30 มิ.ย. 2021 เวลา 14:55 • สิ่งแวดล้อม
"หากผึ้งหายไปจากโลกใบนี้ มนุษย์ก็จะเหลือเวลาเพียงสี่ปีในการใช้ชีวิต" "If the bee disappeared off the face of the Earth, man would only have four years left to live" Albert Einstein
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินประโยคอันลือลั่นนี้ผ่านหูมาบ้าง ประโยคถูกกล่าวขึ้นโดย 'อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์' อัจฉริยะผู้หนึ่งที่ถูกยกย่องว่าเป็นนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ซึ่งคำพูดนี้ถูกกล่าวมาแล้วยาวนานร่วมศตวรรษ แต่กลับสาบสูญไปเฉกเช่นล่องลอยไปกับสายลม
ผึ้งนั้นสำคัญไฉนจึงถูกกล่าวโดยอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่เพียงนี้?
จากหนังสือ Canadian Bee Journal ถูกตีพิมพ์และเผยแพร่เมื่อปี ค.ศ. 1941 มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หากผึ้งหายไปจากโลก พืชอย่างน้อยแสนชนิดจะไม่เหลืออยู่ในโลกใบนี้” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของผึ้งว่ามีส่วนช่วยในการผสมเกสรของพืชชนิดต่างๆมากมายหลายชนิด จุดเด่นของผึ้งคือ สามารถบินได้ไกลๆ คลอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าแมลงชนิดอื่นๆ และนับเป็นแมลงที่ผสมเกสรได้ดีที่สุดในโลกอีกด้วย ในบรรดาพืชกว่า 100 ชนิด มี 70 ชนิดที่ต้องการผึ้งในการผสมเกสรให้ หากผึ้งหายจากโลกใบนี้ไปไม่ใช่แค่ว่า ดอกไม้พืชพรรณนานาชนิดจะสูญหายไปตามผึ้ง แต่รวมถึพืชผลที่มนุษย์กินกว่าร้อยละ 70 ของพืชที่มนุษย์ทั้วโลกบริโภคก็จะหายตามไปด้วย เช่น แตงกวา หัวหอม เชอร์รี่ ส้ม แอปเปิล ฟักทอง เป็นต้น หากปราศจากผึ้งก็ไม่มีการผสมเกสรและนั่นหมายถึงหายนะของพืชพรรณทั้วโลก และนี่ยังไม่นับรวมถึง ขี้ผึ้ง น้ำผึ้ง รังผึ้ง และอื่นๆ ที่เราใช้ประโยชน์จากเหล่าผึ้งตัวน้อย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยแต่อย่างใดแต่กลับเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ เพราะปัจจุบัน ผึ้ง ถูกจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุกคามอย่างหนักและเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ุ ซึ่งปัจจุบันว่ากันว่า ผึ้งนั้นได้หายไปจากโลกใบนี้แล้วร้อยละ 90 ด้วยกัน
ผึ้งหายไปไหน?
การหายไปหรือการตายไปของหมู่มวลมหาประชาชนผึ้งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งปรากฏการณ์ที่ว่านี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราบนโลกสีน้ำเงินใบนี้ จนมีการตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า "ผึ้งล้มตาย" หรือ "Colony Collapse Disorder" หรือเรียกสั้นๆว่า "C.C.D." ซึ่งเกิดจากเหล่าผึ้งงานส่วนใหญ่หายไปจากรังโดยไม่ทราบสาเหตุ ทิ้งไว้เพียงนางพญาผึ้ง และ ผึ้งพยาบาลไม่กี่ตัว เมื่อรังขาดผึ้งงานก็เท่ากับรังไร้ซึ่งอาหาร ผึ้งที่หลงเหลืออยู่ก็จะตายตามไปด้วย รังผึ้งนั้นๆก็จะล่มสลายตามมา ซึ่งมีเหตุผลหลายประการด้วยกันที่อธิบายว่าผึ้งนั้นหายไปไหน
1)การสูญเสียผึ้งจากไรศัสตรูผึ้ง
2)โรคในผึ้ง
3)ความเครียดจากการที่มนุษย์ขนส่งไปผสมเกสร
4)การเปลี่ยนถิ่นที่อยู่ที่ผึ้งใช้หาอาหาร
5)หาอาหารได้ไม่เพียงพอ
6)ความเครียดของผึ้งจากปัจจัยอื่นๆ
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ชื่อว่า The Federal Institute of Technology of Switzerland พบว่าอีกหนึ่งเหตุผลของการหายไปของผึ้งมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือหลายพันล้านเครื่องทั่วโลก ที่ส่งคลื่นรบกวนการเดินทางของผึ้ง ทำให้สูญเสียทิศทางในการกลับรังของผึ้ง
แต่สาเหตุที่สำคัญที่สุดร้อยละ 34 คือการใช้สารเคมีที่ใช้ในการกำจัดแมลง การใช้ยาฆ่ายา การใช้ปุ๋ยเคมี การเผาซากพืชไร้จนเกิดการรมควันในทุกๆด้านจนผึ้ง ไม่อาจอาศัยอยู่ได้ ซึ่ง สารเคมีที่คาดกันว่ามีผลต่อการหายไปของผึ้งมากที่สุดคือ Neonicotinoid ซึ่งเป็นสารที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับนิโคตินในใบยาสูบ สารตัวนี้ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางของแมลง ส่งผลให้แมลงกลายเป็นอัมพาตและตายในที่สุด มีการคาดการณ์กันไว้ว่าหากมนุษย์ยังไม่อาจแก้ไขปรากฏการณ์ C.C.D. นี้ได้ อีกไม่เกิน 30 ปีข้างหน้าผึ้งก็จะสูญพันธ์ุและ say bye the world จากโลกสีน้ำเงินใบนี้ และหากเป็นอย่างนั้นจริง พืชผัก คงจะมีราคาที่สูงมากขึ้นแน่ๆ
ทางออกของการแก้ไขปัญหานี้เห็นจะอยู่เพียงวิธีการเดียวที่ง่ายที่สุดคือ เราทุกคน ลด ละ เลิก ที่จะใช้ยาฆ่าแมลง และสารเคมีนานาชนิด และหันมาสนับสนุนและพึ่งพาการทำเกษตรแบบอินทรีย์อย่างรวดเร็ว เพียงมือน้อยๆของเราทุกก็สามารถที่จะพิทักษ์โลกและมนุษยชาติได้ และจงจำไว้ให้ขึ้นใจว่า "Pesticide = Suicide" หรือ "ใช้ยา=ฆ่าตัวตาย"
สำหรับวันนี้ ฝันดีครับ
ภาพจาก : linkedin.com
โฆษณา