3 ก.ค. 2021 เวลา 13:45 • ยานยนต์
รถระบบขับ 4 ดีไหมแล้ว ต่างกันยังไง?????
ในส่วนของระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อเป็นที่รู้กันว่ามีทั้งแบบขับหน้าและขับหลัง แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไม่ได้มีแค่ขับ 4 แบบเดียว มีทั้งแบบ AWD กับ 4WD แล้ว 2 อย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร ครั้งนี้ทาง Red Suns จะมาอธิบายกันครับ
รถระบบขับ 4
รถระบบขับ 4 เริ่มจาก AWD กันก่อน AWD หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า All-Wheel Drive ถูกพัฒนามาจากระบบ Full-Time Four Wheel Drive มีการส่งกำลังการขับเคลื่อนครบทั้ง 4 ล้อตลอดเวลา ถือเป็นระบบการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูง ยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดี เข้าโค้งได้ไม่มีท้ายสะบัด ป้องกันการลื่นไถลเมื่อเจอถนนเปียกลื่นได้ดีกว่าแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ โดยส่วนมากอาศัยการส่งกำลังผ่านชุดเกียร์
ในแง่ของการใช้งาน เหมาะกับการขับเมืองหรือทางปกติ เพราะมีการส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าและคู่หลังแบบ 50/50 ทำให้อัตราแรงเสียดทานเท่ากัน แต่ในเวลาที่มีการเลี้ยวและเข้าโค้งทำให้ล้อคู่หน้ามีแรงเสียดทานลดลง มีการถ่ายกำลังแบบทดแทนกัน เช่น ล้อคู่หน้ามีกำลังเหลือเพียง 30-40% ทำให้ล้อหลังมีกำลังมากกว่า 60-70% ข้อสำคัญของระบบ AWD คือขับลุยได้แต่ไม่ถึงขนาดบุกป่าฝ่าดง เพราะระบบการส่งกำลังไม่เหมาะกับการ Off-Road
4WD ขับ 4
รถระบบขับ 4 อย่างที่สองคือ 4WD ชื่อเต็มคือ Four Wheel Drive หรือที่หลาย ๆ คนอาจคุ้นในชื่อ “ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time” เป็นระบบการส่งกำลังที่เก่าแก่มาก ๆ แต่ยังเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน หลักการทำงานของ 4WD ในเวลาปกติจะขับเคลื่อนแค่ 2 ล้อ มีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง (แล้วแต่แบรนด์) จะใช้งานครบทั้ง 4 ล้อได้เมื่อผู้ใช้งานต้องการเท่านั้น เหมาะทั้งการใช้ขับในเมืองและการใช้งานแบบลุย ๆ Off-Road มัน ๆ
หลักการทำงานของ 4WD นั้นโดยทั่วไปจะมีเกียร์สำหรับขับเคลื่อน 4 ล้ออยู่ข้างเกียร์หลัก โดยเกียร์อีกชุดจะมีการทดแรงเอาไว้ แต่ในปัจจุบันหลาย ๆ รุ่นมีการพัฒนาเป็นเกียร์หลักชุดเดียว มีปุ่มกดหรือสวิตช์บิดไว้เปลี่ยนเป็นขับ 4 เมื่อต้องการใช้งาน สำหรับ 4WD จะมีระบบการทำงานอยู่ 2 แบบคือ 4H หรือ Part-Time High เป็นระบบที่ส่งแรงไปยังล้อคู่หน้าและคู่หลังแบบ 50/50 เหมาะสำหรับการใช้เส้นทางที่เป็นลูกรัง หรือเปียกลื่น สามารถขับเคลื่อนด้วยความเร็วได้ และระบบ 4L หรือ Part-Time Low เป็นระบบที่ต้องใช้ความเร็วต่ำประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยระบบมีการปรับอัตราทดที่เกียร์และเฟืองท้ายให้ส่งแรงบิดได้มากขึ้น เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องบุกตะลุย เช่น ปีนป่าย ขึ้นเขา ลงน้ำ
รถระบบขับ 4 สามารถพาก้าวข้ามอุปสรรคที่มีบนท้องถนนไปได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามการเลือกซื้อรถยนต์สักคันหนึ่งให้ดูการใช้รถในแต่วันของเราเองดีกว่า ว่าได้ขับลุยหรือจำเป็นต้องใช้ระบบขับ 4 ไหม เพราะค่าบำรุงรักษาระหว่างรถขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าหรือหลัง มีการบำรุงรักษาที่ง่ายไม่จุกจิกและค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง ส่วนระบบขับ 4 มีค่าการบำรุงรักษาที่สูงเนื่องจากชุดเพลาและเกียร์ที่เพิ่มเข้ามา
โฆษณา