วย (จริงมั้ย)EP 2🤟🏻
สวัสดีครับ ไกด์ปิงกลับมารายงานตัวละครับ เมื่อวานหายไปฉีดวัคซีน Sinovac เข็มที่สองมา ในนามองค์กรการท่องเที่ยว เพื่อพร้อมรับการเปิดประเทศ(จะได้เปิดเร้อ) และได้เจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ร่วมอาชีพกันหลายคน ก็มาถกปัญหาสารทุกข์สุขดิบกัน ทุกคนดีใจที่ได้เจอหน้าเจอตากัน บางคนที่พอมีกำลังก็นำอาหาร เครื่องดื่ม มาตั้งโรงทาน ดูแลกันไปในยามยาก แต่บอกตรง ๆ เราไม่ได้ให้ความสำคัญในการแถลงเปิดประเทศมากมาย แค่คำพูดของคน ๆ หนึ่ง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่่ง ที่คิดว่าตนเองกุมอำนาจอยู่ อยากจะพูดอะไรก็พูดได้ จะเปิดพรุ่งนี้ก็ได้ แต่ชีวิตเราต้องขึ้นอยู่กับสัจธรรม และความเป็นจริง เมื่อยังคุมสถานการณ์ไม่ได้ ป่าวประกาศเปิดประเทศดังไปถึงดาวอังคาร ก็คงไม่มีใครกล้ามา
จากคอนเทนต์ของผมในวันก่อน ได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเกินความคาดหมาย ในใจก็ยังคิดอยู่ ว่าจะเขียนลักษณะไหนให้เหมาะกับสถานการณ์ ที่แน่ ๆ คือต้องไม่มีการอวดอวยตัวเอง หรือโฆษณาชวนเชื่อ แต่ก็ขอบคุณ ทุกยอดอ่าน ทุกแชร์ และทุกข้อเสนอแนะครับ ได้กำลังใจมากมาย ในวันที่เคว้งคว้าง ยังมีคำถามนอกรอบ ถึงคุณลักษณะเพิ่มเติม และรายได้ในสภาวะปกติ ของคนอาชีพผม ว่ามันดีอย่างที่บอกจริงไหม มันยุ่งยากขนาดไหน กว่าจะได้เงินมา
ลูกทัวร์เพลิดเพลินกับน้ำใส ๆ ที่หมู่เกาะพีพี แต่ไกด์ต้องคอยสังเกตการณ์อยู่บนเรือที่กระเพื่อม ๆ เพื่อดูความปลอดภัยของทุกคน
อันดับแรกคือ คุณลักษณะเพิ่มเติม ของไกด์หรือผู้นำเที่่ยวที่พึงประสงค์ ที่น่าจะเป็นที่ต้องการของบริษัททัวร์ผู้ว่าจ้าง และเป็นที่ประทับใจของลูกทัวร์ ซึ่งขอบอกตรง ๆ ว่ามันเป็นโจทย์ที่ตอบยากมาก เพราะมันขึ้นอยู่กับบุคลิกของแต่ละบุคคลหนึ่งละ สองคือบุคลิกของลูกทัวร์ในแต่ละคณะด้วย ที่ตัวไกด์เอง บางทีเราต้องปรับตัวนิด ๆ ให้เข้ากับลูกทัวร์ด้วย ยกตัวอย่าง ลูกทัวร์สายวิชาการ ไกด์ก็ต้องเน้นการบรรยายเนื้อหาที่จะเป็นประโยชน์กับลูกทัวร์ แต่จะใช้ไม่ได้กับบางคณะที่เดินทางไปพักผ่อนแบบว่าจัดโดยหน่วยงาน องค์กร หรือบริษัทห้างร้าน อันนี้เค้าแทบจะไม่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่หนัก ๆ เลย ถ้าเจอไกด์สายวิกิพีเดียเข้าไป อธิบายประวัติยาวเหยียดตั้งแต่ล้อรถเริ่มหมุน จนไปถึงประวัติ ต้นกำเนิดทางธรณีวิทยาของชายหาดที่กำลังจะปล่อยเขาไปเล่นน้ำ นั่งกล้วยลากด้วยเจตสกี อันนี้ไม่ไกด์ก็ลูกทัวร์คงต้องลงจากรถไปซักข้างนึงล่ะครับ
ภาพเมื่อเดินทางโดยรถไฟความเร็วต่ำ ในประเทศจีน จากซีอานสู่เซี่ยงไฮ้ 1400 กม.ใน 15 ชม.
