3 ก.ค. 2021 เวลา 07:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ตู้จ่ายสินค้าอุตสาหกรรมแบบอัตโนมัติ กับการจัดการคลังสินค้าโดยผู้ขาย หรือ VMI
ตู้จ่ายสินค้าอุตสาหกรรมแบบอัตโนมัติ
แนวคิดของสินค้าคงคลังที่จัดการโดยผู้ขาย (VMI = Vendor-Managed-Inventory) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ได้รับความนิยมในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยอาจจะมีการใช้ชื่อการให้บริการที่แตกต่างกันไปตาแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น Vendor-Managed Replenishment, Supplier-managed inventory, Direct store delivery, Direct plant delivery เป็นต้น ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นเรื่องเดียวกันทั้งสิ้น
ในทำนองเดียวกัน ในหมวด MRO (Maintenance, Repair and Operations) สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับคำนี้ ขออธิบายง่ายๆก่อนว่า หมายถึง พัสดุที่ใช้ในการปฏิบัติงานและซ่อมบำรุงโรงงาน ซึ่ง VMI ได้ขยายขอบเขตไปยังเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม (IVM: Industrial Vending Machine) IVM ได้กลายเป็นรายการโปรดใหม่สำหรับผู้จัดการแผนก MRO ในอุตสาหกรรมต่างๆ IVM สามารถช่วยลดสินค้าคงคลังและต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน และลดงานธุรการเกี่ยวกับการสั่งซื้อ การตรวจสอบการเบิกจ่าย เป็นต้น
ตู้จ่ายสินค้าอัตโนมัติเหล่านี้มีประโยชน์ในการนำไปใช้ได้ในเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต เช่น รถยนต์ น้ำมันและก๊าซ เคมีภัณฑ์ เภสัชกรรม โลหะ และอื่นๆ รวมไปถึง สายการผลิตและการประกอบต่อเนื่องอื่นๆ
ตลาด IVM ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 765 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.41 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 สำหรับอัตรา CAGR 7% (2018-2025)
VMI อุตสาหกรรมสร้างความแตกต่างในพื้นที่ MRO อย่างไร
อุตสาหกรรมการผลิตต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการจัดการรายการในส่วน MRO Class C (หมายถึงรายการพัสดุในคลังที่มูลค่าต่ำๆ แต่มีจำนวนมากมายหลายชนิด) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัสดุสิ้นเปลือง เช่น เครื่องมือต่างๆ อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) และสินค้ามูลค่าต่ำอื่นๆ ที่มีปริมาณมาก
ส่วนใหญ่แล้ว การสั่งซื้อที่ไม่มีประสิทธิภาพและการสต็อกพัสดุที่ไม่เหมาะสม การขาดการคาดการณ์หรือการคาดการณ์ที่ไม่ดีพอ ทำให้สินค้าคงคลังของรายการที่ไม่สำคัญมีปริมาณสูงขึ้น (ที่ไม่เพียงเพิ่มต้นทุนการถือครอง แต่ยังครอบครองพื้นที่คลังสินค้า และอื่นๆ อีกด้วย) แน่นอนว่าจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของบริษัทนั่นเอง
นอกจากนี้ ความท้าทายหลักที่เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงในโรงงานต้องเผชิญคือการสั่งซื้อและเบิกใช้รายการที่จำเป็นในระหว่างดำเนินการผลิต เวลาในการผลิตจำนวนมากสูญเปล่าไปกับการเดินเพื่อขอเบิกวัสดุสิ้นเปลืองและชิ้นส่วนอะไหล่อื่น ๆ จากคลังหรือสโตร์ส่วนกลาง หรือเพื่อทำใบขอซื้อไปยังแผนกจัดซื้อซึ่งต้องสั่งซื้อสินค้าที่แตกต่างกันจากซัพพลายเออร์หลายราย สร้างบันทึกการทำงานหลายรายการ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดใช้เวลานานและใช้แรงงานมาก
ในหลายๆครั้ง สินค้าต่างๆมักจะถูกซื้อในปริมาณมากเพื่อลดโอกาสที่สินค้าจะหมดหรือเพื่อรับส่วนลดจากซัพพลายเออร์ และเมื่อเวลาผ่านไปสต็อกเหล่านี้ก็จะหมดอายุลงหรือถูกเลิกใช้ (Obsolete) ในทางตรงกันข้าม ถ้าการวางแผนการเก็บสต็อกล้มเหลวหรือไม่ถูกต้อง เมือเกิดการหยุดทำงานของเครื่องจักรกะทันหัน อาจส่งผลกระทบสำคัญในกระบวนการผลิตและซัพพลายเชนทั้งในแง่ของต้นทุนและระดับการให้บริการต่อลูกค้าได้
ปัญหาสำคัญประการสุดท้ายคือ คลังหรือสโตร์จะเปิดในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และเมื่อหมดเวลาแล้วพนักงานจะไม่สามารถเข้าถึงหรือเบิกรายการได้ ดังนั้นพนักงานจึงมักจะเบิกของมาเก็บไว้เผื่อใช้ (Squirrel Stock) แม้ว่าสต็อกกระรอกนี้จะสามารถละเวลาที่คนงานต้องเสียไปเพื่อ เข้าไปเบิกของในสโตร์หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด สต็อกกระรอกอาจส่งผลให้มีการจัดซื้อจัดจ้างในปริมาณมากเกินความจำเป็น ลดความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับของการใช้งาน การโจรกรรม และค่าใช้จ่ายที่ผูกกับคลัง MRO เพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อลบล้างข้อจำกัดเหล่านี้ในสายการผลิต เครื่องจำหน่ายสินค้าแบบจุดใช้งาน (Point-Of-Use) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า IVM นั้นสมเหตุสมผลทางธุรกิจสำหรับหลายองค์กร เครื่องนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบในการประหยัดเวลาในการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง MRO และปรับปรุงการใช้จ่าย
สิ่งที่ผู้จัดการ MRO ต้องรู้เกี่ยวกับโซลูชันการขายสินค้าทางอุตสาหกรรมในฐานะทางเลือก
โซลูชันการจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมคืออะไร?
โซลูชันการจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมและ Point-Of-Use ได้รับการพัฒนาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อดำเนินการอย่างชาญฉลาดและประหยัดยิ่งขึ้น และเพื่อรวบรวมหมวดหมู่การใช้จ่ายที่อยู่นอกการควบคุมเสมอ—สำหรรับ วัสดุ Indirect หรือ MRO นั้น IVMs ทำหน้าที่เป็นหน่วยจ่ายอัตโนมัติสำหรับรายการ MRO ประเภทต่างๆ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติสามารถรองรับสินค้าขนาดเล็ก เช่น อุปกรณ์ป้องกันดวงตา ผ้ากันเปื้อน ถุงมือ รองเท้า แคล้มป์รัด เครื่องมือช่าง และอื่นๆ ตลอดจนเครื่องมือขนาดใหญ่และอะไหล่ที่มีขนาดและรูปร่างต่างกัน
IVM เหล่านี้มาพร้อมกับตัวเลือกการเติมอัตโนมัติและให้การติดตามการใช้งานกับสินค้าที่มีปริมาณมากและมีมูลค่าต่ำ และสามารถอยู่ใกล้กับผู้ใช้ปลายทางที่พื้นการผลิต
IVM สามารถจัดการได้โดยใช้เครื่องมือควบคุมสินค้าคงคลังต่ำสุด-สูงสุด (Min-Max) หรือแบบจำลองข้อมูลการคาดการณ์อื่นๆ ที่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับระดับการสั่งซื้อซ้ำของสินค้า โดยจะขจัดเหตุการณ์ที่สินค้าขาดสต็อกให้หมดไป
การจัดการสินค้าคงคลัง การรักษาความปลอดภัย และความรับผิดชอบมักจะเป็นตัวขับเคลื่อนประสิทธิภาพหลัก ควบคู่ไปกับการตัดสินใจจัดซื้อและจัดเก็บที่อิงตามการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานอย่างชาญฉลาด
แล้วมันสามารถนำมาใช้ได้ที่ไหนล่ะ?
ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจำเป็นต้องเข้าใจคุณค่าของ IVM เหล่านี้สำหรับธุรกิจของตน ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีการบริโภค MRO สูง (เช่น อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เครื่องมือ และวัสดุสิ้นเปลือง) และพยายามลดการบริโภคลงและลดสินค้าคงคลังสำหรับรายการ MRO ที่มีปริมาณมาก บริษัทควรพิจารณาวิธีการจำหน่ายดังกล่าวอย่างแน่นอน
1
เครื่องจักรเหล่านี้เหมาะกับอุตสาหกรรมที่ต้องการปริมาณวัสดุสิ้นเปลืองที่สูงขึ้นสำหรับการดำเนินงาน มีการผลิตที่ต่อเนื่อง และเผชิญกับความสูญเสียที่สำคัญระหว่างการหยุดทำงานของการซ่อมและบำรุงรักษา
สำหรับวัสดุสิ้นเปลือง MRO และ PPE ซึ่งการคาดการณ์เป็นเรื่องยากและรูปแบบการบริโภคยังไม่สามารถสรุปได้ โซลูชันสินค้าคงคลังที่จัดการโดยผู้ขายนั้นมีประสิทธิภาพมาก จากมุมมองของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หากความถี่ในการสั่งซื้อสินค้ามูลค่าต่ำค่อนข้างสูงและการจัดการสินค้าคงคลังทำได้ยาก การจัดการดังกล่าวสามารถลดต้นทุนและพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
และมีตัวเลือกอะไรบ้างล่ะ?
