... "ธนาคารกลางทั่วโลก : ลดการสะสมเงินดอลล่าร์ลงหนักสุดในรอบ 25 ปี"
... "รัสเซีย" ได้กล่าวว่ากำลังเทเงินดอลลาร์ที่เดิมเคยสะสมเพื่อเป็นสกุลเงินสำรองและจะลดบทบาทของเงินหลักในการค้าระหว่างประเทศใหม่ และไม่ใช่แค่ประเทศเดียวที่ลดการถือครองเงินดอลลาร์ลง เนื่องจากเงินสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกลดเงินดอลล่าร์อเมริกาลงราว 20% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
***... ส่วนแบ่งเงินสำรองสกุลดอลลาร์อเมริกาที่ธนาคารกลางทั่วโลกถืออยู่ลดลงเหลือ 59% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2020, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุล่าสุด
... "การลดการใช้เงินดอลลาร์" กำลังสะสมโมเมนตัมมากขึ้นเนื่องจากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่โดยเฉพาะ "รัสเซียและจีน" กำลังนำร่องทำให้ทั่วโลกดู เร่งความพยายามในการลดการใช้เงินดอลลาร์ในการค้าร่วมกันลงและขายการถือครองตั๋วเงินคลังของอเมริกาซึ่งเป็นที่เคยเก็บเป็นทางเลือกที่มีค่าสำหรับประเทศต่างๆทั่วโลก
... รัสเซียขายการถือครอง T-bill มูลค่ากว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2019 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเสี่ยงต่อการคว่ำบาตรของอเมริกา โดยเปลี่ยนส่วนหนึ่งของเงินนั้นเป็นสินทรัพย์สกุลเงินหยวนแทน
... "จีน" ยังคงเผชิญความเสี่ยงอย่างหนักต่อค่าเงินดอลลาร์ โดยมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในพันธบัตรของกระทรวงการคลังของอเมริกา ณ เดือนมกราคมปี 2021 นี้ มากกว่าประเทศอื่นๆ รองจากญี่ปุ่น , ที่สร้างปัญหา เนื่องจากจีนไม่สามารถลดการถือครองได้อย่างรวดเร็วได้ เพราะจะเสี่ยงทำให้ราคาพันธบัตรตกลง การลงทุนถือครองถือครองก็จะขาดทุน
... ในเวลาเดียวกัน รัสเซียและจีนได้ดำเนินการเพื่อริเริ่มการค้าระหว่างกันในสกุลเงินประจำชาติของตนหรือเปลี่ยนไปใช้เงินยูโร ซึ่งแข่งขันกันมากขึ้นกับเงินดอลลาร์เจ้าหลักเจ้าเดิมในฐานะสกุลเงินที่ต้องการสำหรับ "การชำระหนี้ในการค้าระหว่างประเทศ"
***... ทั้งสองประเทศเปิดตัว "แผนสามขั้นตอน" เมื่อหลายปีก่อนเพื่อเทเงินดอลลาร์
... ในระยะแรก ทั้งสองประเทศให้คำมั่นว่าจะลดสัดส่วนการใช้เงินดอลล่าในการค้าต่อกันลง
... ในระยะที่สองนั้น พวกเขาพยายามที่จะ "เพิ่มบทบาทของเงินหยวนจีน" ในฐานะสกุลเงินหลักหน้าใหม่ในการชำระบัญชีระหว่างประเทศ และ "รัสเซีย" ได้เพิ่มสกุลเงินประจำชาติของจีนลงในปริมาณสำรองระหว่างประเทศขั้นต้น (GIR) แล้ว จีนใด้ใช้เงินหยวนค้าขายกับกว่า 30 ประเทศในข้อตกลงแลกเปลี่ยนการค้าทวิภาคีเพื่อสนับสนุนการใช้เงินหยวนแล้ว
... และขั้นตอนที่สาม สุดท้ายของความพยายามเหล่านี้ซึ่งยังคงดำเนินการอยู่ มีเป้าหมายเพื่อ "สร้างระบบการชำระเงินและการรับส่งข้อความทางเลือก" ที่อนุญาตให้ประเทศต่างๆ ใช้สกุลเงินในประเทศและของพันธมิตรแทนดอลลาร์หรือยูโรเพื่อชำระข้อตกลงทางการค้าและการลงทุน
***... ทั้งสองประเทศได้เปิดตัวระบบการชำระเงินของตนเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะสร้างทางเลือกอีกทางนอกจากระบบ SWIFT ของอเมริกา ซึ่งเป็นบรรทัดฐานระหว่างประเทศในปัจจุบันสำหรับการโอนเงิน และมาช่วยแก้ปัญหาในบริบทปัจจุบันของการคว่ำบาตรจากนักการเมืองตะวันตกให้กีดกันรัสเซียออกจากระบบดังกล่าว
... IMF เองก็ค่อยๆเล่นตามจีนรัสเซียด้วย โดยลงลึกสู่การเปลี่ยนถ่ายจากการครองจำนวนของเงินดอลลาร์และมาสู่สกุลเงินทางเลือกอื่นอย่างช้าๆ
... ข้อมูลล่าสุดจากมุมมองระยะยาว แสดงให้เห็นว่าส่วนแบ่งของสินทรัพย์ดอลลาร์ดอลล่าร์ใน "ทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลก"ลดลง 12 เปอร์เซ็นต์จาก 71% เป็น 59% นับตั้งแต่มีการเปิดตัวเงินยูโรในปี 1999
... ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งของเงินยูโรผันผวนประมาณ 20% ในขณะที่ส่วนแบ่งของสกุลเงินอื่น ๆ รวมถึงดอลลาร์ออสเตรเลีย, ดอลลาร์แคนาดา และ "หยวนจีน" เพิ่มขึ้นเป็น 9% ในไตรมาสที่สี่ของปี 2020
... มี "สัญญาณ" บางอย่างปรากฏขึ้นเนื่องจากในช่วงเวลาที่ "ค่าเงินดอลลาร์อเมริกาอ่อนค่า" เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ข่วงนี้เองที่ส่วนแบ่งเงินสำรองทั่วโลกของเงินดอลลาร์อเมริกาโดยทั่วไปลดลงตามไปด้วย
... และล่าสุดเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องจาก "กระแสเงินทุนไหลออกนอกประเทศอีกครั้ง" ยุคหลังสมัยทรัมป์( ไบเดน) และ "อเมริกาเริ่มส่งเงินออกนอกประเทศ" อีกครั้งเพื่อการลงทุน ตรงข้ามกับ "การที่เงินไหลเข้าสุทธิ" ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการการลงทุนในอเมริกาเพื่อกระตุ้นการจ้างงานในประเทศกลับมา
... แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ใน "ระบบการเงินระหว่างประเทศ" ในช่วงหกทศวรรษที่ผ่านมา แต่เงินดอลลาร์อเมริกายังคงเป็น "สกุลเงินสำรองระหว่างประเทศที่สำคัญ" และไอเอ็มเอฟตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญใดๆ ในการสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกจะใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าจะบรรลุผล
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
