✨🙏🙏🙏✨ สิ่งที่ทำให้ตัวเองคิดบวก คือการได้ ปฏิบัติธรรม สายสติปัตฐายสี่ ตามแนวทางพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญฐิตธัมโม 🙏🙏🙏 ปฏิบัติธรรมมา ถึงทราบว่า รูปนี้ สังขารนี้หาใช่ของเราหนอ...เป็นเพียง ดิน น้ำ ไฟ ลม มารวมตัวกันชั่วคราว เมื่อจิตมาอาศัยเขาอยู่ เกิดอุปาทาน ว่านี่! ตัวกู! ของกู! ตัวอุปาทาน นี้คือ " อวิชชา " คือความไม่รู้จริง ตามเหตุปัจจัย ทำให้เราเวียนว่าย ตาย เกิดใน วัฏสงสาร ก่อภพ ก่อชาติ ไม่จบไม่สิ้น หากเรามีปัญญา ตัดห่วงโซ่อุปปาทานใขขันธ์ได้เราจะลดการเวียนว่ายตายเกิด เปรียบเหมือนคนเห็นทางเดินสู่เป้าหมาย คนที่มาถึงขั้นนี้ เขาจะศรัทธามั่นต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะไม่มองคนในแง่ร้ายค่ะ
เขาจะชั่วมันก็เรื่องของเขา
เขาจะดีมันก็เรื่องของเขา
ใครจะเป็นชู้กับใครมันก็เรื่องของเขา
คนจะชังเรามันก็เรื่องของเขา
ใครจะรักเรามันก็เรื่องของเขา
ใครจะนินทาเรามันก็เรื่องของเขา
ใครจะสรรเสริญเรามันก็เรื่องของเขา
เพราะมนุษย์จะชายจะหญิงก็อยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม
คนที่มาถึงขั้นนี้เขาจะไม่ใส่ใจเรื่อง ที่กล่าวมาค่ะ เขาจะเฝ้าดูจิตตัวเอง ว่าจิตตอนนี้เป็นกุศลหรืออกุศล หากเกิดอกุศลต้อง กำหนดและตัดทิ้ง เหตุเกิดที่ไหน!? ให้ดับที่นั่น!! สมมุตินะคะว่า มีนาง ก.และ นายข. นางค. นายด. จับกลุ่มนินทาว่าร้ายเรา ยั่วยุต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี่ มันเป็นปากของเขา..เราไม่สามารถไปบังคับใครให้มาชมเรามาชอบ แต่ไอ้หูหน้าโง่ของเรา ไปฟัง ไปรับเข้ามาคิด ก็เกิดเสียอกเสียใจ หากเราปฏิบัติธรรม เรากำหนดเสียงหนอ...เรื่องมันก็จบที่ตรงนั้นจิตไม่ปรุงแต่ง มากำหนดที่ลิ้นปี่ว่ารู้หนอ..เป็นการ ตั้งสติให้อยู่กับตัว เดี๋ยวคนกลุ่มนั้นก็ทะเลมะกันเองค่ะ ไม่ต้องไปทำอะไร..ทั้งหมดทั้งมวล นี่ต้องใช้เวลาค่ะ ตัวเองปฏิบัติธรรม ตั้งแต่ปี2548 เพิ่งได้ของดีที่พระพุทธเจ้า ทรงค้นพบวิธีดับทุกข์ เมื่อปี 2563 ค่ะ โห...เราโง่มาตั้งนานคะ ต้องให้จิตเป็นผู้รับรู้ค่ะ ทุกอย่างมันไม่ได้อยู่ภายนอกค่ะ มันอยู่ที่ภายในจิตภายในใจของเรา เราต้องใช้จิตสู้กับกิเลสต่างๆ ที่มากระทบค่ะ อยากให้ทุกท่านมีดวงตาเห็นธรรมจะได้ ไม่ทุกข์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง😊