สองตัวเลือกที่พบบ่อยที่สุดในการปรับใช้ IVM ในโรงงานคือ ผ่านซัพพลายเออร์ MRO ที่ต้องการในการมีส่วนร่วมจัดการสินค้าคงคลังโดยผู้ขาย หรือ ผู้ผลิตเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (OEM) ซึ่งทำให้ผู้ซื้อสามารถจัดการซัพพลายเออร์ที่มีอยู่หลายรายสำหรับสินค้าที่แตกต่างกัน
โมเดลธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอุตสาหกรรม
Model A – Supplier Dependent (MRO Suppliers with VMI)
• โมเดลนี้เหมาะสำหรับ ผู้จัดจำหน่าย และผู้ค้ารวมศูนย์ (Integrated Supplier)
• เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติจะถูกนำมาให้เช่าแก่ผู้ซื้อตามสัญญา เช่น 3-5 ปี
• ซัพพลายเออร์ในรูปแบบนี้โดยทั่วไปจะมีตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็นโซลูชัน กล่าวคือให้ทั้งเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์ MRO ที่จำเป็นต้องจ่ายตามความต้องการ
• ต้นทุนสำหรับผู้ซื้อถือเป็นการจ่ายค่าสินค้า MRO ,ค่าเช่าซอฟต์แวร์และเช่าตู้จ่ายสินค้าอัตโนมัติ
• ใบกำกับสินค้าถูกส่งไปยังผู้ซื้อเป็นรายเดือน
1
Model B – Supplier Agnostic (Vending Machine OEMs + Suppliers)
• โมเดลนี้เหมาะสำหรับ ผู้ผลิตตู้จ่ายสินค้าอัตโนมัติ (OEM) เป็นหลัก เช่น ACE
• โดยเป็นการซื้อขาดจากผู้ผลิตตู้
• โดยทั่วไปแล้ว OEM จะจัดหาเฉพาะเครื่องและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ผู้ซื้อจัดการสินค้าคงคลังด้วยตนเอง
ผู้ซื้อสามารถเชื่อมโยงซอฟต์แวร์การจัดการสินค้าคงคลังกับซัพพลายเออร์ MRO ที่ต้องการได้
• ดังที่กล่าวไว้ ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าใช้จ่ายครั้งเดียวสำหรับตู้จ่ายและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
• โมเดลมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในแง่ของการจัดการสินค้าคงคลัง เพราะสามารถจัดการกับสินค้าและซัพพลายเออร์ ได้หลายราย
1
ทั้งสองตัวเลือกมีข้อดีและข้อเสีย: ผู้จัดการฝ่ายจัดหาจำเป็นต้องเลือกตามความต้องการทางธุรกิจของตน แม้ว่าตัวเลือกในการจัดหาเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติจาก OEM จะดูแพงกว่าตัวเลือกอื่น แต่ก็สามารถยืดหยุ่นได้ในแง่ของการจัดเก็บรายการต่างๆ ที่มีขนาดและปริมาณต่างกัน และยังให้โอกาสในการจัดหาแหล่งจากซัพพลายเออร์หลายรายตามความต้องการทางธุรกิจ
1
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญอื่นๆ สำหรับตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม
1
จะซื้อหรือเช่าดี?
ผู้ซื้อต้องตัดสินใจตามข้อกำหนดขององค์กรและกลยุทธ์ในอนาคต
การซื้อต้องใช้เงินลงทุนเริ่มแรกสูงกว่าการเช่า อย่างไรก็ตาม อาจมีประสิทธิภาพมากหากผู้ซื้อมีการใช้จ่ายกับ MRO เป็นจำนวนมากและมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการจัดการสินค้าคงคลัง การเช่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากผู้ซื้อมีการใช้จ่ายค่อนข้างน้อย
1
คำถามสำคัญต่อไปนี้สามารถช่วยในการตัดสินใจได้
• ผู้ซื้อประหยัดด้านการใช้จ่าย MRO มากกว่า ราคาที่ต้องจ่ายค่าตู้หรือไม่?