กลับกัน ถ้าทัวร์แบบนี้ เจอไกด์สายบันเทิง ร้องเพลงได้ปานว่ามีอัลบั้มเป็นของตนเอง อันนี้ก็จะสร้างความประทับใจในอีกแบบ อาจจะกลับบ้านพร้อมกับซองทิปหนาเตอะ(แม้ว่าข้างในจะอุดมไปด้วยแบงค์ยี่สิบก็ตาม)
บางช่วงต้องเผชิญคลื่นมหาชน ต้องทำให้ลูกทัวร์ไม่หลง ในดงอาม่า อาแปะ
งานนี้มันมีการพลิกแพลงได้หลายอย่างมาก ซึ่งการนี้ทางผู้ว่าจ้าง หรือบริษัททัวร์ก็จะมองรูปการณ์ไว้ว่า ทัวร์คณะนี้ควรส่งผู้เชี่ยวชาญด้านใดเข้าไปดูแล เพื่อให้เหมาะกับงานที่สุด
อย่างผมมันเคยเจอทั้งลูกทัวร์ที่เราทั้งคณะเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าส่วนตัว(ไกด์ได้อานิสงฆ์ไปด้วย เคยนั่งแต่ส่วนตัวเวลาเบาะข้าง ๆ ไม่มีคนนั่งเท่านั้นเอง) ระดับรัฐมนตรี นักธุรกิจ ไปจนถึงคนเก็บขยะ แต่ตัวผมเองจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับหมายเหตุว่า ลูกค้าคนนี้เป็นเวรี่ ๆๆๆ วีไอพี หรือลูกค้าทั่วไป สำหรับผม ลูกค้าคือพระเจ้าทุกคนครับ พอเราดูแลทุกคนในมาตรฐานไม่แตกต่างกัน พอเจอลูกค้าระดับไฮเอนด์จริง ๆ เราก็จะทำงานได้เป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่มีการมายืนกุม ประจบสอพลออะไร เพราะเราให้ความสำคัญกับลูกค้าทุกประเภทเหมือน ๆ กัน
ทุกคนคือวีไอพี ที่สำคัญคือทุกคนต้องปลอดภัย นั่งรถนั่งเรือ ต้องดูพฤติกรรม ไม่ให้ใครทำตัวเสี่ยง
ลำดับต่อไป นอกจากบุคลิกภาพแล้ว สุขภาพ ก็สำคัญนะครับ ของลูกทัวร์ผมพูดไปเมื่อตอนที่แล้ว แต่ตอนนี้ผมหมายถึงของตัวไกด์เอง ต้องทำตัวให้แข็งแรงไว้ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปแบกลูกทัวร์เดินขึ้นเขา แต่หมายถึงว่า ระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะคนที่เดินทางไปต่างบ้านต่างเมือง หรือแม้แต่ในประเทศเอง เป็นเวลานาน ๆ ในแต่ละครั้ง มันจะไปเจ็บป่วยไม่ได้เลย บางทีเราก็พูดติดตลก(ร้าย)กับเพื่อนร่วมวงการว่า สโลแกนของความเป็นไกด์คือ "ถ้าออกเดินทางแล้ว ห้ามป่วย ห้ามลา ห้ามขาด ถ้าไม่ไหวก็ตายไปเลย" เพราะเรามีหน้าที่ดูแลอีกหลายชีวิตที่ร่วมเดินทางไปกับเรา ไม่ใช่แค่ลูกทัวร์นะครับ เพื่อนร่วมงานก็สำคัญ บอกได้เลยว่าไกด์ที่ดี ถ้าอยู่บนรถ ต้องตื่นตัวตลอด ถึงแม้ว่าขณะนั้น จะได้อธิบายหรือมีปฏิสัมพันธ์กับลูกทัวร์หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ล้อรถหมุนไป เหตุไม่คาดคิดเกิดได้ทุกเมื่อ บางทีเราต้องสังเกตคนขับรถด้วย ว่าถ้าบรรยากาศในรถเงียบ ๆ บรรดาลูกทัวร์เจอข้าวไทยเข้าไป หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ก็ให้เค้าเพลิดเพลินกันไป แต่พี่โชเฟอร์ของเราก็หนังท้องตึงเหมือนกันนะครับ แต่ไม่มีสิทธิ์ปล่อยให้หนังตาหย่อน ถ้าแบบนั้น เราก็ต้องหาวิธีให้เค้าตาสว่าง ตามแต่ใครจะสรรสร้างขึ้นมา ผมจะพกลูกอมรถเผ็ด ๆ ร้อน ๆ ติดตัวเป็นประจำ ถ้าพี่โชเฟอร์เราเริ่มนิ่ง จนรู้สึกเค้าสงบเกิน ก็สมนาคุณด้วยลูกอมให้ตื่นตัว ถ้าไม่ไหวก็ให้เอาวาซาบิป้ายลิ้น คงตาสว่างไปพักใหญ่ ๆ มีใครจะลองมั้ยครับ เวิคนะ
พาลูกทัวร์ไปแคมป์ฝึกเลี้ยงช้าง กิจกรรมสุดฮิต
และสุขภาพเราต้องดีในระดับหนึ่ง ถึงจะตะลอน ๆ ไปพร้อมกับดูแลคนหลาย ๆ คนไปด้วยนะครับ คงไม่มีลูกทัวร์คนไหนอยากที่จะต้องคอยประคองไกด์จากรถไปส่งยังสถานที่เที่ยว แล้วพยุงไปพิงไว้ข้างเสาให้ไกด์ไปยืนอธิบายเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ให้ฟังนะครับ
บางทีต้องแอบส่องลูกทัวร์จากระยะไกล กลัวตกบันไดครับ
เวลาผมไปต่างบ้านต่างเมือง ผมจะชอบตื่นแต่เช้า ยิ่งวันที่ทัวร์เราออกสายนิด ๆ จะได้ไปวิ่งจ๊อกกิ่ง สร้างความแข็งแรง และเป็นการชมวิถึชีวิตไปในตัว เพื่อจะได้เก็บข้อมูลมาเพื่ออธิบายลูกทัวร์ แทนที่การตั้งหน้าตั้งตาเล่าประวัติศาสตร์ ที่บางทีอาจจะชวนง่วงซะอย่างเดียว ลูกทัวร์ส่วนมากจะให้ความสนใจกับเรื่องราวทั่วไปของชีวิตประจำวันของคนในที่นั้น ๆ มากกว่า บางเรื่องหาไม่ได้ในตำรา เราก็ต้องไปลองสังเกตสังกาชาวบ้านเค้า บางทียังไม่เข้าใจก็ไม่ควรเดาเอาเอง ผมใช้วิธีสืบถามเพื่อนร่วมงานคนท้องถิ่น แล้วเราจะได้ข้อมูลนอกตำราไปเล่าให้ลูกทัวร์ ถ้าทำได้แบบนี้จะได้ใจเค้าไปอีกโขเลยครับ
1
ทิวทัศน์จากแคชเมียร์ อินเดีย ค่อยเล่าวีรกรรมแขกในโอกาสหน้าครับ
