29 มิ.ย. 2021 เวลา 15:06 • ท่องเที่ยว
[วันนี้อยากเล่าเรื่อง...] ไปดูผีเสื้อกันไหม? ในไทยไม่ต้องไกลถึงเกาหลี
"ไปดูผีเสื้อกันไหม?" ประโยคคำถามที่ดูจะธรรมดามากๆจากซีรีย์โรแมนติกเรื่อง Nevertheless รักนี้ห้ามไม่ได้ แต่กลับทำสาวกซีรีย์เกาหลีสาวๆอ่อนระทวยกันเป็นแถว จนประโยคนี้กลายเป็นวลีเด็ดที่ฮิตติดเทรนด์ทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เวลาแบบนี้สถานการณ์แบบนี้จะตามไปฟินดูผีเสื้อถึงเกาหลีคงลำบาก วันนี้ผู้เขียนได้รวบรวม 5 แหล่งดูผีเสื้อในไทยมาให้ผู้อ่านที่รักธรรมชาติ รักผีเสื้อทุกคนและเพื่อปลอบใจสาวกซีรีย์เรื่องนี้ที่จิกหมอนนอนฟินอยู่บ้านให้ได้ไปชมผีเสื้อตัวเป็นๆด้วยค่ะ
1. อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว
ถ้าเอ่ยถึงเรื่องผีเสื้อไม่เอ่ยถึงอุทยานแห่งนี้ไม่ได้เลย เพราะนอกจากความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าและนกหายากกว่า 300 ชนิด มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลายทั้งน้ำตก ทุ่งหญ้าและจุดชมวิว อุทยานแห่งนี้ยังเลืองชื่อเรื่องเทศกาลดูผีเสื้อที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม และยังได้ชื่อว่าเป็น "ดินแดนผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก" ด้วยผีเสื้อที่มากกว่า 400 สายพันธ์ุ !!
ผีเสื้อกลางวันที่เผยโฉมให้ได้ชม ทางอุทยานสามารถแบ่งได้เป็น 5 วงศ์หรือ 5 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ ผีเสื้อขาหน้าพู่ (Family Nymphalidae) ผีเสื้อหางติ่ง (Family Papilionae) ผีเสื้อหนอนกะหล่ำ (Family Pieridae) ผีเสื้อสีน้ำเงิน (Family Lycaenidae) และผีเสื้อบินเร็ว (Family Hesperiidae)
(ขอบคุณภาพจาก sanook.com)
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมผีเสื้อมากที่สุดคือ 09.00 -14. 00 น. โดยนักท่องเที่ยวสามารถชมผีเสื้อในพื้นที่อุทยานฯได้มากถึง 12 จุด แต่จุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมี 3 จุดคือ "บริเวณโป่งผีเสื้อ" จุดนี้อยู่ถัดจากที่ทำการอุทยานฯ ไปไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น "บริเวณน้ำตกปางสีดา" ที่ถึงก่อนโป่งผีเสื้อ และ "บริเวณลานหินดาษ" ที่อาจอยู่ไกลแต่เป็นจุดที่สวยงามมากที่สุด
2. อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.นครราชสีมา
จริงๆแล้วอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ 2 จังหวัด คือพื้นที่ในอำเภอปักธงชัย อ.วังน้ำเขียว อ.ครบุรี อำเภอเสิงสาง จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีป่าลานที่หาดูได้ยาก และเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ลำธารต่างๆ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานฯ จึงมีบรรดาผีเสื้อหลากหลายชนิดอย่างน้อย 18 ชนิด ออกมาอวดสีสันเพิ่มความงามให้พื้นที่และให้บรรดานักท่องเที่ยวได้ชม
จุดดูผีเสื้อในอุทยานฯมี 4 จุดด้วยกัน คือ บริเวณด้านหลังที่ทำการอุทยานฯ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี บริเวณน้ำตกห้วยใหญ่/น้ำตกม่านฟ้าของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่13 (สวนห้อม) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา บริเวณ “ผาเก็บตะวัน” ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และบริเวณเส้นทางจากหน่วยฯคลองน้ำมัน-หน่วยฯลำแปรง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา สำหรับบริเวณนี้จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และให้เจ้าหน้าที่นำทาง
3. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก จุดดูผีเสื้อที่ภูมิใจนำเสนอของอุทยานฯคือ "แคมป์บ้านกร่าง" ที่อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจานไปประมาณ 35 กิโลเมตร ที่นี่สามารถชมผีเสื้อบินไปมาได้นับพันตัว และยังเป็นจุดศูนย์รวมผีเสื้อของไทยกว่า 200 ชนิด
อีกบริเวณในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เป็นจุดดูผีเสื้อที่สำคัญ คือ "น้ำตกป่าละอู" ที่อยู่ทางใต้ของอุทยานฯ ที่สามารถดูผีเสื้อได้บริเวณสะพานข้ามห้วยชลนาฎ บริเวณชั้นที่ 1 ของน้ำตกป่าละอู และบริเวณฝาย 1 ใกล้ห้วยไม่ไกลจากบ้านพักเจ้าหน้าที่ ผีเสื้อที่จะพบเห็น เช่น ผีเสื้อจรกา ผีเสื้อสีอิฐธรรมดา ผีเสื้อหางแหลม เป็นต้น หรืออาจเป็นผีเสื้อที่หายาก เช่น ผีเสื้อเจ้าชายดำ ผีเสื้อลาย เป็นต้น
(ขอบคุณภาพจาก travel.mthai.com)
4. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก
อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่ อ.วังทอง อ.นครไทย อ.เนินพระปราง จ.พิษณุโลก และอ.เขาค้อ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ มีธรรมชาติที่สวยงามหลายแหล่ง เช่น ถ้ำ น้ำตก ทุ่งหญ้าโล่งใหญ่ และสถานที่ที่เป็นที่รู้จักคือ "ทุ่งแสลงหลวง" หรือทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งผืนป่าไทย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่เป็นที่รู้จัก เช่น ทุ่งนางพญา ทุ่งโนนสน และแก่งวังน้ำเย็น
จุดดูผีเสื้อของอุทยานฯ คือบริเวณแก่งวังน้ำเย็น เป็นแก่งหินขนาดใหญ่อยู่ในลำนำเข็ก และที่นี่เองที่จะได้เห็นผีเสื้อหลายชนิดเกาะตามโขดหินให้ถ่ายรูปกัน และบริเวณสองข้างทางระหว่างเดินทางไปแก่งน้ำเย็น โดยผีเสื้อที่น่าสนใจที่พบได้ในอุทยานฯ คือ ผีเสื้อจันทรา ผีเสื้อหน้าเข็มยักษ์หางย้อย
(ขอบคุณภาพจาก Supat Sophonviwatkul)
5. อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ
วกกลับเข้ากรุงกันบ้างนะคะ การดูผีเสื้อในพื้นที่ธรรมชาติตามอุทยานแห่งชาติ จำนวนผีเสื้อและโอกาสที่จะได้เห็นผีเสื้อนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน ที่ต้องโปร่งใสและมีเมฆน้อย แต่ถ้าใครที่ไม่อยากผูกความคาดหวังที่จะเห็นผีเสื้อสวยๆไว้กับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน แนะนำที่นี่เลยค่ะ อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพฯ ที่สวนวชิรเบญจทัศหรือสวนรถไฟ โดยภายในแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ ส่วนที่ 1 คืออาคารชั้นเดียวสำหรับจัดนิทรรศการการเรียนรู้เรื่องผีเสื้อและแมลง และส่วนที่ 2 คือ บ้านผีเสื้อ ขนาดใหญ่สูง 15 เมตร ที่จัดสวนเป็นป่าดิบชื้น ภายในจะพบกับผีเสื้อ 20 ชนิด มากกว่า 500 ตัวเกาะตามใบไม้ กิ่งไม้ หรือหากเรายืนนิ่งๆ ผีเสื้ออาจบินมาเกาะตัวเราเอง ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันแบบใกล้ๆอีกด้วย
(ขอบคุณภาพจาก ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร)
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ตอนนี้การเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปดูผีเสื้ออาจจะยาก แต่ผู้เขียนหวังว่าโพสนี้จะมีประโยชน์สำหรับการวางแผนท่องเที่ยวในอนาคต ขอเป็นกำลังใจให้กันในการดูแลสุขภาพและขอให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงนะคะ
ผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรสามารถแลกเปลี่ยนกันได้เสมอและฝากติดตามเพจเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน..ขอให้โชคดีสุขขีตลอดวันนะคะ
โฆษณา