• ประหยัดแรงงานและเวลาได้มากน้อยเพียงใดจากการดำเนินการดังกล่าว
• ประหยัดเวลาได้มากเพียงใดโดยไม่ขัดจังหวะการปฏิบัติงาน (เครื่องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและรับสินค้าจากการเบิกผ่านตู้ใช้เวลาประมาณ 10 วินาที)
• ผู้ซื้อประหยัดเวลาและพลังงานได้มากเพียงใดจากการจัดการที่ลดลง
• ต้นทุนการเป็นเจ้าของ IVM ทั้งหมดเป็นเท่าใด (หากซัพพลายเออร์ที่ให้เช่าดูแลการดำเนินการและบำรุงรักษาอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมเข้ากันเป็นค่า TCO:Total Cost of Ownership หากซื้อ)
1
เกณฑ์การคัดเลือกซัพพลายเออร์
ซัพพลายเออร์หลายรายมีจำหน่ายในตลาดโดยมีบริการที่คล้ายคลึงกันสำหรับ IVM เนื่องจากพื้นที่นี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซัพพลายเออร์ที่ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาจึงอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าสำหรับอนาคต หลายบริษัทกำลังทำงานเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและผนวกรวมบริการเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น ด้วยการเปิดตัวระบบบนคลาวด์ โซลูชันการจำหน่ายสินค้าทางอุตสาหกรรมได้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับบริษัทต่างๆ ในการซื้อ ปรับใช้ และใช้งาน นอกเหนือจากความง่ายในการใช้งานแล้ว ความง่ายในการใช้งานและการฝึกอบรม ความง่ายในการรวมระบบ (การซิงค์ข้อมูลกับ ERP ที่มีอยู่ แผนการจัดการวัสดุ เครื่องมือการคาดการณ์ และอื่นๆ) และคุณลักษณะสำหรับการเติมอัตโนมัติมีความสำคัญมาก ควรเลือกซัพพลายเออร์ที่เข้าใจความต้องการทางธุรกิจและจัดหาโซลูชันที่ปรับแต่งได้
3
การประหยัดและ ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน)
การประหยัดที่ทำได้จากการใช้ IVM นั้นมีความสำคัญ โซลูชันการจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติส่วนใหญ่อ้างว่าสามารถประหยัดได้มากกว่าร้อยละ 50 และ ROI คิดเป็นเดือนหรือแม้กระทั่งเป็นวันหลังจากการติดตั้ง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท ผู้จัดการแผนก MRO ต้องเข้าใจว่าพวกเขาจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยที่ไม่เป็นตัวเงินเมื่อคำนวณ KPI และ ROI เพราะสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าเมื่อทำกรณีธุรกิจสำหรับการนำ IVM ไปใช้
ประโยชน์อื่นๆ
การใช้จ่ายสินค้า– หยุดความสูญเสียและการเบิกใช้ของ MRO ในทางที่ผิดโดยสามารถจำกัดปริมาณ กะงานที่ให้บริการ และ มูลค่ารวมของเงินที่ใช้ไป
เครื่องมือใหม่ – ตู้สามารถจ่ายพัสดุที่นำมาใช้ใหม่ ก่อนที่จะจ่ายของใหม่
ขจัดเรื่องสต็อกสินค้าหมด – สามารถนับสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์พร้อมควบคุมระดับสต็อกต่ำสุดและสูงสุด เพื่อนำไปสู่การแจ้งเตือนซัพพลายเออร์ให้มาเติมสินค้าทันที
สินค้าคงคลังที่ล้าสมัยหรือเลิกผลิต – ตู้สามารถจ่ายวัสดุสิ้นเปลืองที่เก่ากว่าก่อน อันใหม่กว่า
ต่อไปนี้คือมุมมองด่านการประหยัดที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด:
บทสรุป
ตู้จำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในภาคอุปทานอุตสาหกรรมในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี IVM เหล่านี้ทำมากกว่าการจ่ายอุปกรณ์ PPE ขนาดเล็ก ภาคการผลิตต่างเดินหน้านำมากกว่าหลายอุตสาหกรรม ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับการหยุดทำงานของเครื่องจักรมีมากกว่าภาคส่วนอื่นๆ การเชื่อมต่อข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงทำให้ผู้จัดจำหน่ายและผู้ค้าแบบรวมศูนย์ (MRO Integrators) สามารถจัดหา IVM ได้ ไม่ใช่แค่สินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นบริการให้กับลูกค้าที่ก้าวไปไกลกว่าการจัดการสินค้าคงคลัง บริการค่อนข้างประหยัด และสามารถเข้าถึงโซลูชันบนคลาวด์ (On Cloud Service)ได้พร้อมกับบริการข้อมูล การวิเคราะห์ การติดตั้ง การบำรุงรักษา และบริการที่จำเป็นในการปรับใช้ IVM ด้วยค่าสมัครรายเดือนเท่านั้น
โฆษณา