2 ก.ค. 2021 เวลา 12:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หนังทำเงินอเมริกาเหนือ 25-27 มิถุนายน ‘F9’ ทำรายได้มโหฬารเปิดตัวในระดับ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สร้างสถิติใหม่ในยุคโควิดระบาด
รายงานหนังทำเงินอเมริกาเหนือ 25-27 มิถุนายน จากวาไรตี หนัง ‘F9’ งานเรื่องใหม่ของหนังชุด ‘Fast & Furious’ เปิดตัวแล้ว หลังจากเลื่อนฉายมาหลายรอบในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา และทำรายได้อลังการ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 4,179 จอ ซึ่งถือว่าเป็นการออกตัวที่ประสบความสำเร็จมหาศาลในตลาดหนังอเมริกาเหนือ ไม่ใช่แค่ในช่วงโควิดระบาด แต่นับตั้งแต่หนัง ‘Star Wars: The Rise of Skywalker’ เปิดตัวเมื่อปี 2019 เลยทีเดียว
หนังที่อัดแน่นไปด้วยชายร่างล่ำ, รถซิ่ง และฉากเสี่ยงตายท้าทายแรงดึงดูดของโลก ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของกลุ่มก๊วนในแบบครอบครัว กลายเป็นงานที่สร้างจุดเปลี่ยนให้กับโรงภาพยนตร์ในอเมริกาเหนือ ที่พยายามฟื้นตัวในช่วงเวลาที่ผู้ชมเริ่มรู้สึกสบายใจกับการกลับเข้าโรงภาพยนตร์อีกหน และ ‘F9’ ก็คือหนังบล็อกบัสเตอร์ระดับความหวัง ที่สามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้โรงภาพยนตร์ในยุคโควิด โดยในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ‘A Quiet Place Part II’ เพิ่งสร้างสถิติเปิดตัวในยุคโควิดด้วยรายได้ถึง 48.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับผู้ชมหนังในสุดสัปดาห์เปิดตัว เป็นเพศชาย 60%, และ 51% อายุต่ำกว่า 25 ปี โดย 37% ของคนดูเป็นพวกละติน, 35% เป็นคนผิวขาว, 16% เป็นคนผิวดำ และ 8% เป็นคนเอเชีย “ผู้ชมหนังของเราหลากหลายมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแรงของทีมนักแสดง และหนังชุดนี้” จิม ออร์ ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายในประเทศของยูนิเวอร์แซลกล่าว
โดยหนังไม่ได้รับการคาดหมายว่าจะเปิดตัวด้วยรายได้ที่สูงกว่าหนังภาคก่อนๆ เพราะโรงหนังในสหรัฐอเมริกาเปิดบริการเพียง 80% ส่วนโรงหนังในแคนาดาส่วนใหญ่ก็ยังปิดบริการ ทำให้ผู้ชมไม่สามารถกลับเข้าโรงได้ในระดับเดียวกับที่เคยเป็นในช่วงก่อนโควิด แต่ถ้าเทียบกับหนังในชุดนี้ ‘F9’ ทำรายได้เฉือนหนังตอนแยก ‘Hobbs & Shaw’ เมื่อปี 2019 ซึ่งทำรายได้เปิดตัว 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนรายได้เมื่อจบโปรแกรมของหนังอยู่ที่ 173 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอเมริกาเหนือ และ 759 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั่วโลก โดยหนังหลักเรื่องก่อนหน้านี้ ‘The Fate of the Furious’ เปิดตัวเมื่อปี 2017 ด้วยรายได้ 98 ล้านเหรียญสหรัฐ และทำเงินในอเมริกาเหนือ 226 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกเท่ากับ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ที่ทำรายได้มากที่สุดก็คือ ‘Furious 7’ ในปี 2015 ที่รายได้สามวันแรกทำเอาไว้ 147.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และทำเงินในอเมริกาเหนือไปถึง 353 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อรวมทั่วโลก
เดวิด เอ. กรอสส์ ผู้บริหารของแฟรนไชส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ รีเสิร์ช บริษัทที่ปรึกษาทางด้านภาพยนตร์ พูดถึงความสำเร็จในสัปดาห์แรกของ ‘F9’ เอาไว้ว่า “เป็นการเปิดตัวที่เยี่ยมยอด ของหนังชุดที่ไม่ธรรมดา” โดยกรอสส์มองว่า “ในช่วงเดือนที่แล้ว คนดูแสดงถึงความแข็งแรงที่เพิ่มมากขึ้นเป็นพักๆ อย่าง สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากรายได้ของ ‘A Quiet Place 2’ แต่มันก็ดูเป็นเรื่องชั่วครั้งชั่วคราว” เขาเสริมด้วยว่า “‘F9’ และ ‘A Quiet Place 2’ เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในตอนนี้ธุรกิจนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ทั้งหนังชุดที่มีความแข็งแกร่งและการฉายโรงล้วนๆ โดยไม่ลงสตรีมมิง” ซึ่งหนังหลายๆ เรื่องที่ออกฉายในช่วงที่ผ่านมา “ติดหล่มของสตรีมมิง”