ไกด์ต้องเป็นคนที่ช่างสังเกต เอามันทุกอย่างรอบตัว ว่าลูกทัวร์กลุ่มนี้ น่าจะสนใจเรื่องไหน บางทีมันไม่ได้เป็นการบรรยายหน้ารถแบบทอล์คโชว์อย่างเดียว แต่ถ้าผมไปกับคณะเล็ก ๆ หรือแบบครอบครัว บรรยากาศจะเปลี่ยนไปเป็นแบบการจับเข่าคุยสนทนากันมากกว่า แลกเปลี่ยนไอเดีย บางทีก็สังเกตเห็นข้างทาง เค้าปลูกอะไรกัน เค้าเก็บเกี่ยวอะไรกัน มีเวลานิดหน่อยก็จอดรถพาเค้าไปดูกันได้ เลือกเอาที่จอดที่ปลอดภัยด้วยนะครับ ไปดู ไปถ่ายรูปแป๊บ ๆ บางทีสนทนาพาที ระหว่างลูกทัวร์กับชาวบ้าน โดยที่เราเป็นล่าม อันนี้ลูกทัวร์จะประทับใจมาก
เคยมีอยู่ครั้งนึงผมเห็นชาวบ้านเก็บเกี่ยวหอมแดงกัน ก็พาเค้าไปช่วยชาวบ้านเก็บ คึกคักกันใหญ่ ทั้งคนไทยคนเทศ พอดีผมไปเห็นใบบัวบกขึ้นกลางทุ่งนา เราก็ไปเก็บไว้กินกลางวันของเราเอง แต่มีคนสังเกตเห็น ก็มาถามก็เลยตั้งโต๊ะเล่าสรรพคุณใบบัวบก จากนั้นหลายคนก็เบนเข็มมาช่วยผมเก็บบ้าง กลายเป็นว่าได้มากระสอบใหญ่ ๆ ลูกทัวร์เลยโดนผมบ่นทีเล่นทีจริง ว่าตะบี้ตะบันเก็บมากันขนาดนั้น เกินปริมาณที่จะกินได้ จะทิ้งก็ไม่ควร เย็นนี้ต้องไปช่วยกันตั้งร้านค้าหน้าโรงแรมขายใบบัวบก เป็นค่าน้ำมันรถระหว่างทัวร์กันละกัน อ้าว ถ้าเค้าจะไปจริง ๆ ทำไง ผมก็บอกว่าให้เวลาเลือกสิบวินาที จะไปช่วยขายผักโดยที่ยอมสละสิทธิ์เอนจอยสระว่ายน้ำอย่างหรูที่โรงแรมก็ได้ ร้อยทั้งร้อย สระว่ายน้ำอยู่แล้วครับ
ทีนี้บางคนถามถึงรายได้ว่ามันจะกี่มากน้อย ก็จะเล่าคร่าว ๆ ว่า ขึ้นอยู่กับภาษาที่เราใช้ด้วยครับ ไม่นับพวกค่าตอบแทนที่ลูกทัวร์ซื้อของ อย่างไกด์ภาษาอังกฤษ หรือไทย ที่ทำในภูมิภาคก็อาจจะซัก 1000 บาทต่อวัน หรือบริษัทใจดี ขายทัวร์ได้ราคา อาจจะเพิ่มให้ตามสัดส่วน ไกด์คนไทยที่ไปประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ ก็ไม่เกิน 1500 บาท แต่ถ้าคนที่มีประสบการณ์สูง สามารถนำทัวร์ไปยุโรป อเมริกา อันนี้อาจจะได้ราว 3-4000 บาทต่อวัน ดูดีนะครับ แต่อย่าลืมว่า ในยุโรป อเมริกา ไกด์ต้องทำอะไรเองทุกอย่าง แม้กระทั่งติดต่อร้านอาหาร โรงแรม และตามรายทาง เรียกว่าสากกะเบือยันเรือรบเลยล่ะครับ บางครั้งเทียบกับความรับผิดชอบที่ต้องมี ยังเทียบกันไม่ได้เลยครับ ละคนที่ไปได้ ส่วนใหญ่สั่งสมประสบการณ์มาโชกโชน ปรมาจารย์ทั้งนั้น ผมยังไม่ถึงขั้นนั้นเลยครับ ถ้าเจอลูกทัวร์น่ารัก ไม่จู้จี้จุกจิก และไม่มีใครเจ็บป่วยระหว่างทัวร์ ก็ถือว่าโชคดีไป แต่พอคิดสารตะ รวมทั้งปีแล้ว มันแค่อยู่ระดับประคองตัวครับ มันไม่มีไกด์คนไหนในยุคนี้ที่ร่ำรวย นอกจากเค้าใช้อาชีพนี้เป็นบันได ต่อยอดไปทำธุรกิจอื่น ด้วยโอากาสที่เจอผู้คนมากหน้าหลายตา ปะเหมาะเคราะห์ดี ไปคลิกกัน เป็นตัวแทนธุรกิจกันไป จะเป็นแบบนั้นมากกว่า โดยรวมแล้วเราจะอยู่ในฐานะคนชั้นกลางที่ไร้สวัสดิการใด ๆ ทั้งสิ้นครับ อย่างเช่นสถานการณ์ด่วน ๆ นี้ ปิดไซต์งานก่อสร้าง ร้านอาหาร ทางรัฐบาลก็ประกาศให้เงินชดเชย แต่ไกด์ตกงานกันมาปีครึึ่งถึงสองปี โดยไม่มีงบช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้นครับ
ตกงานจากโควิด มาเป็นคนขายโคมไฟพลังแสงอาทิตย์และรับติดตั้ง ประทังชีวิตไปครับ
บางคนอาจจะมองว่า รายได้ดีจริง ๆ แต่อย่าลืมว่า งานเราไม่ได้มีทุกวัน และความสามารถในการรับงานก็มีขีดจำกัดด้วย เราไม่สามารถเดินทางแบบ 30-40 วันโดยไม่พักได้ ร่างกายคงไม่ยินดี ทำขนาดนั้นผมว่ารายได้ที่ได้มา คงพอแค่ค่ารักษาพยาบาลเท่านั้นล่ะครับ และอาชีพนี้มีความอ่อนไหวกับทุกสถานการณ์อย่างที่ผมเคยบอก ถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น เช่น ภัยธรรมชาติบางอย่าง หรือภัยการเมือง โรคระบาดอย่างตอนนี้ เราเป็นอาชีพแรกที่ตกงาน พอทุกอย่างเริ่มกลับเข้าที่ เราก็เป็นอาชีพสุดท้ายที่ฟื้นตัวครับ สุดท้ายนี้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนบนโลกเบี้ยว ๆ ใบนี้ครับ
ตอนนี้ผมก็เป็นคนนึงที่ตกงานมาราวปีครึ่ง เราก็ต้องดิ้นรนเหมือนทุกคน แต่ก็เป็นโอกาสให้ผมได้มานั่งเล่าเรื่องราวที่เผชิญมาในชีวิตการทำงาน ให้เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ อาจจะเคยใช้บริการ แต่ยังไม่ได้ทราบเบื้องหลังการทำงานของพวกเรา ถ้าเห็นว่าเนื้อหาของผมพอจะได้เปิดหู เปิดตา ก็ฝากติดตามกันต่อไปนะครับ ขอบคุณทุกไลค์ ทุกแชร์ ทุกคอมเมนต์ และทุกคนที่ติดตามครับ สัญญาว่าตราบใดที่ยังหายใจ จะมาเล่าเรื่องหลากหลายให้อ่านต่อไปครับ ขอบคุณจากใจครับ
จากหยางซั่ว กุ้ยหลิน กับบ้านเรือในทะเลสาบที่แคชเมียร์ อินเดีย วันหิมะตกหนักครับ
โฆษณา