กรอสส์อ้างถึง ‘Cruella’ และ ‘Raya and the Last Dragon’ ของดิสนีย์ รวมถึง ‘The Conjuring: The Devil Made Me Do It’ กับ ‘Godzilla vs. Kong’ ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ซึ่งเดินหน้าไปเรื่อยๆ บนบ็อกซ์ออฟฟิศ แต่รายได้ของหนังเหล่านี้ต้องมีหมายเหตุกำกับ เพราะมีให้ชมในสตรีมมิงด้วย แต่หนังอย่าง ‘A Quiet Place Part II’ และ ‘F9’ ต่างได้ประโยชน์จากการที่ผู้ชมต้องเข้ามาดูในโรงเท่านั้น โดยหลังเข้าฉายในโรงหนังแล้ว 45 วัน ‘A Quiet Place Part II’ ถึงจะลงสตรีมมิงพาราเมานท์พลัส ขณะที่ ‘F9’ จะลงระบบวิดีโอตามสั่งหลังเข้าโรงด้วยเวลาที่พอๆ กัน
ในต่างประเทศ ‘F9’ ยังเป็นกำลังหลักในการขายตั๋วด้วยเช่นกัน โดยหนังทำรายได้ผ่าน 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปแล้ว โดยในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังทำเงินอีก 38 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 45 ตลาด รายได้รวมนอกอเมริกาขยับเป็น 335 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกเป็น 405 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึงกระนั้นการที่ต้องเจอกับกฎระเบียบต่างๆ ในยุคโควิด และผู้ชมก็ลังเลกับการกลับเข้าโรงภาพยนตร์ ทำให้รายได้รวมของ ‘F9’ คงไม่ได้สูงมากเท่ากับหนังชุดนี้เรื่องก่อนๆ แล้วกับการที่หนังไม่ได้ใช้ทุนสร้างน้อยลง ทำให้หากต้องการให้คุ้มทุนสร้างระดับ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไม่ร่วมค่าการตลาดต่างๆ หนังคงต้องหวังพึ่งรายได้จากออนไลน์มาโปะเพื่อไม่ให้บัญชีติดตัวแดง
ในอันดับอื่นๆ ‘A Quiet Place Part II’ อยู่ในอันดับ 2 ทำเงินอีก 6.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หนังฉายมาแล้ว 5 สัปดาห์ และทำเงินได้น่าทึ่งถึง 136 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เฉพาะในอเมริกาเหนือ ส่วนอันดับ 3 เป็นหนังแอ็กชัน-เบาสมองของไลออนเกตส์ ‘The Hitman’s Wife’s Bodyguard’ ที่ทำเงินในสัปดาห์ที่สองของการฉายไป 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตกจากสัปดาห์ก่อนหน้า 57% หนังภาคต่อของ ‘The Hitman’s Bodyguard’ เมื่อปี 2017 ทำเงินไปแล้วทั้งหมด 25.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หนังลูกผสมซีจี-คนแสดง ‘Peter Rabbit 2: The Runaway’ ตามมาเป็นที่สี่ ด้วยรายได้ 4.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังฉายมาสามสัปดาห์หนังทำเงินไปทั้งหมด 28.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รายได้รวมทั่วโลกก็ผ่านร้อยล้านไปแล้ว เมื่อทำเงินนอกอเมริกาไป 79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนหนังตอนก่อนของ ‘101 Dalmatians’ จากดิสนีย์ ‘Cruella’ ได้เงินในสุดสัปดาห์ที่ห้าอีก 3.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยหนังเปิดตัวในโรงพร้อมกับทางดิสนีย์พลัส ที่สมาชิกต้องเสียค่าชมเพิ่มอีก 30 เหรียญ เก็บเงินในอเมริกาเหนือไปแล้ว 71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนรายได้รวมทั่วโลกเท่ากับ 183 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในกลุ่มของหนังอินดี ‘I Carry You With Me’ ทำได้ดีจากการฉายแค่ 4 จอด้วยรายได้ 20,049 เหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 5,012 เหรียญต่อจอ หนังเปิดตัวที่งานเทศกาลหนังซันแดนซ์ และได้เสียงวิจารณ์ที่ดี สำหรับดารานำของหนังก็ได้แก่ อาร์มานโด เอสพิเทีย, คริสเทียน วาซเควซ และมิเชลล์ ร็อดนิเกวซ
แม้ ‘F9’ จะถูกมองว่าเปิดทางให้กับหนังซัมเมอร์เรื่องอื่นๆ เช่น ‘Black Widow’ ของดิสนีย์/ มาร์เวล ที่จะเปิดตัววันที่ 9 กรกฎาคมนี้ และ ‘The Suicide Squad’ ของวอร์เนอร์ฯ/ ดีซี ที่จะเปิดตัว 6 สิงหาคม แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่า ธุรกิจโรงหนังยังคงไม่ฟื้นตัวแข็งแรงนั
“อุตสาหกรรมยังคงไม่แน่นอน” กรอสส์กล่าว “คุณไม่สามารถปิดธุรกิจที่เคยทำเงินถึง 42 พันล่านเหรียญสหรัฐฯ ไปถึง 15 เดือน แล้วมาจัดการทุกอย่างใหม่ โดยคาดหวังว่ามันจะกลับมาแข็งแรงดังเดิมได้ในเดือนหรือสองเดือน ผลกระทบจากโรคระบาดมันต้องใช้เวลาในการเยียวยา ความปกติครั้งใหม่กำลังเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos
‘Lords of Dogtown’ ว่าด้วยชีวิตเด็กเล่นสเก็ตบอร์ดและกระดานโต้คลื่น 3 คนที่สไตล์การเล่นบอร์ดและใช้ชีวิตแตกต่างกัน และทำให้การเล่นเสก็ตบอร์ดเปลี่ยนไปจากเดิมจนถึงทุกวันนี้ อ่านเรื่องราวเต็มๆ กันได้ที่นี่ > https://bit.ly/3mH0oDu

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา